จากกรณีแม่ค้าขายอาหารออนไลน์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เพ จ.ระยอง ให้ดำเนินคดีกับแก๊งเงินโหดตามทวงเงินและดักอุ้มเอาตัวไปทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เพื่อบังคับให้จ่ายเงิน จนต้องโทรศัพท์ไปหาญาติให้โอนเงินมาจ่ายให้ นายทุนโหดจึงยินยอมปล่อยตัวไปนั้น
วันที่ 5 ส.ค. 64 น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 64 ที่ผ่านมาได้ติดต่อไปกู้เงินผ่านเฟซบุ๊กจากนายกาย จำนวน 1,000 บาท มีการตกลงกันว่าต้องจ่ายหลังจากกู้ไป 5 วัน จำนวน 1,500 บาท รวมต้นและดอกเบี้ย เมื่อครบกำหนดไม่มีเงินจ่ายคืน จึงแจ้งไปทางเจ้าหนี้ว่าขอเวลาก่อน หลังจากนั้นอีกฝ่ายตามข่มขู่ตลอด จนตนทยอยจ่ายเงินไปจำนวน 340 บาท ทำให้เหลือยอด 1,160 บาท
ต่อมาวันที่ 3 ส.ค. มีผู้ชายโทรศัพท์ทำทีเป็นลูกค้าโทรมาสั่งอาหารให้ไปส่งที่บริเวณพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ บ้านปากคลองเพ ตนจึงนั่งรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายพี่สาวไปส่งที่จุดนัดพบ เมื่อไปถึงพบนายกายขี่รถจักรยานยนต์มากับชายวัยรุ่นอีกคน เข้ามาดึงกุญแจรถให้ตนลงมา พร้อมบอกว่าจะพาไปคุยที่สถานีตำรวจ จากนั้นให้ตนนั่งตรงกลาง ส่วนนายกายนั่งประกบหลัง บอกว่าจะพาไปสถานีตำรวจ
พี่สาวของตนจึงไปรอที่สถานีตำรวจ แต่นายกายกลับพาไปที่บ้านของเขา ในซอยหลังสถานีตำรวจ
โดยนายกายใช้เท้าถีบหน้าของตนด้านขวา ทำให้ปวดร้าว พร้อมขู่ให้เอาเงินมาคืน ไม่เช่นนั้นจะไม่ปล่อยตัวกลับบ้าน ตนจึงโทรศัพท์บอกญาติให้โอนเงินมาให้ 1,160 บาท เมื่อญาติโอนเงินคืน นายกายจึงปล่อยตัวออกมา โดยพี่สาวของตนเข้าไปรับ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่ารุนแรงเกินไป เพราะยอดเงินแค่ 1,000 กว่าบาท ไม่คิดว่าจะถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ตอนนี้จึงเข้าแจ้งความที่สภ.เพ และห่วงความปลอดภัยของครอบครัวมาก กลัวว่าอีกฝ่ายจะมาทำร้ายอีก
ด้านนายปิยะ ศรีนิล หรือ กาย อายุ 29 ปี เจ้าหนี้ กล่าวว่า น.ส.เอ ทักมายืมเงินจากตนในเฟซบุ๊กจำนวน 1,000 บาท อ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนซื้อน้ำยาซักผ้า เพราะรับจ้างซักผ้าปูที่นอน แต่ตนไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะคืนเงินตรงเวลา จึงให้ไปแค่ 500 บาทในรอบแรก พร้อมบอกชัดเจนว่าดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อวัน นัดจ่ายวันที่ 15 ก.ค. รวม 700 บาท ทั้งต้นและดอกเบี้ย
หลังจากนั้นวันที่ 11 ก.ค. ก็ทักมาขอยืมเพิ่มอีก 500 บาท อ้างว่าจะไปหาหมอ เพราะไม่สบาย บอกว่าจะคืนวันที่ 14 ก.ค. แต่เมื่อครบกำหนด น.ส.เอ อ้างว่า ขอคืนวันที่ 15 ก.ค. พร้อมกันรวม 1,500 บาททั้งต้นและดอกเบี้ย เมื่อถึงวันที่ 15 ก.ค. ก็ยังไม่ยอมโอนคืนมา จึงทักไปทวงเรื่อย ๆ กระทั่ง 17 ก.ค. อีกฝ่ายโอนมาให้ 180 บาท เหลือค้าง 1,360 บาท วันที่ 22 ก.ค. น.ส.เอ บอกว่าจะผ่อนจ่ายวันละ 200 บาททุกวัน แต่ก็ไม่ทำตามสัญญา จนวันที่ 24 ก.ค. ตนตามทวงจนอีกฝ่ายยอมโอนมาให้ 200 บาท ทำให้เหลือยอด 1,160 บาท
หลังจากนั้น ก็ไม่มีการโอนเงินมาตามที่สัญญาเอาไว้ ตนโทรศัพท์ไปหาก็ไม่รับ นัดมาคุยที่สถานีตำรวจก็ไม่ยอมมา กระทั่งวันที่ 3 ส.ค. ตนเห็น น.ส.เอ นั่งรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายพี่สาวมาส่งอาการตามสั่งละแวกตลาดบ้านเพ จึงเข้าไปดึงกุญแจรถจักรยานยนต์ออก พร้อมทวงถามเงิน อีกฝ่ายบอกว่าติดหนี้หลายเจ้า ได้เงินมาก็จ่ายคนอื่นหมด ตนจึงบอกว่าให้ไปคุยกันที่สถานีตำรวจ พร้อมบอกให้น.ส.เอ ขึ้นรถจักรยานยนต์ไปกับตน มีเพื่อนของตนเป็นคนขับ น.ส.เอ นั่งตรงกลาง ส่วนตนซ้อนท้าย
ซึ่งตอนแรกจะพาไปสถานีตำรวจจริง แต่ต้องกลับไปเอาเอกสารที่บ้าน จึงไปจอดที่บ้านตัวเองก่อน ด้วยความโมโหจึงได้เตะหน้า น.ส.เอ ไป 1 ครั้ง พร้อมบอกให้คืนเงิน ระหว่างนั้นแม่ของ น.ส.เอ จะขอคุยกับตนทางโทรศัพท์ ตนบอกว่าไม่คุย จะเอาเงินเท่านั้น สักพักจึงมีเงินโอนเข้ามาในบัญชี ยอมรับเรื่องทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ได้ทำรุนแรง โดนแค่ปลายรองเท้า เพราะโกรธที่อีกฝ่ายผัดผ่อนตลอด ทั้งนี้ ตนไม่ใช่แก๊งเงินกู้ ไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ เพราะมีงานประจำทำงานโรงงาน แค่ให้ยืมในกลุ่มเพื่อนและคนรู้จักเท่านั้น
