กรณีหญิงชรา อายุ 91 ปี ชาว อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ป่วยโรคชราและมีอาการเหนื่อยหอบ แพทย์จึงต้องใส่ท่อช่วยหายใจประคองอาการ กระทั่งญาติขออนุญาตนำผู้ป่วยกลับมาดูแลที่บ้าน แต่จู่ ๆ คุณยายก็หยุดหายใจนาน 3 ชม. ลูกหลานต่างพากันร้องไห้โฮ และประกอบทำขันธ์ 5 กราบขอขมาตามประเพณีความเชื่อ ก่อนจะสั่งดอกไม้พวงหรีดและจัดเตรียมสถานที่จัดงานศพ จากนั้นไฟที่บ้านดับถึง 3 ครั้ง ขณะที่คุณยายฟื้นกลับมาพูดได้ปร๋อ ลูกหลานจึงเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง
ล่าสุดวันที่ 19 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของคุณยายที่ตายแล้วฟื้น บริเวณ บ้านเลขที่ 20/1 หมู่ 1 บ้านบุกระสัง ต.บุกระสัง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.วันวิสา กลั่นสระน้อย อายุ 51 ปี ลูกสาวของคุณยายที่ตายแล้วฟื้น เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา นางกระแส กลั่นสระน้อย อายุ 91 ปี ผู้เป็นแม่ป่วยด้วยโรคชรามีอาการเหนื่อยหอบและหายใจไม่สะดวก ลูกหลานจึงนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น เพราะด้วยความชราตามวัย แพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เพื่อประคองให้แม่หายใจได้สะดวก
โดยช่วงที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ลูกหลานก็เข้าไปเยี่ยมไม่ได้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ประกอบกับอาการของแม่ ก็ทรงตัวไม่ได้ดีขึ้น ลูกหลานจึงขออนุญาตพาแม่กลับมาดูแลที่บ้าน แต่ช่วงที่กลับมาอยู่บ้านอาการก็ทรงตัว ลูกหลานก็ช่วยกันดูแลเป็นอย่างดี คอยให้กำลังใจตลอด จนผ่านไป 3 เดือนแม่ก็ยังสามารถหายใจได้เอง
ทั้งนี้ ตนก็ได้แต่บอกให้แม่สู้ ๆ และอดทนไว้ เพราะต้องการอยากให้แม่มีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ตนเปิดโรงงานลูกชิ้นเป็นของตัวเองสำเร็จ โดยจะใช้ชื่อของคุณแม่คือ “ลูกชิ้นหมูยายแส” เป็นชื่อโรงงาน ซึ่งแม่ก็กัดฟันสู้จนได้ไปร่วมเปิดโรงงาน วันที่ 17 ส.ค.64 ที่ผ่านมา
กระทั่งวันที่ 18 ส.ค. ช่วงเวลา 15.23 น. แม่นอนนิ่งไม่หายใจ ตอนนั้นตนจึงโทรศัพท์หาญาติพี่น้อง เพื่อให้มาดูใจและสั่งเสียแม่เป็นครั้งสุดท้าย พร้อมทั้งทำขันธ์ 5 กราบขอขมาตามประเพณีและความเชื่อ จากนั้นได้จัดเตรียมงานศพโทรศัพท์สั่งพวงหรีดแสดงความอาลัย เพราะทุกคนคิดว่า "แม่น่าจะไม่ไหวแล้ว"
โดยช่วงที่ทุกคนกำลังพูดคุยการเตรียมจัดงานศพ ไฟที่บ้านของตนเพียงหลังเดียว จู่ ๆ ก็ดับอย่างไม่ทราบสาเหตุ 3 ครั้ง ตนจึงบอกให้หลานไปจุดธูปบอกกล่าววิญญาณบรรพบุรุษว่าให้แม่หลับให้สบาย ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร จากนั้นเวลา 18.23 น. ครบ 3 ชั่วโมงพอดี นิ้วมือของแม่ก็เริ่มกระดิกและกลับมาหายใจอีกครั้ง ทำให้ลูกหลานทุกคนต่างก็ประหลาดใจและดีใจที่แม่ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทุกคนเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมา ช่วงที่แม่นอนป่วยก็สั่งเสียให้ลูกเตรียมชุดขาว ผ้าไหมผืนที่ชอบ เงินใส่ซอง เตรียมสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิไว้ที่วัด ตั้งใจว่าจะตั้งคู่เจดีย์ของพ่อและลูกชายที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณยายกระแส เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่ไม่หายใจไป 3 ชม. เหมือนกับภาพตัด จู่ ๆ ตนก็หลับไป แต่ยังรู้สึกตลอดว่าเหนื่อย ล่องลอยไม่รู้ว่าไปที่ไหน แต่ก็ไม่ได้ไปเจออะไร ไม่เห็นเทวดา หรือนางฟ้า มีแต่ความว่างเปล่า แล้วจู่ ๆ ตนก็รู้สึกว่าวิญญาณลอยกลับเข้าร่างและตื่นขึ้นมาเห็นลูกหลาน ตอนนี้ตนก็ยังมีอาการเหนื่อยหอบ แต่ก็จะสู้อยู่กับลูกหลานให้ได้นานที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าการที่ตนลืมตาตื่นมาอีกครั้ง เป็นเพราะความดี และบุญกุศลที่ได้เคยทำมา ตนขอให้พรกับทุก ๆ ท่าน รวมถึงทีมข่าวให้เจริญก้าวหน้า
ทีมข่าวได้สอบถามไปยัง รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ กล่าวว่า ปกติกรณีตายแล้วฟื้น มักจะเป็นเรื่องที่ญาติ ๆ หรือคนทั่วไปที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์เป็นส่วนใหญ่ ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยการตรวจการหายใจและการจับชีพจร เพราะผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ป่วยที่ติดเชื้อในกระแสเลือด หรือผู้ป่วยโรคชรา มักจะมีการเต้นของชีพจรที่เบาบางมาก ๆ จึงทำให้เข้าใจว่าเสียชีวิต
ส่วนแพทย์จะวินิจฉัยการเสียชีวิตด้วยการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งปกติจะวัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงสรุปว่าผู้ป่วยเสียชีวิต ดังนั้นตนจึงอยากจะฝากไว้ว่าหากไม่มั่นใจว่าผู้ป่วยเสียชีวิตหรือไม่ ควรรีบแจ้งแพทย์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน เพราะอาจจะยังมีโอกาสที่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้
