จากกรณีตำรวจ สภ.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า มีเหตุคนถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีผู้เสียชีวิตที่โรงงานพลาสติก ใน ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยพบศพนางจันทรา ศรีภักดีวงศ์ อายุ 59 ปี ขณะเดียวกันภายในบ้านซึ่งมีรั้วแน่นหนา พบ น.ส.นุ่น อายุ 23 ปี ลูกสาวของนางจันทรามีบาดแผลที่ช่องท้อง เสียเลือดมาก จึงนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนศพนางจันทรา มีรอยช้ำที่คอ แต่ไม่มีบาดแผลที่ร่างกาย จึงมีคนสันนิษฐานว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่แม่ลูกทะเลาะกัน (อ่าน :
ฆ่าโหดเศรษฐีนี ถูกบีบคอดับคาบ้าน เปิดพิรุธรั้วสูงคนนอกเข้ายาก คาดคนในสังหาร)
วันที่ 19 ต.ค. 61 ที่ ต.โพธิ์เก้าต้น จ.ลพบุรี พบว่าวันนี้ที่โรงงานผลิตพลาสติกที่เกิดเหตุปิดเงียบ และไม่มีการเดินเครื่องจักรสำหรับผลิต ด้านในมีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ พร้อมทั้งได้รับข้อมูลว่าในวันพรุ่งนี้ (20 ต.ค. 61) จะมีลูกชายของผู้ตายเข้ามาดูแลกิจการ และเดินเครื่องจักร คุมงานเพื่อไม่ให้ธุรกิจได้รับผลกระทบ
โดย
นายวิชาญ ยอมเสมอ หรือ แขก อายุ 51 ปี ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังโรงงาน เปิดเผยว่า บ้านของผู้ตายจะไม่มีคนนอกเข้าไปได้อย่างแน่นอน เพราะค่อนข้างปิดมิดชิด ซึ่งจะอนุญาตเฉพาะคนสนิทเข้าไปได้เท่านั้น ส่วนพฤติกรรมของ 2 แม่ลูก ตนทราบมาว่าแม่เป็นคนที่พูดตรง ส่วนลูกสาวมีลักษณะคล้ายกับผู้ป่วยเป็นโรคประสาท เพราะก่อนวันเกิดเหตุทราบข่าวมาว่าทั้ง 2 คน ได้เดินทางไปทำบุญที่วัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ เพราะอ้างว่าลูกสาวถูกผีเข้า ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ตนทราบข่าวในตอนเช้าว่าวันรุ่งขึ้นว่านางจันทรา ผู้เป็นแม่เสียชีวิต
ด้าน
นางสมบูรณ์ วัฒนจันทร์ อายุ 69 ปี หัวหน้ากลุ่มแม่บ้านภายในวัด เล่าว่า ในวันเกิดเหตุช่วงประมาณ 17.00 น. มีคนขับรถมาภายในวัด และจอดถามว่าจะถวายสังฆทานได้ที่จุดใด พร้อมกับทักขึ้นว่าที่วัดมีต้นโพธิ์ใหญ่กี่ต้น ซึ่งมีเพียงนางจันทราที่เดินลงมาถามตน ส่วนลูกสาวที่ตามมาด้วยนั่งอยู่ภายในรถ กระทั่งตนแนะนำให้ไปถวายสังฆทานกับพระที่กุฏิ ซึ่งแม่ลูกได้เตรียมชุดผ้าไตร 9 ชุด ชุดสังฆทาน 9 ชุด นอกจากนี้มีดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องครัวอีกจำนวนมากนำมาถวาย
จากนั้นนางจันทราจึงพาลูกไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อที่วัด แต่ลูกกลับมีอาการแปลกประหลาด คือ ร้องหวีดเสียงดัง ลักษณะเหมือนผีเข้า ประกอบกับแม่พูดว่า “มีผีผู้ชายเข้าสิงลูก” อยากให้มีการรดน้ำมนต์ประกอบพิธีใต้ต้นโพธิ์
ด้าน
นางสำรวย เพชรลิตร อายุ 55 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ ได้พาทีมข่าวไปยังจุดเกิดเหตุ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ภายในวัด ที่นางจันทราอ้างว่าลูกสาวถูกผีเข้า พร้อมเล่าว่า ขณะนั้นลูกสาวของนางจันทรายืนหวีดร้อง หันหลังชิดกับต้นโพธิ์ จนกระทั่งเริ่มหมดแรง ค่อย ๆ นั่งลงกับพื้น และมุดตัวเข้าไปภายในซอกรากต้นโพธิ์ นางจันทราได้เข้าไปกอดลูกอยู่บริเวณนั้น จากนั้นพระได้เริ่มประกอบพิธี โดยนำสายสิญจน์มาผูกรอบต้นโพธิ์ขนาดใหญ่
นางสำรวย เล่าต่อว่า ในวันดังกล่าวเป็นช่วงหัวค่ำ ยังไม่มืดมาก แต่บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน บรรยากาศน่ากลัว ส่วนตัวเชื่อว่าการทำบุญใหญ่ของนางจันทราครั้งนี้ เป็นการทำบุญก่อนตาย ชาวบ้านเรียกว่า “บุญใหญ่สุดท้ายก่อนตาย”
ขณะที่
พระครูโสภิตนิมมานการ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เก้าต้น เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าว 2 แม่ลูก เดินทางมาที่วัดเพื่อถวายสังฆทานพระ 9 รูป ซึ่งได้เตรียมชุดผ้าไตร เครื่องสังฆทาน ของใช้นำมาถวายพระ และได้ถวายบริเวณด้านบนกุฏิ แต่ขนะนั้นลูกสาวได้หวีดร้องทำให้คนที่อยู่ในย่านนี้ตกใจ และตัวของลูกสาวได้ขอให้มีการทำพิธีใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ภายในวัด นอกจากนี้ ยังมีอาการที่บ่งบอกไม่อยากอยู่บนกุฎิพระ เดินไปมา ยืนค้ำหัวพระและปัดที่กรวดน้ำทิ้ง พร้อมกับออกไปยืนร้องอยู่บริเวณหน้าประตูจนเกือบจะตกบันไดด้านหน้า
จากนั้น จึงได้นิมนต์พระรวมทั้งสิ้น 9 รูป ไปทำพิธีใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ โดยให้เด็กวัดล้อมสายสิญจน์รอบต้นโพธิ์และจุดธูปเทียน ขณะนั้นนางจันทราต้องการให้มีการถวายบังสกุล แต่ตามธรรมเนียมชาวพุทธแล้ว พระไม่สามารถถวายบังสกุลใต้ต้นโพธิ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ได้ กระทั่งหลังจากที่พิธีจบลง การหวีดร้องของลูกสาวก็เงียบลงกลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้ลักษณะของ 2 แม่ลูกที่เดินทางมาที่วัด พบว่าลูกมีลักษณะอาการแปลกประหลาดคล้ายกับมีอาการทางจิต แต่คนเป็นแม่ไม่มีพฤติกรรมแปลกแต่อย่างใด
ส่วนบรรยากาศงานสวดอภิธรรมศพนางจันทรา ศรีภักดีวงศ์ ณ ศาลาสุวรรณสร วัดป่าธรรมโสภณ จ.ลพบุรี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าและจัดขึ้นแบบส่วนตัว ภายในงานมีญาติเดินทางมาร่วมงาน สำหรับพิธีสวดศพนางจันทราจะมีไปจนถึงคืนวันที่ 21 ต.ค.นี้ จากนั้นจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 22 ต.ค. เวลา 11.30 น. ณ สุสาน วัดป่าธรรมโสภณ