กรณีแอดมินแฟนเพจเฟซบุ๊ก "survive สายไหมต้องรอด" ได้รับการติดต่อจากบ้านเลขที่ 169/252 เขตสายไหม กทม. ขอความช่วยเหลือให้นำที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบชุดตรวจแอนติเจน มาตรวจให้กับคนในครอบครัว เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าว อาศัยอยู่รวมกัน 35 คน ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ขวบ 3 เดือน ไปจนถึงคุณตาวัย 80 ปี คาดว่าน่าจะติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดยกบ้าน
เมื่อทีมงานของ "survive สายไหมต้องรอด" ตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen test ให้ทั้งหมด 35 คน พบว่าติดเชื้อโควิด-19 รวม 22 คน จึงกักตัวแยกผู้ที่ไม่ติดเชื้อออกมา ส่วนผู้ติดเชื้อให้อยู่แค่ในบ้าน ห้ามออกไปไหน ขณะที่แฟนเพจ "survive สายไหมต้องรอด" ได้ประสานกับผอ.เขตสายไหม และสาธารณสุขเขตสายไหม เพื่อนำคนในครอบครัวทั้ง 35 คน ไปตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR อีกครั้ง เพื่อความชัดเจนแม่นยำ และเตรียมนำทั้งหมดเข้ารับการรักษาตัวต่อไป
ล่าสุดวันที่ 9 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่อีกครั้ง โดยที่ครอบครัวดังกล่าวอยู่ในช่วงการเตรียมพร้อมเพื่อเดินทางไปแบบ RT-PCR ขณะที่สภาพความเป็นอยู่นั้นทุกคนอยู่กันค่อนข้างแออัด ภายในบ้านไม้ 2 ชั้น มี 2 ฝั่งซ้ายขวา เนื้อที่รวมกว่า 20 ตารางวา
ต่อมาในช่วงเวลา 10.20 น. เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตสายไหม พร้อมด้วยทหารจากกองทัพอากาศ ได้นำรถ 6 ล้อของทหาร เคลื่อนย้ายคนในครอบครัวทั้ง 35 ชีวิต เดินทางไปตรวจหาเตรงจุดตรวจบริการประชาชน บริเวณลานเอนกประสงค์ชุมชนวัชรพล 3 คาดว่าต้องใช้ระยะเวลากว่า 1-2 วันถึงผลตรวจอย่างทางการจะออกมา ซึ่งระหว่างรอผลตรวจนั้น ครองครัวดังกล่าวก็จะกลับมากักตัวที่บ้าน โดยจะมีทางเจ้าหน้าที่ชุมชนและทีมแพทย์ คอยดูแลและประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน
คุณบอล หนึ่งในสมาชิกของครอบครัว เล่าให้ฟังว่า สำหรับคนภายในครอบครัวของตน มีด้วยกันทั้งหมด 35 คน แบ่งเป็น 3 ครอบครัวใหญ่ เบื้องต้นพบว่าติดเชื้อจำนวน 22 ราย ในวันนี้เจ้าหน้าที่เขตและเพจสายไหมต้องรอด ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจหาเชื้ออีกรอบ พร้อมกับนำเข้าสู่ระบบการรักษา ขณะที่อาการของคนที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ก่อนหน้านี้ พบว่ายังไม่มีใครอาการทรุดหรือเข้าขั้นวิกฤต มีแต่อาการเบื้องต้น ไอ ไข้ขึ้น แค่นั้น
โดยวิธีการรักษาเบื้องต้น ตอนนี้ครอบครัวก็กินยาลดไข้ ยาแก้ไอ รักษาตามอาการตามที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล รวมไปถึงใช้วิธีการรักษาโดยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และหัวหอม ขิง ข่า ตะไคร้ ต้มรวมกันแล้วสูดดม
ทั้งนี้หากผลออกมาว่าติดเชื้อโควิด-19 ทั้งครอบรัว ก็คงต้องรักษาตัวที่บ้าน และรับยาตามขั้นตอน แต่หากผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยง ก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้ครอบครัวก็ยังไม่ทราบว่าจะอย่างไร คงต้องรอผลออกมาก่อน ระหว่างที่รอผลก็มีเจ้าหน้าที่นำสเบียงหรือข้างของเครื่องใช้มาดูแล ตลอดจนยารักษาโรค
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลเพื่อนบ้านในระยะใกล้เคียง ทราบว่าในส่วนของคนเเถวนี้ ก็หวาดกลัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าครอบครัวดังกล่าวค่อนข้างอยู่กันอย่างแออัด ที่ผ่านมาตนในฐานะคนในพื้นที่ ก็เคยเตือนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวดังกล่าวแล้ว ว่าแม้จะตรวจไม่เจอเชื้อโควิด-19 ก็อย่าประมาท หรือเดินออกมาชื้อของข้างนอก หากครอบครัวดังกล่าวบางคนหากไม่ชะล่าใจ ก็คงไม่ติดเชื้อและขยายวงกว้างมากขนาดนี้
เจ้าหน้าที่ทหารได้นำครอบครัวนี้ มาส่งยังจุดตรวจบริเวณลานอเนกประสงค์ชุมชนวัชรพล 3 เขตออเงิน กทม. ในช่วงเวลา 09.40 น. เวลาผ่านพ้นไปถึงประมาณ 13.00 น. ทั้ง 35 คนกลับยังไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพราะเจ้าหน้าที่หน้างานก็ไม่ทราบว่าจะมีกลุ่มเสี่ยงมารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพระไม่ได้รับประสานงานมาก่อน
นายสมัคร พรมนิล อายุ 62 ปี ประธานชุมชนโซน 7 เขตสายไหม กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่าจุดตรวจในวันนี้เป็นความร่วมมือชมรมแพทย์ชนบท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดตรวจเชิงรุกในพื้นที่ กทม. โดยในจุดนี้จะเป็นชุมชนในพื้นที่วัชรพล เขตสายไหม ส่วนตัวก็ตกใจว่าทำไมไม่มีหน่วยงาน หรือคนที่พาคนกลุ่มนี้มาประสานงานหรือแจ้งมาล่วงหน้า แต่กลับพาเขามานั่งรอคิวตั้งแต่เช้า เพราะหากว่ามีหน่วยงานหรือเข้าหน้าที่ประสานก่อนล่วงหน้า ทางเราเองจะได้จัดเตรียมความพร้อม แต่พอมาแบบไม่ประสานมาก่อนล่วงหน้า ก็เลยไม่ได้ตั้งหลักหรือเตรียมพร้อม
ต่อมาเวลา 15.30 น. หนึ่งในสมาชิกของครอบครัว เริ่มทนไม่ไหวกับการรอคิว ทำให้ลุกขึ้นมาโวยวายพร้อมตะโกนว่า "จะกลับบ้านแล้ว ไม่รอแล้ว" ประกอบกับมีเด็กในครอบครัว 1 ราย ทนสภาพอากาศไม่ไหว ทำให้มีอาการเลือดกำเดาไหลออกมา
โดยคุณป้าหนึ่งในผู้ติดเชื้อ ลุกขึ้นมาโวยวายอีกครั้งว่า "ไม่รอแล้ว ไม่รอแล้ว ถ้าพวกหนูไม่กระตือรือร้นก็คงไม่มาตรวจให้กันหรอก" หลังจากนั้นทีมแพทย์เลยเข้ามาตรวจให้เป็นการด่วน ก่อนที่ครอบครัวดังกล่าวจะเดินทางกลับบ้าน
ทั้งนี้ทาง "คุณบอล" เผยความรู้สึกหลังรอคิวมานานกว่า 5 ชั่วโมง ระบุว่า ครอบครัวของตนรอคิวมานานตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยที่เจ้าหน้าที่อ้างว่ากำลังประสานงาน ถามกี่ครั้งก็ตอบแบบนี้ จนตอนนี้ผู้สูงอายุบางคนกับเด็กเริ่มมีอาการไข้ขึ้น ตัวร้อน มีโรคประจำตัวเป็นวัณโรคก็ไม่ได้เตรียมยามา เพราะตอนแรกนึกว่าจะไม่นานแบบนี้ หลายคนในครอบครัวเริ่มอ่อนเพลีย ยิ่งอยู่นานเท่าไรก็กลัวว่าเป็นการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ให้คนอื่น ๆ
