จากกรณี มีหญิงร้องเรียนรายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ ทีวี หลังถูกเท้าแชร์ทำร้ายไลฟ์พร้อมกับตบทวงหนี้ต่อหน้าลูก อ้างขัดดอกเบี้ย พร้อมส่งคลิปให้เป็นหลักฐานนั้น ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้นั้น
วันที่ 1 ก.ย. 64 นางรษา เจ้าหนี้แชร์ ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า หลังจากวันเกิดเหตุ ตนก็ยังไม่ได้เจอกับทางนางจุ๋มคู่ กรณี ซึ่งทางฝ่ายตนก็ยังไม่ได้มีการติดต่อเจรจาหรือพูดกล่าวขอโทษแต่อย่างใด เพราะส่วนตัวมีความคิดว่า "ตนไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายขอโทษ" เนื่องจากตนไม่เข้าใจว่าตนผิดอะไร เพราะเรื่องที่เกิดไม่ได้เริ่มขึ้นจากตน แต่เกิดจากทางฝั่งคู่กรณีที่ไม่มีความรับผิดชอบ ส่วนชายที่อยู่ในคลิปขณะเกิดเหตุด้วยเป็นสามีของตน ไม่ใช่ลูกน้อง
ทั้งนี้ เมื่อวาน 31 ส.ค. 64 ตนได้ไปรับทราบข้อกล่าวหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมทวน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สุดท้ายนี้ตนอยากบอกว่าที่ตนทำไปเป็นเพราะเกิดความโมโห เนื่องจากอดกลั่นมานาน ที่นางจุ๋ม ลูกหนี้ ทำพฤติกรรมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ โดยการไม่ยอมส่งเงินให้ตนมากกว่า 10 วัน ตนต้องทวงถามทุกวัน แต่ก็ไม่เคยได้ อีกทั้งตนก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องใช้จ่าย แต่หากต้องมารับผิดชอบ สำรองเงินจ่ายค่าแชร์ให้กับลูกหนี้ที่ติดค้างทุกวันก่อนก็คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็มีคนมาให้กำลังใจตนเช่นกัน เพราะเข้าใจหัวอกคนเป็นเท้าแชร์
ทีมข่าวอมรินทร์ ลงพื้นที่ไปจุดเกิดเหตุ ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี นางจุ๋ม (นามสมมติ) ผู้เสียหาย
เผยว่า ล่าสุดช่วงเย็นวานนี้ 31 ส.ค. 64 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมทวน ได้มีการเรียกตนพร้อมกับนางรษา ผู้ก่อเหตุ คู่กรณีไปสอบสวนเจรจาที่โรงพักแล้ว ตนและคู่กรณีก็ได้เจอหน้ากัน ไม่ได้มีการพูดคุย เนื่องจากตนพยายามหลีกเลี่ยงการมีปากเสียง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทางนางรษา ในข้อกล่าวหาความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนความผิดเพิ่มเติมสามารถแจ้งเพิ่มได้ โดยที่ตนต้องไปหาหลักฐานเพิ่ม เพื่อมายืนยันในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ตอนนี้ฝั่งผู้ก่อเหตุเอง ก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาเจรจากับตนแต่อย่างใด ส่วนกรณีเรื่องความต้องการให้ผู้ก่อเหตุชดใช้ค่าเสียหาย ในส่วนนี้ตนขอปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ตามความเหมาะสม
กรณีที่เกิดขึ้นในบ้านแชร์ มีคนอยู่ในวงถึง 170 กว่าคน ตนจึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายรายอื่นอีก ที่ถูกผู้ก่อเหตุกระทำในลักษณะเดียวกันแต่ไม่มีใครกล้าออกมาพูดหรือเปิดเผยข้อมูล เพราะคงกลัวว่าจะได้รับอันตรายเหมือนที่ตนโดน การลงมือของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ตนมองว่าผู้ก่อเหตุคงเห็นตนเป็นบุคคลธรรมดา ที่หากเข้ามาทำร้ายร่างกายตนแล้วก็คงจะไม่มีใครยื่นมือช่วยเหลือ จึงก่อเหตุดังกล่าว เสมือนเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อให้ลูกหนี้ลูกแชร์คนอื่นที่เห็นคลิปจะได้ไม่ก่อปัญหา
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนอยากให้ทางผู้ก่อเหตุรับฟังลูกหนี้บ้าง เพราะตนกล้าพูดเลยว่าลูกหนี้ทุกคนคงไม่มีใครอยากที่จะโกง ซึ่งตัวตนเองก็ไม่ได้คิดจะโกง ไม่เคยคิดหนี เพราะหาคิดหนีคงไม่ถูกกระทืบแบบนี้ ช่วงนี้สถานการณ์โควิดแพร่ระบาดเศรษฐกิจย่ำแย่ การค้าขายก็ลำบาก จึงอยากให้ทางผู้ก่อเหตุที่เป็นเจ้าหนี้ช่วยเห็นใจในส่วนของลูกหนี้บ้าง ตนก็ทำมาหากินไม่ได้
สำหรับในมุมมองตน ตนก็เข้าใจและเห็นใจในตัวผู้ก่อเหตุที่เป็นเจ้าหนี้แชร์ว่าต้องมีรายรับรายจ่ายส่วนตัวที่ต้องใช้เงินเหมือนกัน แต่อย่างไรก็อยากให้รับฟัง ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง ทั้งที่ตนยกมือขอโทษ ทั้งกราบทั้งไหว้ แต่เจ้าตัวกลับขู่ยิงขู่กรีดหน้า และพยายามจะทำร้ายกันจนถึงตาย ตนคิดว่าเกินไป สุดท้ายนี้หนี้ที่ตนติดค้างผู้ก่อเหตุก่อนหน้านี้จำนวน 5,700 บาท ตนได้มีการจ่ายเงินในส่วนนี้ให้ผู้ก่อเหตุครบหมดแล้ว แต่ที่ตนจะออกมาชี้แจงผ่านสื่อฯ เพราะอยากให้ดูแค่นี้เป็นอุทาหรณ์ หากจะเข้าวงแชร์หรือกู้ยืมเงินใคร ควรศึกษานิสัยใจคอของผู้ปล่อยกู้ให้ดี จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีก
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้คลิปวิดีโอของนางรษา เจ้าหนี้แชร์ผู้ก่อเหตุที่เคยไปก่อเหตุกระชากลูกหนี้ ขณะไปตามทวงหนี้กับลูกหนี้รายหนึ่ง ที่ติดหนี้แชร์ยอด 20,000 บาท คลิปความยาว 3.46 นาที จะเห็นว่านางรษาพยายามกระชากลูกหนี้เพื่อทวงเงิน ซึ่งจากเสียงภายในคลิปจับใจความได้ว่า ลูกหนี้มีการนัดคืนเงินนางรษา ที่เป็นเจ้าหนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่เวลานางรษามาทวงก็ไม่มีเงินให้ ทำให้เกิดมีปากเสียง ฉุดกระชากทวงเงินจากลูกหนี้รายดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการไลฟ์ตั้งค่าหัวลูกหนี้ ถ้าใครช่วยหาตัวได้จะให้เงิน 5,000 บาทด้วย
นางไก่ (นามสมมติ) ลูกหนี้แชร์ ที่เคยโดนข่มขู่ เผยว่า ตนยอมรับว่า ตนเคยเป็นลูกหนี้แชร์ของนางรษา ผู้ก่อเหตุตามคลิปที่ปรากฏจริง แต่ตนขอไม่ระบุรายละเอียดการร่วมวงเล่นแชร์ของตน ในส่วนของตนเองก็เคยโดนผู้ก่อเหตุพูดข่มขู่ในลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นโดนทำร้ายร่างกาย ตอนที่ตนส่งแชร์ล่าช้า ผู้ก่อเหตุก็จะพูด ขึ้นมึงขึ้นกู "อีไก่ มึงไม่คืนเงินกู เดี๋ยวมึงจะเจอ" ก่อนจะนำชื่อตนไปไลฟ์ด่าผ่านเฟซบุ๊ก ในคำพูดที่หยาบคาย รุนแรง เช่น อีด_กทอง อีหน้ากี
ซึ่งในวันเกิดเหตุก่อนที่นางจุ๋มโดนทำร้าย ตนได้เห็นไลฟ์ของผู้ก่อเหตุพูดว่าจะเดินทางตามหานางจุ๋มที่ติดค้างหนี้ค่าแชร์ ในถ้อยคำที่หยาบคาย ตนจึงได้ติดต่อไปหานางจุ๋มบอกให้ระวังตัว กระทั่งมาทราบข่าวในภายหลังว่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็รู้สึกตกใจ และคิดว่าผู้ก่อเหตุกระทำเกินไป เพราะพ่อแม่ยังไม่เคยทำกับเราแบบนี้ โดยอาจเป็นที่เจ้าตัวมีเงินจึงเสมือนกลายเป็นผู้มีอิทธิพล ส่วนลูกหนี้เป็นคนจนจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ในลักษณะเดียวกับนางจุ๋มที่คงหาเงินส่งให้กับผู้ก่อเหตุไม่ทัน จึงต้องมาได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
