ล็อกดาวน์ชลบุรีสะเทือน กิจการตลาด ร้านอาหาร โรงน้ำแข็ง รายได้หายกว่า 70% หากยังยืดเยื้อคาดอีก 3 เดือน ต้องปรับลดพนักงานด้วยแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว วอนรัฐออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ
หลังจากที่ ศบค. ได้ปรับมาตรการยกระดับจังหวัดชลบุรี ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่าน โดยมีมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น. เว้นแต่มีความจำเป็น โดยห้างสรรพสินค้า เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เกต แผนกยา อาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านโต้รุ่ง ต้องปิด 2 ทุ่ม พร้อมสั่งปิดร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม และห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 5 คน โดยทุกมาตรการเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. ส่วนการจำกัดการเดินทางในพื้นที่ 6 จังหวัด เริ่มวันที่ 10 ก.ค. ให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ ซึ่งหากฝ่าฝืนมีโทษ อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา จังหวัดชลบุรีได้มีการประกาศมาตรการเข้มในการป้องกันในการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด โดยห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น. และร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น.
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามเจ้าของธุรกิจโรงน้ำแข็งในอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ถึงผลกระทบจากการประกอบกิจการหลังร้านค้า ร้านอาหารและตลาดถูกสั่งปิดตามมาตรการล็อกดาวน์ 14 วัน นายบุญอนันต์ พัฒนสิน ผู้บริหารบริษัทในเครือราชากรุ๊ป กล่าวว่าจากมาตรการดังกล่าวโรงน้ำแข็งบางละมุงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ซึ่งตั้งแต่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ยอดขายในเครือราชากรุ๊ป ลดลงถึง 70% โดยโรงน้ำแข็งเครือราชากรุ๊ปจะให้บริการในพื้นที่ตั้งแต่แหลมฉบังถึงห้วยใหญ่ มีรถส่งน้ำแข็งรวม 45 คัน โดยให้บริการขายส่งและขายปลีก พอเริ่มมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ขึ้นได้มีการปรับลดรถส่งน้ำแข็งไป 20 คัน ปัจจุบันมีรถส่งน้ำแข็ง 25 คัน ทั้งนี้พอเริ่มสถานการณ์ดีขึ้นร้านค้า ร้านอาหาร กลับมาให้บริการได้อีกครั้ง ธุรกิจเริ่มพอจะฟื้นตัวได้บ้างในการปรับตัวหาฐานลูกค้าใหม่ อย่างร้านค้าเล็กๆ หมู่บ้านแลร้านขายอาหารรถเข็น เพื่อประคองธุรกิจและให้พนักงานได้มีงานทำรอวันสถานการณ์กลับมาปกติ
แต่มาล่าสุดมีคำสั่งล็อกดาวน์สั่งปิดร้านอาหาร ห้ามนั่งรับประทาน ส่งผลกระทบโดยตรงทำให้ไม่สามารถขายน้ำแข็งได้ 100% แม้การผลิตน้ำแข็งในโรงงานที่นำออกมาจำหน่ายให้กับลูกค้านั้นจะผ่านกระบวนการผลิตที่มีความสะอาดปลอดภัยทุกขั้นตอน มีการบรรจุหีบห่อด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยปลอดภัยสามารถรับประทานได้ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นการผลิตน้ำแข็งในเครือว่าได้มาตรการสะอาดปลอดภัย อีกทั้งอยากให้ภาครัฐผ่อนปรนมาตรการให้ผู้ประกอบการสามารถค้าขายประกอบธุรกิจได้บ้างการประกาศเปิดๆ ปิดๆ ทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าลงทุนในการค้าขาย บางร้านปิดทิ้งร้านแล้วทิ้งถังแช่น้ำแข็งไว้ที่ร้านและพอจะมาเปิดขายถังน้ำแข็งหายก็ต้องลงทุนซื้อถังน้ำแข็งให้ลูกค้าใหม่ ซึ่งถังแช่น้ำแข็ง 1 ถังมีมูลค่าถึง 4,500 บาท ก่อนโควิดมีลูกค้า 4,500 ราย ปัจจุบันลูกค้าเหลือไม่ถึง 3,000 ราย ซึ่งลุกค้าที่มีอยู่ก็ไม่ได้มีการสั่งซื้อน้ำแข็งในปริมาณเท่าเดิม อาทิ เคยสั่งซื้อน้ำแข็ง 10-20 ถุงต่อวัน ทุกวันนี้มีการสั่งซื้อน้ำแข็งเพียง 1-2 ถุงเท่านั้น แต่ถึงแม้จะได้รับผลกระทบอย่างหนักที่ผ่านมาไม่มีแนวคิดจะเลิกจ้างพนักงานแต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอีก 3 เดือน ทางโรงงานอาจจะมีการปรับลดพนักงานลง ด้วยไม่สามารถแบ่งรับภาระค่าใช้จ่ายได้ที่โรงงานต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่มีทุกวัน
