จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์แจ้งเตือนภัยผู้ใช้รถใช้ถนน โดยระบุว่า ตนพบเชือกรั้งขณะขับรถจักรยานยนต์ผ่านใต้สะพานกลับรถแห่งหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างมืดเพราะไม่มีไฟส่องสว่าง โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ โชคดีที่รอดมาได้ด้วยสติ และได้เข้าแจ้งความเรียบร้อยแล้วนั้น
วันที่ 13 ต.ค. 61
นายนิรุตติ วิโรจน์กุล อายุ 31 ปี ผู้โพสต์ข้องความดังกล่าว เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 11 ต.ค. ขณะที่ตนกลับจากทำงานย่านรามคำแหง ซึ่งจะต้องกลับรถที่ใต้สะพานหน้าวัดลาดบัวขาว พบว่าจุดดังกล่าวค่อนข้างมืด ประกอบกับมีรถจักรยานยนต์ของตนแค่คันเดียว ซึ่งเมื่อขับรถลงไป รู้สึกว่ามีเชือกกั้นรถของตนเอาไว้ และมีความรู้สึกคล้ายถูกดึง ตนจึงพยายามขับรถต่อไปช้า ๆ พร้อมดึงเชือกออกทางศีรษะ จากนั้นจึงขับออกมาจากทางกลับรถ พบว่าตัวเองมีบาดแผลจากเชือกบาดที่บริเวณแขนด้านขวาและรอยช้ำที่แขนซ้าย
โดยช่วงเย็นของวันเดียวกัน ตนกลับมาที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่ามีเชือกไนลอนผูกติดกับเสาตอม่อใต้สะพาน โดยมีรอยขาด จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ประเวศ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่ามีคนคอยดึงเชือก เพราะความรู้สึกตอนที่ขับรถผ่านเหมือนมีการกระตุกเชือก โดยวัตถุประสงค์อาจจะต้องการทรัพย์หรือคึกคะนอง โดยก่อนหน้านี้ตนเคยขับรถผ่านจุดดังกล่าวในเวลากลางคืน แต่ยังไม่เคยเจออันตราย
จากนั้นนายนิรุตติ นำทีมข่าวไปดูจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางกลับรถใต้สะพาน พบว่าจุดดังกล่าว เป็นถนนสองเลน จุดที่พบเชือกคือตอม่อต้นที่ 5 และมีลักษณะการขึงแบบเฉียงไปอีกฝั่ง แต่ไม่พบเชือกเส้นดังกล่าวแล้ว ซึ่งผู้โพสต์อ้างว่าเชือกถูกพลเมืองดีเก็บไป
ด้าน
นายขวัญชัย ผึ้งเอี่ยม ประธานชุมชนมุสลิมสัมพันธ์ แขวงทับช้างบน เขตสะพานสูง ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ติดทางกลับรถ ยืนยันว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ขึงเชือกตามที่เป็นข่าว รวมถึงไม่เคยมีเหตุอาชญากรรมใต้สะพาน เพราะชุมชนคอยดูแล เนื่องจากใต้สะพานมีไฟส่องสว่าง และรถขับผ่านตลอด แต่ไฟเพิ่งเสียเมื่อไม่นาน ซึ่งตนเชื่อว่าคนในชุมชนไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าวแต่น่าจะเป็นคนจากที่อื่นเข้ามาทำ
ขณะที่
พันตำรวจเอกอดิศักดิ์ ชูพันธุ์ ผู้กำกับการ สน.บางชัน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โดยระบุพื้นที่ดังกล่าวเป็นของ สน.บางชัน และได้เชิญผู้โพสต์ไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่สน.บางชัน เพื่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามตรวจสอบ และพบว่ามีช่างเข้ามาติดตั้งและซ่อมแซมไฟส่องสว่างใต้สะพาน โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการติดไฟแล้ว แต่เสียไปในช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะถูกตัดสายไฟ