ผู้นำศาสนายะลา ห่วง ต้นกระท่อม กระท่อมเสรี ทำคนฉวยโอกาสค้าเป็นธุรกิจ-ผสมเป็นยาเสพติด เช่น 4 × 100 ชี้ควรมีกฎเกณฑ์ป้องกันอันตรายจากพืชกระท่อม ต่อชุมชนและชาวบ้าน
จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2564 ซึ่งมีผลในวันนี้ (24 ส.ค.64) เป็นการปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ ทำให้ประชาชนสามารถปลูกและขายได้ รวมทั้งมีการปล่อยผู้กระทำความผิดตามกฎหมายพืชกระท่อม ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ จำนวน 1,038 คน โดยถือว่าไม่เคยกระทำความผิดนั้น
วันที่ 24 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเรื่องดังกล่าว นายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา ผู้นำศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ในการปลูกพืชกระท่อมหากนำไปขบเคี้ยว เพิ่มกำลังวังชานั้นไม่น่าเป็นห่วง แต่การนำไปเป็นธุรกิจ ค้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์น่าเป็นห่วงอย่างมาก ทั้งมีบางกลุ่มหวังแสวงหาประโยชน์กับกลุ่มวัยรุ่นเยาวชน นำสิ่งเหล่านี้ไปปรุงแต่งเป็นสิ่งเสพติด 4 × 100 ,5 × 100 หรือไปถึง 6 × 100 ซึ่งมีให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต่างๆ ควรที่ตระหนักในการปฏิบัติการใช้กฎหมายกวดขันควบคุมดูแลเอย่างเข้มงวด โดยมองว่าเป็นสิ่งที่ยากจะป้องกันด้วยวิธีบอกกล่าว
"เป็นห่วงมากๆ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ ถ้าเขาไปดัดแปลงเติมแต่งต่อไป ส่วนมีการผสมอื่นๆ จนทำให้มึนเมาอันตรายมากกว่าแค่ขบเคี้ยวกินเล่น ปรากฏว่าตาแดงแล้ว ซึ่งบางคนเมาไม่รู้ตัว คุมอารมณ์ไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้มันมีมากแล้วในบ้างพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้"
"อันตรายมันจะเกิดขึ้นในสภาวะอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจะทำอย่างไรกับสิ่งเหล่านี้ อย่าว่าแต่ป้องกันเลย การแพร่ระบาดที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ก็หนักสาหัสอยู่แล้ว พอปลดเสรีตรงนี้ ระบบการควบคุมเพียงพอหรือไม่ เมื่อเราประกาศให้การปลูกกระท่อมอย่างเสรีภาพมากขึ้น ก็ต้องประกาศวิธีการเพื่อเป็นกฎเกณฑ์ต่อวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันอันตรายกับชุมชนและพี่น้องประชาชนทั่วไป" นายนิมุ กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เริ่มวันแรก ปลดล็อก ใบกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ ชาวบ้านเฮ รูดกินไม่ผิดแล้ว
- 24 ส.ค.นี้ ปลดล็อก พืชกระท่อม พ้นยาเสพติดให้โทษ - ปล่อยตัวผู้กระทำผิด 1,038 คน
- รวบสาวขับเก๋งส่งใบกระท่อม 5 กระสอบ อ้างลำบากช่วงโควิด เลยรับจ้างขนเที่ยวละ 3 พันบาท
