แม่ นศ.อุเทนถูกยิง สะอื้น ภาพติดตา ลูกตายต่อหน้า - แฟน เผยคนดี อดข้าว ออมเงินส่งน้องเรียน (คลิป)

จากกรณีที่นายกมลวิช สุวรรณทัต อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะโลจิสติกส์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย ถูกคนร้ายดักยิงกลางหลัง จำนวน 4 นัด กระสุนฝังใน เสียชีวิต ขณะมาช่วยแม่ขายราดหน้า บริเวณปากซอยนวมินทร์ 57 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น ( อ่าน : เปิดภาพนาทีฆ่า “เด็กอุเทน” สุดกตัญญูช่วยแม่ขายของ อึ้งซุ่มดูก่อนยิง เชื่อปมสถาบัน )

โดยก่อนหน้าที่นายกมลวิช สุวรรณทัต หรือ บิ๊ก เสียชีวิตนั้น ได้โพสต์เฟซบุ๊กโดยระบุว่า "ชีวิตของคนเรา ตั้งแต่เกิด อย่างมากก็ไม่เกิน 70-80 ปี ยืนยาวหน่อยก็ไม่เกินร้อย ต่างมุ่งไขว่คว้า แสวงหาเพื่อ ให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน เงินทอง ลาภยศสรรเสริญ จะยากลำบาก หรือไม่ลำบาก โดยวิธีใดก็ตาม หรือ ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ท้ายที่สุดของชีวิต ก็เอาอะไร ไปไม่ได้ แม้แต่ร่างกายตนเอง คนที่เรารัก ญาติสนิท มิตร สหาย ทุกอย่าง มีเพียง ทรัพย์หนึ่ง ที่เรียกว่า "อริยทรัพย์" คือ ทรัพย์อันประเสริฐ ๗ ประการ เทานั้น ที่ติดตัวเราไปได้ทุกแห่ง เมื่อเราละสังขารลง อันประกอบด้วย ๑.ศรัทธา ๒.ศีล ๓.หิริ ๔.โอตตัปปะ ๕.พาหุสัจจะ ๖.จาคะ และ ๗.ปัญญา"

วันที่ 14 ต.ค. 61 เมื่อเวลา 12.00 น. ครอบครัวสุวรรณทัต พร้อมกลุ่มเพื่อนสนิทกว่า 10 คน เดินทางมาพร้อมพระภิกษุสงฆ์ เพื่อประกอบพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ซึ่งที่บริเวณที่นายกมลวิช สุวรรณทัต หรือ บิ๊ก นอนเสียชีวิตนั้น ยังมีคราบเลือดติดอยู่ที่พื้น ขณะประกอบพิธีมีเพื่อนร่วมด้วย ขณะที่แฟนสาว ร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าตลอดเวลา ซึ่งภายหลังจากพิธีเชิญดวงวิญญาณแล้วเสร็จ กลุ่มเพื่อนได้ทำความสะอาดคราบเลือดที่พื้นด้วย

ในขณะที่ นางสาวแบม (นามสมมติ) แฟนสาวของผู้เสียชีวิต เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตนคบหาดูใจกับผู้เสียชีวิตกว่า 4 ปีแล้ว ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมาง หรือทะเลาะวิวาทกับใคร ถึงแม้เคยถูกติดตามจนต้องหลบไปพักอาศัยบ้านเพื่อน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะถูกก่อเหตุฆาตกรรมมาก่อน สำหรับปมการเสียชีวิตครั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า ตนและผู้เสียชีวิตไม่มีปัญหาเรื่องชู้สาว ไม่เคยมีเหตุทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องชู้สาว และก็ไม่เคยมีเรื่องปัญหาขัดแย้งในที่ทำงาน เพราะผู้เสียชีวิตเป็นคนดี เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง ไม่มีเหตุขัดใจ ขัดผลประโยชน์ใด ๆ ตนจึงเชื่อว่า ปมฆาตกรรมครั้งนี้คือ ความขัดแย้งระหว่างสถาบันอย่างแน่นอน แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะใกล้จบการศึกษา และกำลังเข้าสู่วัยทำงานแล้ว

นอกจากนี้ นางสาวแบม กล่าวต่อว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนดี มีความกตัญญูต่อบิดามารดา ขยันทำมาหากิน เก็บเงินเพื่อครอบครัว ทุกวันที่ฝึกงานในบริษัทแห่งหนึ่งช่วงกลางวัน จะอดข้าวมื้อเที่ยง กินแค่น้ำเปล่าขวดเดียว เพื่อประหยัดเงินให้มากที่สุด เพื่อรอเวลาหลังจากเลิกงาน ค่อยกลับมากินข้าวที่ร้านราดหน้าของตน ซึ่งเหตุที่ผู้เสียชีวิตตั้งใจทำงานเก็บเงินนั้น ให้เงินน้องชายไปเรียนหนังสือ ทั้งนี้ นางสาวแบม ฝากถึงคนร้ายที่กำลังลอยนวลอยู่ว่า ก่อเหตุแล้วก็จะเป็นทุกข์เดือดร้อนใจ ที่ต้องคอยหลบหนี ถึงแม้ว่าตอนนี้จะหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่สุดท้ายก็หลบหนีผลกรรมของการกระทำของตัวเองไม่ได้

ต่อมาในเวลา 13.00 น. ครอบครัวสุวรรณทัต และเพื่อนผู้เสียชีวิตเดินทางไปรับศพที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ด้วยความโศกเศร้า เพื่อมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนา สวดอภิธรรมศพเป็นเวลา 3 วัน ก่อนฌาปณกิจศพต่อไป สำหรับผลชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ นั้น ระบุว่า กระสุนปืนทะลุขั้วหัวใจเสียชีวิต ส่วนรายละเอียดชนิดปืน และจำนวนกระสุนปืน ต้องรอผลชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง

ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดสาครสุ่นประชาสรรค์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ศาลา 5 ที่ตั้งศพนายกมลวิช สุวรรณทัต โดยพิธีสวดอภิธรรมศพเป็นเวลา 3 วัน ก่อนฌาปณกิจศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ครอบครัว ญาติ และกลุ่มเพื่อนร้องไห้เสียใจ

นางเขมนิจ สุวรรณทัต แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุลูกชายไม่ได้สวมเครื่องแบบแสดงตราสัญลักษณ์ของสถาบัน และในแต่ละวันจะสวมใส่เสื้อพนักงานบริษัท มายืนขายราดหน้า แต่กลับถูกคนร้ายวิ่งมาจากลานจอดรถ และรัวยิง 4-5 นัด จนกระทั่งลูกล้มลงต่อหน้าต่อตา ก่อนจะวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ยอมรับว่า วันนี้เสียใจมาก ในหัวอกของคนเป็นแม่ "ไม่รู้ว่าใจคอคนก่อเหตุทำด้วยอะไร ทำไปได้ยังไง"

นอกจากนี้ นางเขมนิจ เล่าว่า ลูกชายรู้จักกับ นายเต้ หนุ่มอุเทนถวาย ที่ถูกแทงเสียชีวิตจริง ซึ่งเต้เคยมาทานข้าวที่บ้านครั้งหนึ่ง และสนิทสนมกับลูกชาย โดยส่วนตัวแม่ไม่ทราบว่ามีความเกี่ยวพันธ์กันอย่างไร แต่เชื่อว่าอาจจะมีส่วนเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันในการเสียชีวิตของลูกชาย ส่วนเรื่องของคดีนั้น ไม่กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำงานอย่างมีคุณธรรม ประกอบกับมีหลักฐานที่ชัดเจน จึงคิดว่าจะสามารถจับกุมตัวมือยิงลูกชายของตนอย่างแน่นอน