มือปืนสังหารโหดยิงหนุ่มดับคาบ้าน แม่เผยแผนจุดไฟเผาหน้าบ้าน-เคาะรถลวงฆ่า (คลิป)

31 ก.ค. 64

กรณีพนักงานสอบสวน สภ.นบพิตำ รับแจ้งเหตุ นายบุญรวย แก้วมณี อายุ 52 ปี ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณบ้านในทอน ม.6 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา 30 ก.ค. 64

584865507523

วันที่ 31 ก.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของผู้ตาย ลักษณะเป็นบ้านไม้ ใต้ถุนสูง อยู่ติดกับบ้านแม่ของผู้ตายซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านหลังเป็นสวนยางพารา

710595628237

นางวันลาภ แก้วมณี อายุ 69 ปี แม่ของผู้ตาย เล่าว่า เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 23.30 น. ขณะที่ตนกำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงคล้ายคนเคาะรถกระบะของนายบุญรวย ลูกชาย ซึ่งจอดอยู่ใต้ถุนบ้านตัวเอง จากนั้นมีแสงไฟลอดมาทางหน้าต่าง คาดว่าคนร้ายน่าจะจุดไฟเผาหน้าบ้านลูกชาย เพื่อเรียกให้ลูกชายลงมา

695972

ก่อนจะมีเสียงลักษณะเปิดประตูบ้าน จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตั้งแต่หน้าบ้านของตน ข้างบ้าน และหลังบ้าน โดยไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ระหว่างนั้นตนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่บอกให้ตนหลบอยู่ในบ้าน ห้ามออกมา ตนจึงได้แต่หลบอยู่ในบ้านจนเสียงเริ่มเงียบไป แต่ตนยังไม่วางใจ

cg

เวลาประมาณ 01.00 น. จึงโทรศัพท์หาหลานชายให้มาหาที่บ้าน เมื่อหลานชายมาถึงจึงกล้าเปิดประตู หลังจากนั้นจึงโทรศัพท์หานายบุญรวย ลูกชาย แต่ไม่มีคนรับโทรศัพท์ กระทั่งพบกองเลือดหน้าบ้าน และไปพบศพลูกชายหลังบ้าน

685706

โดยตนไม่รู้สาเหตุที่ลูกชายถูกยิง เพราะลูกชายไม่เคยมีปัญหากับใคร ครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกันคือช่วงเย็น ที่ลูกบอกว่าลูกชายของตัวเอง ซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ได้ย้ายไปอยู่หน่วยอื่นเท่านั้น ทั้งนี้ ลูกชายเลิกกับภรรยาไปเป็นเวลา 18 ปีแล้ว หลังจากนั้นก็อยู่คนเดียว และเคยมีแฟนใหม่ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับสาเหตุในครั้งนี้หรือไม่ ตอนนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ เพราะตนก็อยากรู้ว่าคนร้ายทำไปเพราะอะไร

375552

ด้าน พล.ต.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าเป็นปมขัดแย้งส่วนตัว คาดว่ามีผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว ตอนนี้ได้สั่งการให้รองผู้บังคับการจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับผู้กำกับ สภ.นบพิตำ เพื่อวางประเด็น กำหนดแนวทาง และสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับต่อไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส