มือฆ่าสาวเปลือยลมจับโชว์ท่าบีบคอเหยื่อ ผัวเก่าเชื่อจงใจกุเรื่องหยามเจ้าโลก (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าตรวจสอบร่างของ น.ส.จิราพร พันวงษา หรือ น้อยหน่า อายุ 27 ปี ที่นอนหงายเสียชีวิตในลักษณะร่างกายเปลือย อยู่บนเตียงภายในห้องพักชั้น 2 ของอะพาร์ทเมนต์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยภายในห้องไม่มีร่องรอยการรื้อค้นหรือต่อสู้ พบเพียงถุงยางอนามัยใช้แล้ว และยังไม่ได้ใช้อยู่ภายในห้องเท่านั้น หลังรับจากจากผู้ดูแลว่ามีหญิงหมดสติอยู่ในห้องพักดังกล่าว

ล่าสุด วันที่ 6 ก.ย. 64 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายเอกพจน์ ครองยุติ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาได้แล้ว พร้อมคุมตัวนายเอกพจน์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่อะพาร์ตเมนต์จุดเกิดเหตุ

จุดแรกบริเวณที่จอดรถจักรยานยนต์ ผู้ต้องหาขับรถมาจอด ก่อนจะเดินไปที่ประตูทางเข้าอะพาร์ตเมนต์ ชี้หน้าประตู จุดที่ผู้ตายลงมารับ จากนั้นชี้บันไดทางขึ้นอะพาร์ตเมนต์ชั้น 2 เมื่อขึ้นมาชั้น 2 ให้ยืนหันหน้าไปทางบันได ตามมุมภาพที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้

จากนั้น เดินมาที่ห้องจุดเกิดเหตุ ชี้ประตูทางเข้า เดินเข้าไปในห้อง เมื่อเดินเข้าไปด้านในผู้ต้องหามีอาการเกร็ง คล้ายจะหมดสติ เจ้าหน้าที่ต้องให้พักก่อน ระหว่างนั้นผู้ต้องหาลงไปนั่งที่พื้นปลายเตียง พร้อมยกมือไหว้ขอขมาผู้ตาย ก่อนผู้ต้องหาจะจำลองขึ้นไปบนเตียง ทำท่าบีบคอผู้ตายจนนอนแน่นิ่งไป แล้วจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะ สร้อยข้อมือทองคำ 1 เส้น ซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้ตายทั้งหมด

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาออกมาจากห้อง ผู้ต้องหาก็มีอาการคล้ายจะเป็นลมอีกครั้ง เพราะความเครียดและอากาศร้อน จนลงมาด้านล่างอะพาร์ตเมนต์และชี้จุดที่ขึ้นรถจักรยานยนต์กลับออกไป

ทั้งนี้นายเอกพจน์ ผู้ต้องหา กล่าวว่า ช่วงที่ขึ้นไปบนห้องได้ขอโทษ น.ส.จิราพร เพราะไม่ได้ตั้งใจทำให้ตาย ตนแค่มาใช้บริการไม่ได้คิดว่าจะเลยเถิดขนาดนี้ เหตุที่บีบคอเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้ตั้งใจ และฝ่ายหญิงก็ไม่ทันได้ร้องขอชีวิต

พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภาค 1 เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อแถลงข่าวเกี่ยวกับคดี โดย มี พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ร่วมแถลงจับกุม

โดยมีของกลาง 1. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CLICK สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กผ 381 ชลบุรี จำนวน 1 คัน 2. สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 2 บาท 3. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 12 จำนวน 1 เครื่อง 4. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 7 สีชมพู 1 เครื่อง 5. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 5 สีขาว จำนวน 1 เครื่อง 6. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อวีโว่ 1 เครื่อง 7. เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและรองเท้าของกลางที่คนร้ายสวมใส่และใช้ก่อเหตุ

ต่อมา ช่วงสายวันที่ 1 ก.ย. ผู้ต้องหาเข้าไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันใน พื้นที่ สน.บางนา และบีบคอบังคับให้หญิงสาวผู้เสียหายโอนเงินให้ 6,000 บาท พร้อมกับเอาโทรศัพท์มือถือติดมือไปด้วย วันที่ 3 ก.ย. หลังก่อเหตุจึงเข้าไปเก็บข้าวของที่ห้องพัก และเบิกเงินนายจ้างที่ผู้ต้องหาไปช่วยรับเหมาทาสี ก่อนนั่งแท็กซี่หลบหนีไปอยู่กับแฟนที่เพิ่งคบหากันที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี กระทั่งถูกจับกุม

สำหรับประวัติของนายเอกพจน์ ครองยุติ ผู้ต้องหา เคยก่อคดีในพื้นที่ สน.บางขุนเทียนเมื่อปี 2559 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 59 เหตุเกิดย่านจอมทอง พฤติการณ์หลอกผู้เสียหายผ่านแอปหาคู่ฯ และพูดคุยกัน จากนั้นชักชวนไปที่ห้องผู้เสียหาย ทำร้ายร่างกายและข่มขืน ก่อเหตุเสร็จขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายไปบางส่วนและหลบหนีไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 59 แจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ทำร้ายร่างกาย และลักทรัพย์

โดยกล้องวงจรปิดที่หอพักจุดเกิดเหตุ เวลาประมาณ 23.10 น. นายเอกพจน์ ครองยุติ ผู้ต้องหาได้ขับมอเตอร์ไซค์สวนเลนเข้ามาที่ตัวอาคาร โดยไม่ใส่หมวกกันน็อก จากนั้นใช้เสื้อแขนยาวสีดำเช็ดเนื้อเช็ดตัว และแต่งตัวใส่หมวกปกปิดใบหน้า รปภ.ได้พามาที่ตัวอาคารแล้วรอจนกว่าให้ผู้เสียหายออกมารับคนร้ายพาเข้าตัวอาคาร

กล้องอีกมุมชั้น 2 หน้าห้อง น.ส.จิราพร เวลาประมาณ 23.13 น. น.ส.จิราพร เดินออกจากห้องลงมาชั้น 1 ก่อนเปิดประตูให้ผู้ต้องหาเข้าไปด้านใน และเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกัน

เวลาประมาณ 23.50 น. ผู้ต้องหาลงมาด้านล่าง เวลาประมาณ 00.58 น. ผู้ตายลงมาด้านล่างที่บริเวณประตู เดินวนไปมา เป็นช่วงเวลาที่ ผู้ตายถ่ายคลิปหน้าทางเข้าอาคารก่อนจะเดินกลับขึ้นห้อง เวลา 01.02 น. เดินลงมาอีกครั้ง ผู้ต้องหารออยู่หน้าประตู มีการเปิดประตูให้ผู้ต้องหา ก่อนเดินขึ้นชั้น 2 โดยผู้ต้องหาเดินตามหลัง เวลาประมาณ 02.35 น. ผู้ต้องหาเดินออกมาจากห้องโดยทำท่าทางปกติ จากนั้นขับมอเตอร์ไซค์ออกจากอาคาร โดยมี รปภ.สอบถามข้อมูลก่อน จากนั้นคนร้ายได้เดินทางกลับ

เมื่อเวลา 10.30 น. นายณัฐพงษ์ จันทร์นิล อายุ 30 ปี อดีตสามีผู้ตาย ได้นิมนต์พระจากวัดบางปิ้ง เพื่อทำพิธีเชิญวิญญาณที่จุดเกิดเหตุภายในห้องพัก ชั้น 2 ของอะพาร์ตเมนต์ โดยพิธีเริ่มจากพระสงฆ์จุดเทียน 2 เล่ม ธูป 3 ดอก และนำดอกไม้วางปลายเตียง
จากนั้นสวดเชิญวิญญาณ เรียกชื่อ-นามสกุลผู้ตาย ให้กลับบ้าน ก่อนจะสวดแผ่เมตตาให้ผู้ตาย และพรมน้ำมนต์ทั่วห้อง

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า แม่ของผู้ตายบอกว่าดวงวิญญาณของ น.ส.จิราพร ยังร้องไห้อยู่ในห้อง จึงต้องมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณให้กลับบ้าน ซึ่งตนก็บอกให้ น.ส.จิราพร กลับบ้านไปอยู่กับแม่และลูก ๆ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้แล้ว ตนก็อยากเห็นหน้า อยากรู้ว่าทำแบบนี้ได้อย่างไร สาเหตุที่บอกออกมาว่าผู้ตายด่านั้นฟังไม่ขึ้น เพราะน.ส.จิราพร ไม่ใช่คนหยาบคาย เชื่อว่านายเอกพจน์จงใจมาฆ่าแน่นอน

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง หมู่ 2 บ้านทุ่งโปร่งเหนือ ตำบลกุดจิก อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู บ้านเกิดของผู้ตาย นายอำนวย พันวงษา อายุ 63 ปี พ่อของผู้ตาย พาทีมข่าวเข้าไปดูห้องนอนของผู้ตาย ขณะนี้กลายเป็นห้องเก็บของ เนื่องจากผู้ตายย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯ 3-4 ปีแล้ว นาน ๆ จะกลับมาบ้านสักครั้งหนึ่ง ทางครอบครัวไม่มีสิ่งของระลึกถึงผู้ตายแม้แต่สิ่งเดียว

นายอำนวย บอกว่า ขณะนี้ครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้แต่ร้องไห้ทุกครั้งเมื่อเห็นหน้าหลาน ซึ่งเป็นลูกของผู้ตาย แล้วคิดในใจว่า "ทำไมถึงทำกับลูกของพ่อแบบนี้" โดยแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าไม่นานคนร้ายก็จะถูกปล่อยตัวออกมาจากคุก อย่างที่เห็นกันอยู่ว่าคนร้ายเพิ่งออกจากคุกมาก็กลับมาก่อนเหตุชิงทรัพย์ แล้วก่อเหตุฆ่าลูกสาวตน แสดงให้เห็นว่าคนร้ายไม่เคยสำนึกผิด และไม่เคยกลับตัวกลับใจ ศาลควรตัดสินประหารชีวิต เพื่อจบปัญหา

ขณะนี้ยังไม่มีใครฝันเห็นผู้ตาย ตนก็อยากจะให้ผู้ตายมาเข้าฝันบ้าง มีแต่เพื่อนของผู้ตายฝันเห็นอยู่บ้าง หลานรับรู้ว่าแม่เขาเสียชีวิต แต่ยังไม่รู้จักความหมายของความตาย และยังไม่รู้ว่าแม่จะไม่กลับมาแล้ว จากนี้ตนจะเลี้ยงดูหลานทั้ง 2 คนต่อ ยอมรับว่าลูกสาวเป็นเสมือนเสาหลักของครอบครัว ขายของออนไลน์ ส่งเงินมาให้ครอบครัวเดือนละ 2,000-5,000 บาท ส่วนตนและภรรยานั้นรับจ้างทำงานก่อสร้างและรับจ้างทั่วไป ซึ่งต่อเดือนต้องหาเงินให้ได้รวมกันประมาณ 20,000 บาท เพื่อจ่ายค่าน้ำค่าไฟและค่าอาหารของคนในครอบครัวและหลาน

ตนอยากจะบอกลูกสาวว่า "ถ้าวิญญาณยังไม่ไปไหน ก็กลับมาอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่กับลูก ขออย่าให้อย่าลูกทรมานเลย เกิดใหม่ขอให้เจริญ อย่าถูกฆ่าทิ้งอีก"

นายต้นทอง ศรีภูธร อายุ 69 ปี ลุงของผู้ตาย เล่าว่า ในคืนวันที่ 4 ก.ย. หลังจากครอบครัวทราบแล้วว่าผู้ตายเสียชีวิต ขณะที่นอนหลับในช่วงกลางดึกบริเวณหน้ารูปหน้าศพของผู้ตาย ได้ฝันเห็นผู้ตายมายืนอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน พร้อมพูดว่า "เหนื่อย ไม่มีแรงจะเข้าบ้าน" ซึ่งรุ่งเช้าวันที่ 5 ก.ย. ตนก็ได้จุดธูป 1 ดอก แผ่เมตตาให้ผู้ตาย พร้อมพูดว่า "อุทิศบุญให้ กลับมาที่บ้านนะ"

นายต้นทอง บอกว่า ตนเลี้ยงแม่ของผู้ตายมาตั้งแต่เด็ก จนได้มาเลี้ยงผู้ตายและหลายผู้ตายตามลำดับ โดยตั้งแต่เด็ก ผู้ตายเป็นเด็กนิสัยดี คอยช่วยพ่อแม่ทำงานต่าง ๆ ซึ่งเมื่อตนได้รับรู้ข่าวว่าผู้ตายถูกฆาตกรรม ตนก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากจนถึงกับทรุดลงกับพื้น อยากให้ผู้ก่อเหตุเดินทางมาขอขมาอัฐิผู้ตาย รวมถึงกราบขอโทษพ่อแม่ของผู้ตาย แต่คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิดและผู้ก่อเหตุต้องเข้าคุก

ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าคนในครอบครัวโกรธแค้น แต่คงไม่สามารถทำอะไรผู้ก่อเหตุได้ เพราะมีกฎหมายคุ้มครองผู้ต้องหา ตนไม่เข้าใจจิตใจของผู้ก่อเหตุ ตนอยากถามผู้ก่อเหตุว่า "แค้นอะไรมากมาย ถึงทำแบบนี้" ผู้ตายเป็นผู้หญิงตัวเล็กไม่มีทางสู้ ทำไมไม่มาทำผู้ชายด้วยกัน เก่งกับแต่คนไม่มีทางสู้ ตนขอวอนหน่วยงานยุติธรรมให้ตัดสินโทษของผู้ก่อเหตุให้หนัก เพราะเกรงว่าพ้นโทษออกมาจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ตายชี้ให้เห็นแล้วว่าผู้ก่อเหตุไม่เคยกลับตัวได้ เพราะมีคดีเก่ามาด้วย

ขณะที่แชตของผู้ตายที่คุยกับผู้ต้องหาก่อนเกิดเหตุ เวลา 00.49 น. นายเอกพจน์ถาม น.ส.จิราพร ว่าจะลงมารับไหม ฝ่ายหญิงตอบว่าติดงานอยู่ นายเอกพจน์จึงบอกว่าจะให้ยามพาขึ้นไปนะ คุยกันแล้ว เวลา 00.52 น. นายเอกพจน์บอกว่า "บอกมาตรง ๆ เลย เสียเวลา " เวลา 00.59 น. น.ส.จิราพร ถามว่า "พี่อยู่ตรงไหนคะ เดินเข้ามาเลยค่ะ" นายเอกพจน์บอกว่าอยู่ตรงประตู พร้อมถ่ายภาพหน้าประตูส่งไปให้ พร้อมถามว่า "จะเอาไงครับ" จากนั้นเวลา 01.01 น. น.ส.จิราพร บอกว่าให้เดินเข้ามา พร้อมถ่ายภาพหน้าประตูจุดที่ตัวเองยืนอยู่