คดี เจมส์บอนด์ บริษัททราบเรื่องแล้ว! สั่งพักงาน "มาดามมาย" กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตภายในห้องพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยแพทย์นิติเวชพร้อมกับมูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ ได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้น ทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายวรภพ หรือ เจมส์บอนด์ อายุ 26 ปี จึงส่งศพชันสูตรที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ล่าสุดวันที่ 22 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังวัดสว่างสุทธาราม ในพื้นที่ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ภายในศาลาวัด ช่วงเวลา 11.00 น. ญาติผู้เสียชีวิตได้จัดพิธีสวดพระอธิธรรมศพและถวายภัตตราอาหารเพล ส่วนบริเวณหน้าโรงศพของนายวรภพ มีเสื้อกราวด์แขวนอยู่ที่รูป พร้อมกับสายสะพายตำแหน่งผู้นำเชียร์ ถุงมือเชียร์ และชาเขียววางอยู่ที่ถาดข้าว เพราะเจมส์บอนด์ชอบดื่มชาเขียว
จากนั้นเวลา 13.00 น. เริ่มพิธีฌาปนกิจศพ ภายในศาลาวัดเต็มไปด้วยเพื่อน ๆ ที่เดินมาแสดงความอาลัย โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
โดยก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพนายวรภพ หรือ เจมส์บอนด์ มีวงดนตรีร่วมร้องบทเพลงที่น้องเจมส์บอนด์ ชอบฟัง จำนวน 2 เพลง ซึ่งเพลงแรกชื่อว่า เพลง นางเอกหมอลำช้ำรัก ส่วนเพลงที่ 2 ชื่อว่า เพลง ภาพถ่ายวิญญาณรัก จากนั้นคณะเชียร์ของคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ออกมาแสดงเชียร์ในฐานะที่เจมส์บอนด์ เคยเป็นประธานเชียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หลังจากนั้น คณะสงฆ์ได้ขึ้นวางดอกไม้จันทน์ และตามด้วยบรรดารุ่นพี่และเพื่อน ๆ เดินขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ ในขณะเดียวกันก็มีรุ่นพี่รวมตัวกันร้องเพลงมอดินแดนแห่งความหลัง ในระหว่างการวางดอกไม้จันทน์ ตามด้วยนายประสิทธิ์ ผู้เป็นพ่อเดินขึ้นไปดูหน้าลูกชาย และพยายามเข้มแข็งจะไม่ร้องไห้ แต่ก็เห็นว่าปาดน้ำตาเป็นระยะ ๆ ก่อนที่จะมีการนำศพเข้าเตาเผา บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
น.ส.กนกอร พันธ์โม้ หัวหน้าผู้นำเชียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับนายวรภพ หรือ น้องเจมส์บอนด์ มาตั้งแต่น้องยังอยู่ชั้นปีที่ 1 โดยน้องเป็นคนชอบทำกิจกรรม และชื่นชอบการนำเชียร์ เมื่อขึ้นปีที่ 2 เขาก็สมัครเข้ามาเป็นผู้นำเชียร์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิศวกรรมศาสตร์
สำหรับอุปนิสัยของน้องเจมส์บอนด์เป็นคนที่มุ่งมั่น และมีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม ซึ่งทุก ๆ คนรอบข้างจะรู้อยู่แล้วว่าน้องเจมส์บอนด์เป็นคนที่สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง ส่วนเรื่องมาดามมาย จะเป็นสาเหตุหลักหรือไม่ ตนขอไม่ออกความคิดเห็น แต่การที่น้องเจมส์บอนด์ตัดสินใจเช่นนี้ เขาคงคิดมาดีแล้ว มันคงหนักเกินไปที่เขาจะรับไหวหรือไม่
ในวันนี้ตนและพี่น้องคณะเชียร์มาร่วมแสดงความเสียใจด้วยความเต็มใจ ไม่ได้เตรียมการมาก่อน สุดท้ายนี้ตนอยากจะฝากสังคมที่เสพข่าว และไม่ได้รู้จักน้องเจมส์บอนด์เป็นการส่วนตัว อย่าเอาไปพูดในทางที่ไม่ดีแบบสนุกปาก เพราะคนที่รักเสียใจมากพอแล้ว ซึ่งตนมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต
ทีมข่าวมีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับนายประสิทธิ์ สมผล พ่อผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุสภาพจิตใจของตนก็ยังไม่ค่อยดีขึ้น ยังกินข้าวไม่ค่อยได้ ทานได้แค่กาแฟ ซึ่งตนไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะเรื่องเงินกู้ตนก็ไม่ทราบจริง ๆ และก็ยังไม่มีเจ้าหนี้คนไหนติดต่อเข้ามาหาตน รวมถึงบุคคลที่สังคมกำลังถูกสังคมกล่าวถึง ซึ่งตนไม่อยากจะเอ่ยชื่อเขา และก็ยังไม่มีการติดต่อมายังครอบครัว ตนก็ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ
หลังเกิดเหตุ ตนยังไม่ฝันเห็นลูก เพราะนอนไม่ค่อยหลับ แต่เท่าที่ตนสัมผัสได้ เมื่อคืนที่ผ่านมาเหมือนเจมส์บอนด์จะมาหาน้าที่บ้าน ส่วนเรื่องจดหมายลาตายของเจมส์บอนด์ ตนมองว่ามันเป็นความในใจที่เขาอยากจะให้แค่ตนและครอบครัวฟัง และไม่ได้อยากให้ใครรู้ ซึ่งตนก็ยังสงสัยว่าจดหมายหลุดไปในโซเชียลฯ ได้อย่างไร เนื่องจากตนเป็นพ่อแท้ ๆ ยังได้เห็นแค่แผ่นถ่ายเอกสาร ส่วนจะเป็นใครที่นำไปเผยแพร่และเก็บฉบับจริงไว้ ตนไม่ทราบ แต่คาดว่าเขาคงจะทำตามที่ลูกชายขอไว้หรือไม่ และตนก็จะทำตามที่เจมส์บอนด์เขียนไว้ในจดหมาย
อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่ได้อยากจะเอาความอะไรจากใคร ตนเพียงแค่อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ควรจะระมัดระวังเรื่องของการไว้ใจคน และการให้ยืมเงินหรือยืมคนอื่นเป็นจำนวนมาก ๆ แล้วไม่ปรึกษาคนในครอบครัว อาจนำไปสู่เหตุการณ์สลดเช่นนี้
ขณะที่ "มาดามมาย" ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า “ขอแสดงความขอโทษและความเสียใจมาก ๆ จากใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ ไม่เคยมีความคิดใดที่จะให้เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ และเกิดขึ้นอย่างนี้เลย ไม่ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้จริง ๆ คงไม่มีใครอยากให้เกิด รู้ดีว่าคำขอโทษตอนนี้มันไม่มีความหมาย แต่ยังไงก็ยังอยากแสดงความรับผิดชอบ และความเสียใจจริง ๆ จากใจด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีเจตนาให้มันเกิดจริง ๆ รู้ดีว่าคำขอโทษมันไม่ได้ช่วยอะไร แต่ก็อยากขอโทษด้วยใจจริง ๆ มันไม่มีคำพูดไหนจะมาทดแทนได้ แต่ขอให้ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจและจริงใจสักครั้ง ตอนนี้ได้ติดต่อกับทางญาติของพี่เจมส์แล้ว และอยากขอแสดงความเสียใจด้วยใจจริงกับครอบครัวมา ณ ตรงนี้ด้วยนะคะ ความรู้สึกผิดนี้จะคงอยู่กับตัวตลอดไป คงไม่มีอะไรมาลบล้างได้ ถ้าเพียงแต่สิ่งนี้จะเป็นบทเรียนต่อชีวิตที่เราจะต้องเรียนรู้ และไม่ทำให้เราต้องสูญเสียใครไปอีก และคงต้องจมอยู่กับความรู้สึกไม่ดีต่อตัวเองและครอบครัวไปตลอดอย่างละอายต่อใจ และการกระทำที่จะคอยติเตือนสติและทิ่มแทงจิตใจในทุก ๆ ช่วงหายใจเข้าออกของชีวิต
มายไม่รู้ว่าด้านอื่น ๆ เป็นยังไงบ้าง แต่ด้านที่ตัวเองรับรู้ตอนนี้ มายก็ต้องยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้นพยายามตั้งสติและรับฟังกับทุกเรื่องราวการที่ไม่พูดคุยกันหรือไม่ติดต่อกันมันทำให้เกิดเรื่องที่น่าเสียใจ และน่ารู้สึกผิดถึงขั้นนี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะให้อภัยตัวเอง คงไม่มีทางให้อภัยตัวเองได้ไปตลอด รวมไปถึงสำหรับเรื่องเงินและเจ้าหนี้ทุกคน มายก็ต้องยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง ณ จุดนี้ ตอนนี้มายไม่สามารถจะจัดการได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ มายต้องยอมรับว่าตอนนี้มายล้มเหลว แต่ไม่ใช่ว่าล้มแล้วจะไม่สู้ต่อ ไม่ลุกขึ้น ยังสู้และพยายามต่อ แค่ต้องขอโอกาสในการหาเงินสักพักหนึ่ง ตอนนี้มายยังมีงานทำอยู่ มายยังพยายามแก้ปัญหานี้อยู่ ไม่ได้ละทิ้งหนีไปไหน ทั้งด้วยการทำงานที่ไม่สามารถเอาเรื่องส่วนตัวไปเกี่ยวข้องได้ หรือแม้แต่การรับตัวเองไม่ได้จนไม่ค่อยได้คุยกับใครรู้สึกไม่ดีกับตัวเองมาก ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะคุยกับตัวเอง รู้สึกละอายใจกับตัวเองที่ก่อปัญหาขึ้นมา เป็นต้นตอของความเสียใจต่อตัวเองและผู้อื่น ทั้งหมดนี้ต้องขอโทษจริง ๆ ขอให้เป็นที่ทราบกันว่าจะพยายามแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ได้สำเร็จ แต่จำเป็นต้องเคลียร์ไปทีละเคสด้วยความพยายามและตั้งใจ ต้องขอโทษอีกครั้งที่ปล่อยให้เหตุการณ์มันเลยมาจนถึงจุดนี้”
นายธนารักษ์ สุแดงน้อย อายุ 27 ปี รุ่นพี่ที่สนิทของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายวรภพ หรือเจมส์บอนด์ ได้ประมาณ 6-7 ปี เจมส์บอนด์เป็นคนที่น่ารักสำหรับทุก ๆ คน เรื่องการยืมเงินกันตนไม่เคยรู้เรื่องว่ามาดามมายเข้าไปยืมเงิน เนื่องจากว่าอยู่คนละวิทยาเขตกัน แต่คาดว่าน่าจะรู้จักกันจากกิจกรรมเชียร์ เพราะช่วงหลังเจมส์บอนด์ย้ายมาเรียนป.โท ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทั้งนี้ ตนเคยเห็นเจมส์บอนด์ไลฟ์สดทวงเงินมาดามมายกับคนชื่อแอม แล้วก็เคยบ่นกับตนว่าอยากตาย เครียดที่ลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายเงิน ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะปกติเจมส์บอนด์จะพูดเล่นไปเรื่อย และก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ เนื่องจากเขาเป็นคนทัศนคติดี และถ้ามีปัญหาจะเข้ามาปรึกษารุ่นพี่เสมอ
ส่วนตัวไม่อยากไปพาดพิงถึงใคร แต่ทุกคนมั่นใจว่าแรงจูงใจคือหนี้สิน จึงทำให้เจมส์บอนด์เครียด แต่ไม่แสดงออกให้ใครเห็น ตนมองว่าเรื่องนี้คงหนักไปสำหรับเจมส์บอนด์ ส่วนคู่กรณีตนอยากให้ติดต่อเข้ามารับผิดชอบกับสิ่งที่ก่อเอาไว้ ไม่ใช่แค่การออกมาโพสต์ขอโทษแสดงความเสียใจ ความจริงแล้วคุณอาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ไม่ควรทำกับคนที่เขาไว้ใจขนาดนี้ ตนจึงขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยขยายผลและดำเนินการตามกฎหมาย
ทีมข่าวเดินทางไปยังที่ทำงานของ "มาดามมาย" พบว่าบริษัทได้ให้พนักงานทำงานที่บ้าน ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องทั้งหมดบริษัทรับทราบแล้ว และสั่งพักงานมาดามมายชั่วคราว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ส่วนนิสัยใจคอหรือข้อมูลส่วนตัวของมาดามมายไม่มีใครทราบ เนื่งจากทำงานคนละส่วนกัน
น.ส.ฟ้า (นามสมมติ) อายุ 21 ปี รุ่นน้องของมาดามมาย กล่าวว่า ตนเป็นรุ่นน้องในคณะเดียวกันกับมาดามมาย แต่ไม่ได้มีความสนิทสนมกัน ตนนับถือเขาเพราะว่าเขาเป็นคนเรียนเก่ง และชอบทำกิจกรรม เป็นผู้นำเชียร์ ผู้ขับเคลื่อนสังคมในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเคยเรียนโรงเรียนมัธยมที่เดียวกัน ทุกคนในมหาวิทยาลัยจะรู้จักมาดามมายในมุมดี ๆ
นอกจากนี้ "มาดามมาย" ยังเคยทักแชตมาหาตน อ้างว่ามีความลำบากต้องใช้เงินเพื่อเดินทางไปสมัครงานที่กรุงเทพฯ โดยขอกู้เงินกับตน จำนวน 12,000 บาท ตนจึงคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ซึ่งมาดามมายตอบตกลง จึงมีการโอนเงินให้ในวันที่ 16 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา
จากนั้น มาดามมายก็หายไป ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน กระทั่งต้นเดือนส.ค.64 ตนได้ทักไปทวงเงินแต่ได้คำตอบว่า "เดี๋ยวจะหามาให้ เงินเดือนยังไม่ออก เดี๋ยวเร่งหาจากที่อื่นมาให้ก่อน ขอให้ไม่ต้องห่วงนะ และก็ขอขอบคุณที่เข้าใจ"
ส่วนสาเหตุตนต้องทวงเงินคืน เพราะตนมีความต้องการใช้เงิน ในวันที่ 4 ส.ค.64 มาดามมาย จึงโอนเงินคืนให้ตน จำนวน 3,000 บาท แล้วบอกว่าจะหาเพิ่มให้จนครบ แต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ไม่ตอบแชต กระทั่งตนทราบข่าวว่าเจมส์บอนด์เสียชีวิต โดยมีสาเหตุจากมาดามมายที่ไม่ยอมคืนเงิน ตนก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่คิดว่ามาดามมายจะไปยืมเงินคนอื่นไปทั่วแล้วไม่ใช้คืนเช่นนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- มาดาม ม.ก่อหนี้ โพสต์รับตัวเองไม่ได้ หลังทราบข่าวรุ่นพี่จบชีวิต
