จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวลงเรื่องราวระบุว่า "เกิดเหตุที่ซอยรามคำแหง 60 (สวนสน) ผู้หญิงคนนั้นที่มาทำร้ายหนู เขาเป็นอดีตแฟนของสามีหนูค่ะ เขาตามมาด่า ตามมาว่า ตามแซะหนู มาโดยตลอด และท้า ตบท้าตีตลอดค่ะ ด่าหนูไม่พอ ด่ายันแม่หนู ถึงขั้นโทรมาหา มานัด เลยนัดกันไป พอไปถึงพวกเขามากัน 20-30 คน ก็คง ตั้งใจจะมารุมทำร้ายหนู หนูเลยบอกไปว่าขอตัวต่อตัว แล้ว เขาก็ใช้อาวุธแทงมาที่หัวหนู ตอนนั้นมันมืด หนูไม่เห็นว่าเขาใช้อะไร แต่รู้สึกอ่อนแรง แล้วก็เจ็บที่หัวมากๆ จนน้องๆคนที่ อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าเลือดไหลเต็มเสื้อเลย ก็ตามในคลิป และรูปภาพที่ลงเลยค่ะ มาดูในคลิปถึงรู้ว่าเป็นกรรไกร หนูไม่" นั้น
ล่าสุด วันที่ 20 ส.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเกิดเหตุ ซอยรามคำแหง 60 (สวนสน) พบว่าจุดดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะใกล้กับร้านค้าของชาวบ้านในพื้นที่ เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน
วันเกิดเหตุในคืนของวันที่ 14 ส.ค. 64 ได้นัดหมายเคลียร์ใจกันระหว่างกลุ่มของ นางสาวพิสินี นิ่มน้อย หรือ สวนปาล์ม อายุ 29 ปี ภรรยาใหม่ กับกลุ่มของนางสาวรินลณี สุขถาวร หรือ นาเดีย อายุ 23 ปี อดีตภรรยา ซึ่งมีการนัดหมายสถานที่ดังกล่าว เพื่อเคลียร์ใจกันและมีเรื่องตบตีกัน จนกระทั่งเกิดเหตุบานปลาย ฝั่งของนางสาวนาเดียได้มีการใช้อาวุธกรรไกรทำร้ายร่างกายนางสาวสวนปาล์ม แต่กลุ่มพรรคพวกของทั้ง 2 ที่ยกพวกมาด้วยกันไม่ต่ำกว่าฝั่งละ 15 คน ได้แต่ยืนดูแล้วถ่ายคลิป ไม่ได้มีการรุมทำร้ายหรือห้ามเหตุแต่อย่างใด
นางสาวพิสินี นิ่มน้อย หรือ สวนปาล์ม อายุ 29 ปี ภรรยาใหม่ บริเวณศีรษะด้านหลังมีรอยถูกทำร้าย แผลเริ่มตกสะเก็ดแห้งแล้ว ส่วนแขนซ้าย มีรอยบาดของกรรไกร มีรอยเล็บข่วนที่แขนอีก 2-3 รอย นางสาวพิสินี หรือ สวนปาล์ม เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในวันดังกล่าว ยอมรับว่า ตนเองเป็นคนนัดหมายให้ฝั่งของนางสาวนาเดียออกมาเจอที่สวนสาธารณะ เพราะต้องการที่จะเคลียร์ใจกันในประเด็นความขัดแย้งในอดีต ที่มีสะสมกันมาต่อเนื่องประมาณ 2-3 ปี ตนเองเป็นคนนัดหมายเรื่องวันเวลา แต่ฝั่งของนางสาวนาเดียเป็นคนนัดสถานที่
ตนเองยอมรับว่าตอนที่ออกจากบ้านไปเจอนางสาวนาเดีย ตามวันเวลานัดหมาย ตนเองได้มีการขนพรรคพวกไปประมาณ 7 คน ซึ่งเป็นการตั้งใจที่จะไปมีเรื่องและเคลียร์ใจกัน แบบตัว ๆ เมื่อเคลียร์ปัญหาจบทุกอย่างก็จบไปในตัว เรียกว่าเป็นการตบตีเพื่อเคลียร์ใจ แต่เมื่อตนเองไปถึง ฝั่งของนางสาวนาเดียได้มีการขนพรรคพวกมาไม่ต่ำกว่า 20 คน มากกว่าฝั่งของตนเอง ยังไม่ทันได้คุยหรือเจรจาฝั่งของนางสาวนาเดียก็เข้ามารุมทำร้าย เป็นไปตามคลิป
ส่วนสาเหตุเกิดจากทุกครั้งที่ตนเองมีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว นางสาวนาเดียก็จะมีการมาโพสต์ใต้คอมเมนต์ลักษณะหาเรื่อง ทำนองประชดประชัน เหมือนเป็นการดูถูกเหยียดหยาม เหตุการณ์ล่าสุดตนเองได้มีการโพสต์เกี่ยวกับการโอนเงินให้กับแม่ นางสาวนาเดียก็มาพูดทำนองว่า "แม่มึงขัดสนหรือไง" จากนั้นก็ได้มีการกล่าวถึงบุพการีในลักษณะทำนองต่าง ๆ ทำให้ตนเองเกิดความไม่พอใจ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เริ่มต้นมาตั้งแต่ที่นายชารีฟ นาคนาวา หรือ ชารีฟ อายุ 24 ปี สามี เลิกรากับนางสาวนาเดียเมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน ก่อนที่จะมาคบหากับตนเอง และมีลูกผู้ชายด้วยกัน 2 ขวบกว่า 1 คน แต่ลักษณะพฤติกรรมของนางสาวนาเดียก็คือเป็นคนต้องการเอาชนะ ไม่ต้องการที่จะให้ตนเองครอบครองหรืออยู่กับนายชารีฟ ตนต้องการที่จะให้นางสาวนาเดียหยุดโพสต์และก่อความรำคาญคนอื่น อยากให้ออกมารับโทษตามกฎหมายด้วย
ด้านนายชารีฟ นาคนาวา อายุ 24 ปี สามีผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่รู้ว่านางสาวสวนปาล์ม ภรรยาใหม่ จะมีการนัดหมายเคลียร์ใจกัดกับนางสาวนาเดีย ภรรยาเก่า เพราะปกติทราบแต่ว่ามีการโพสต์ท้าทายกันไปมา แต่ก็ไม่รู้ว่ารุนแรง ตนเองไม่ได้เป็นเพื่อนกับนางสาวนาเดียบนเฟซบุ๊ก หลังเลิกลากันแล้ว หลังจากที่ทราบว่ามีการนัดเคลียร์ใจกัน ยอมรับว่าตกใจไม่คิดว่าจะโดนทำร้ายหนักขนาดนี้ ตนยอมรับว่านิสัยของนางสาวนาเดีย อดีตภรรยา ก็เป็นคนชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว ขณะที่คบหากันประมาณ 1 ปี ก็มักมีการใช้ความรุนแรงและใช้อารมณ์ รวมทั้งมีการทำร้ายร่างกายตนเองจนกระทั่งมีแผลเป็นบริเวณที่คิ้วขวา และรอยเล็บบริเวณแก้มซ้าย ทุกวันนี้ยังคงเป็นแผลเป็นเห็นชัดอยู่
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองอยากจะให้นางสาวนาเดียออกมารับผิดชอบต่อการกระทำที่มีการทำร้ายร่างกายคนอื่น และเลิกที่จะให้คนอื่นมาช่วยปกป้อง หรือใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่าง อยากจะให้รับผิดตามกระบวนการของกฎหมาย และเลิกพฤติกรรมก่อกวนคนอื่น ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า
นางสาววรินลณี สุขถาวร หรือ นาเดีย อายุ 23 ปี อดีตภรรยาของนายชารีฟ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแค่จะบอกว่าตนเองเป็นคนไปโพสต์หาเรื่องใต้คอมเมนต์ของนางสาวสวนปาล์ม แต่ในทางกลับกัน ตนเองกลับถูกนางสาวสวนปาล์มเปิดกลุ่มให้เพื่อนเข้ามารุมด่าตนเอง และพากันมานั่งประจานหรือขุดลึก เอาเรื่องเก่าเก่ามาพูด มีการกล่าวถึงบุพการี ทำให้ตนเองเกิดความไม่พอใจ จึงตัดสินใจที่จะนัดหมายออกไปเจรจาเคลียร์ใจ
ส่วนเรื่องของการไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ของนางสาวสวนปาล์ม ยอมรับว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ตนต้องการที่จะใช้พื้นที่ในการสื่อสาร แต่เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เพื่อนของนางสาวสวนปาล์มเปิดกลุ่มและพากันมานั่งรุมด่าตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว จึงได้ตัดสินใจออกไปเคลียร์ใจกันตามที่ถูกนัดหมาย ซึ่งก็ผิดร่วมกันทั้งคู่
ในวันเกิดเหตุ ตนเองเดินทางไปก็ไม่ได้มีการขนคน หรือพรรคพวกไปมากถึง 30 คนตามที่ถูกกล่าวอ้าง กลุ่มของตัวเองมีเพียงแค่ไม่ถึง 15 คน แต่ในทางกลับกันฝั่งของพรรคพวกของนางสาวสวนปาล์มมากกว่า ที่พากันขนพรรคพวกมามากกว่า 20 คน และการทำร้ายร่างกายในวันดังกล่าว ตนเองก็ยอมรับผิดในส่วนของการใช้อาวุธกรรไกร แต่ไม่ได้มีการเตรียมการไปตั้งแต่แรก เพราะวันนั้นตนเองตั้งใจที่จะไปเจอลูกค้า เนื่องจากตนเองมีอาชีพเป็นช่างรับต่อขนตา จึงได้มีกรรไกรพกติดตัวอยู่แล้ว หลังจากเกิดเหตุจึงได้คว้าเอากรรไกรที่พกไปด้วยออกมาก่อเหตุเท่านั้น
ดังนั้น หากจะมีการดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ตัวเองก็พร้อมที่จะรับผิดในส่วนของการใช้อาวุธ แต่ส่วนการตบตีหรือมีบาดแผลอื่น ตนเองมองว่าเป็นการสมัครใจร่วมกันทะเลาะวิวาท เพราะต่างฝ่ายต่างขนพรรคพวกกันมา ส่วนกรณีที่นายชารีฟ ให้สัมภาษณ์ว่าตนเองเป็นคนทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธคือกรรไกรแทงเจ้าตัว และเป็นคนใช้อารมณ์ร้อนเอาแต่ใจนั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา
ขณะที่ แม่ของนางสางนาเดีย มีการโพสต์ว่า ตนเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวไปนัดหมายเคลียร์ใจกันกับนางสาวสวนปาล์ม มารู้อีกทีก็หลังเกิดเรื่อง หลังจากนั้นก็มีกลุ่มเพื่อนของคู่กรณีเข้ามาโพสต์เฟซบุ๊กด่า และกล่าวหาว่าตนเองเป็นผู้มีอิทธิพล รู้จักกับคนกว้างขวาง และพยายามช่วยเหลือลูกไม่ให้ถูกดำเนินคดี
ตัวเองขอยืนยันว่าทุกอย่างยังคงเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนเองก็พร้อมชดใช้ค่าเสียหายและให้ลูกรับผิด แต่ฝั่งของตนเองที่จะต้องกลัวฝั่งของนางสาวสวนปาล์ม เนื่องจากเมื่อวันพุธที่ 18 ส.ค. เขาเดินทางบุกหน้าบ้านของตนเอง นำเครื่องขยายเสียงเป็นลำโพง 1 ชุด มาตะโกนด่าทอและประจานตัวเองอยู่ที่หน้าบ้าน
