แกะรอย 3 นักโทษแหกคุก อึ้ง “อุจจาระ” ทิ้งป่ายาง ปีนบ้านคนขโมยมีด ตัดกล้วยกินประทัง (คลิป)

13 ต.ค. 61
จากกรณีภาพกล้องวงจรปิดเผยเหตุการณ์ระทึก ที่เรือนจำหลังสวน พบว่ากลุ่มนักโทษชายได้พยายามหลบหนีการคุมขัง โดยทั้งหมดพยายามต่อสู้และวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ของเรือนจำ กระทั่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 1 คน บริเวณหน้าประตู และจับกดไว้กับพื้น พร้อมรีบปิดประตูเพื่อไม่ให้นักโทษที่เหลือหลบหนี แต่พบว่านักโทษคนดังกล่าวได้ชิงรถของเจ้าหน้าที่ และขับพุ่งชนประตูเหล็ก จนทับนักโทษอีกคน ที่นอนอยู่บริเวณหน้าประตูเรือนจำ และขับรถหลบหนีไปได้ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ 400 นาย สุนัขดมกลิ่นเร่งล่าตัวนักโทษ โดยคาดว่ายังอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากมีอุปสรรคการหนีเป็นโซ่ตรวนที่ติดตัวไปด้วย (อ่าน : เปิดภาพนักโทษหนีระห่ำอีกมุม! 400 นายระดมค้นป่า ล่องทางน้ำล่าตัว เจอแล้วรอยเท้า)
ศาลจังหวัดหลังสวน
ภาพจำลองเหตุการณ์ การหลบหนีของนักโทษ (1)
ภาพจำลองเหตุการณ์ การหลบหนีของนักโทษ (2)
ภาพจำลองเหตุการณ์ การหลบหนีของนักโทษ (3)
วันที่ 12 ต.ค. 61 พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า การค้นรถราชทัณฑ์ที่ผู้ต้องหาขโมยไปแล้วถูกพบกลางป่านั้น พบว่าภายในรถมีชุดของผู้ต้องหาอยู่ ในวันนี้จึงนำชุดของผู้ต้องหาที่เก็บไว้ในล็อกเกอร์ของเรือนจำ เพื่อเตรียมไว้สำหรับสุนัขตำรวจดมกลิ่น และจุดที่คาดว่าผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปในป่า เบื้องต้น ศาลจังหวัดหลังสวนได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในข้อหาหลบหนีการจักกุมของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากผู้ต้องหาที่หลบหนีไปถือว่ามีความอันตรายกับประชาชนทั่วไป
พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร
ทั้งนี้ ได้วางกำลังพลไว้ค้นหาในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งจุดที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปนั้น เป็นพื้นที่ป่าห่างไกลชุมชน ทำให้ไม่พบกล้องวงจรปิด ซึ่งหากใครพบผู้ต้องหาแต่งกายใส่ชุดคล้ายกับนักโทษก็สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน 191 อย่างไรก็ตาม วันนี้เจ้าหน้าที่ค้นหาผู้ต้องหาต่อไปในทุกช่องทาง ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีผู้ใดให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาในการหลบหนีด้วยหรือไม่
เส้นทางการหลบหนีของนักโทษดังกล่าว
จากนั้น ทีมข่าวลงพื้นที่มายังจุดที่ผู้ต้องหานำรถมาจอดทิ้งไว้ ในป่าไร่นาสวนผสม ซึ่งปลูกต้นทุเรียน อยู่ภายในหมู่บ้านห้วยคล้า หมู่ 12 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร โดยจุดนี้อยู่ห่างจากหน้าศาลจังหวัดหลังสวน ราว 20 กิโลเมตร ร่องรอยที่ผู้ต้องหานำรถมาจอดทิ้งไว้ พบว่าอยู่ใกล้กับแนวภูเขา และลำธาร คาดว่าคนร้ายพยายามขับรถเข้ามาในสวนเพื่อหลบหนีไปต่อ แต่รถเกิดติดหล่ม จึงใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปในป่าแทน และใกล้กับจุดจอดรถ ยังพบร่องรอยล้อรถที่ติดหล่มภายในสวน ซึ่งจากจุดจอดรถ ถึงบ้านที่ผู้ต้องหาเข้าไปขโมยของ มีระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร
บ้านกลางสวน ของนายทวี ภาสภิรมย์
จากนั้น คนร้ายเดินเท้าจากจุดที่ทิ้งรถ ไปยังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่กลางสวนไร่ผสมปลูกต้นปาล์มและมังคุด พบว่าเป็นบ้านปูนขนาดชั้นเดียว ประตูและหน้าต่างทำจากไม้ มีประตูทางเข้า 1 บาน และหน้าต่างอีก 2 บาน นายทวี ภาสภิรมย์ เจ้าของบ้าน พาทีมข่าวไปชี้จุดที่ผู้ต้องหาทำการปีนขึ้นไปบนหลังคา โดยพบว่า ผู้ต้องหาใช้วิธีปีนหลังคา แล้วนำกระเบื้องปูหลังคาออกจำนวน 1 แผ่น จากนั้นจึงเข้าไปในบ้าน เพื่อรื้อค้นอุปกรณ์ทำครัว ค้อน เลื่อย และมีดทำครัว ภายในบ้าน คาดว่าคนร้ายอาจนำมาใช้ตัดโซ่ตรวนที่ยังผูกติดกับมือและเท้า เมื่อไม่สำเร็จจึงหนี
นายทวี ภาสภิรมย์ เจ้าของบ้านกลางสวน
นายทวี ภาสภิรมย์ เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ปกติบ้านหลังนี้ไม่ได้ใช้พักอาศัย แต่ปลูกไว้สำหรับพักผ่อนหลังเสร็จงานจากสวน ภายในบ้านจะเก็บอุปกรณ์สำหรับการเกษตรไว้ โดยกลุ่มคนร้ายขโมยมีดทำครัว จำนวน 3 เล่มออกไป นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยที่คนร้ายได้ทำการรื้อค้นอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ตนจะวางเก็บไว้ตามจุดต่าง ๆ แต่คาดว่าคนร้ายได้รื้อออกมาเพื่อพยายามที่จะนำมาตัดโซ่ตรวนที่มัดมือและเท้าไว้ โดยก่อนคนร้ายจะปีนเข้ามาในบ้าน ได้ใช้วิธีการนำกระเบื้องบนหลังคาออก ซึ่งระหว่างพื้นกับหลังคานั้นไม่สูงมากนัก หากผู้ต้องหามากัน 2 คน ก็คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือกันดันตัวคนหนึ่งขึ้นบนหลังคาแล้วเอากระเบื้องหลังคา ออก 1 แผ่นได้ ซึ่งกระเบื้องเพียงแผ่นเดียว ตัวคนก็สามารถรอดลงไปเข้าบ้านได้ สำหรับวันเกิดเหตุ ตนไม่ได้กลับมาบ้าน เพราะไปทำธุระที่ ต.หลังสวน มาถึงบ้านก็มีตำรวจเข้ามาหมดแล้ว โดยทราบว่าจุดที่ผู้ต้องหาจอดรถทิ้งไว้นั้นห่างจากบ้านตน 1 กิโลเมตร นักโทษจึงจะเดินมาตามเส้นทางถนนภายในสวนได้ โดยพื้นที่สวนของตนทั้งหมดมีประมาณ 30 ไร่ ซึ่งหากคนร้ายข้ามภูเขาในสวนได้ ก็จะพบป่าโกงกาง และป่าพรุ
นายเสรี ภาสภิรมย์ หลานของเจ้าของบ้านกลางสวน
นายเสรี ภาสภิรมย์ หลานของเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ขณะที่ตนกำลังตัดหญ้าอยู่ในสวนปาล์ม เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 10 นาย ได้เข้ามาสอบถามตนว่าเห็นคนร้ายซึ่งหลบหนีเข้ามาในสวนของตนหรือไม่ ตนจึงตอบว่าไม่เห็น และพาเจ้าหน้าที่เดินสำรวจรอบสวนของตน แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ตนจึงพาเจ้าหน้าที่เดินไปสำรวจที่บ้านของอา คือ บ้านที่คนร้ายเข้าไปขโมยของ แต่ไม่พบตัวนักโทษ จึงพากันเดินย้อนกลับมายังจุดเดิมที่ตนตัดหญ้า
นักโทษลอบเข้าบ้านกลางสวนของนายทวี
แต่เมื่อกลับไปยังบ้านของอา จึงพบว่าหลังคากระเบื้องถูกเปิดออก และมีร่องรอยการถูกรื้อค้น จึงแน่ชัดว่าคนร้ายน่าจะเข้ามาในช่วงที่ตนพาตำรวจเดินดูรอบ ๆ สวน ส่วนคนร้ายได้เอารถไปจอดไว้อีกจุดหนึ่ง ห่างจากจุดที่ตนตัดหญ้าไปอีก 1.5 กม. ส่วนตัวคิดว่าคนร้ายน่าจะใช้เส้นทางตามลำน้ำหลบหนี หรือ ปีนขึ้นภูเขาไป แต่การปีนภูเขาจะลำบากกว่าหลบหนีทางน้ำ ทั้งนี้ ยังไม่พบร่องรอยเท้าของคนร้ายที่ล่องไปตามน้ำ และไม่ได้ยินเสียงโซ่ตรวนที่ผูกติดกับตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาในสวนของตนประมาณ 2 ราย ส่วนอีกรายหลบหนีไปที่สะพานบ้านด่าน โดยจุดในสวนบ้านตน ปกติแล้วบุคคลภายนอกจะไม่ค่อยเข้ามา ซึ่งตนก็คิดว่าคนร้ายอาจไม่เคยเข้ามาเช่นกัน แต่เพราะคนร้ายนำรถไปจอดทิ้งไว้ แล้วเดินตามร่องน้ำมาเรื่อย ๆ พอเจอบ้านพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีคน จึงทำการเข้าไปรื้อค้น อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าคนร้ายยังอยู่ในพื้นที่และหนีไปไม่ได้ไกล เพราะมีเจ้าหน้าที่ล้อมรอบภูเขาและเส้นทางทะเลไว้หมดแล้ว ซึ่งหากหนีไปทางทะเลก็จะพบป่าโกงกาง และสามารถเข้าไปยังตัวเมือง อำเภอทุ่งตะโก เชื่อมต่อไปยังอำเภอสวี ซึ่งเป็นเส้นทางที่คนร้ายรู้จักเป็นอย่างดี เพราะมีคนร้ายรายหนึ่งเป็นคนอำเภอสวี ส่วนตัวตอนนี้ยอมรับว่าหากยังจับคนร้ายไม่ได้ ก็ค่อนข้างกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มีการระดมกำลังโอบล้อมรอบพื้นที่ก็รู้สึกสบายใจขึ้น
นายเสรีพาผู้สื่อข่าวสำรวจพื้นที่
จากนั้น นายเสรี ได้พาทีมข่าวเดินไปสำรวจพื้นที่ เป็นจุดที่ห่างจากบ้านพักของนายทวี ประมาณ 1 กิโลเมตร แต่จะอยู่ไม่ไกลจากภูเขา โดยนักโทษสามารถใช้เส้นทางปีนเขาลัดเลาะหรือข้ามภูเขาไปได้แล้ว ยังสามารถใช้เส้นทางหลบหนีด้วยการเดินเท้าไปตามลำธารที่อยู่ภายในสวนได้อีกด้วย ซึ่งการเดินเท้าในลำธารก็ไม่ได้ยากลำบาก ส่วนจุดหน้าภูเขาสูงชัน มีการปลูกต้นปาล์ม ต้นยาง ต้นกล้วย และมะละกอ จึงคาดว่าคนร้ายน่าจะนำมีดทำครัวที่ขโมยไป มาใช้ตัดต้นกล้วยเพื่อนำไปกินเป็นอาหาร เนื่องจากจุดหน้าภูเขาจะมีการปลูกต้นกล้วยอยู่จำนวนมาก
นางเปรี้ยว (นามสมมติ) ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในป่าสวนยาง
ขณะที่ นางเปรี้ยว (นามสมมติ) ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในป่าสวนยาง และเห็นเหตุการณ์ขณะนักโทษชายเข้ามาหลบหนีในป่า เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมา 03.30 น. ขณะตนและลูกสาว พร้อมเจ้าหน้าที่ 1 นาย กำลังนั่งอยู่หน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงคล้ายกับคนเดินลากโซ่ตรวนขึ้นไปบนเขา พอตนได้ยินก็วิ่งขึ้นไปดู แล้วพบว่าเป็นป่ารกทึบ จึงขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจดู แต่ก็ไม่พบตัวคน ทั้งนี้ เสียงที่ตนได้ยินนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นเสียงโซ่ตรวน ลากกระทบกับไม้ในป่า โดยเสียงที่ได้ยินนั้นคาดว่าอยู่ห่างจากบ้านตนไปเพียง 400-500 เมตร นางเปรี้ยว ยอมรับว่า ตอนนี้ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ เพราะมีครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หากนักโทษหนีคดียังหลบอยู่ใกล้กับบ้านของตน ก็เกรงว่าจะออกมาทำอันตรายให้กับชาวบ้าน ซึ่งอย่างเมื่อคืนนี้ พอได้ยินเสียงโซ่ลาก ตนก็รีบวิ่งมาจับลูกไว้ แล้วเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยดูแลและขอกำลังเสริม ซึ่งทำให้เกิดความหวาดระแวง ไม่กล้านอนตลอดทั้งคืน
อุจจาระที่คาดว่าเป็นของนักโทษที่อยู่ระหว่างหลบหนี
โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมบริเวณโดยรอบทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงกัน ทั้งจุดสะพานหน้าด่าน วัดเขาเสก และจุดข้างป่ายางในสวนของตน ส่วนการค้นหาทางเรือ ได้ยินมาว่ามีร่องรอยเท้าของผู้ต้องหาเดินขึ้นจากน้ำ นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ยังพบร่องรอยอุจจาระของผู้ต้องหา ที่อยู่ใกล้กับศาลตายายอีกด้วย สำหรับร่องรอยอุจจาระดังกล่าว พบว่ายังเป็นร่องรอยใหม่ ซึ่งมั่นใจว่าเป็นอุจจาระของมนุษย์ โดยชาวบ้านให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้นำสุนัขตำรวจเข้ามาดมกลิ่น จากนั้นสุนัขตำรวจได้วิ่งนำเส้นทางไปยังป่าสวนยางที่อยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังปิดล้อมบริเวณโดยรอบทั้งหมด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ