พยานเปิดปากแก๊งเสี่ยสุรัตน์เข้าพื้นที่ไม่โดนจับ ญาติโกศลบวช 7 วันขอเจอศพ (คลิป)

จากกรณีคดีอุ้มฆ่าเสี่ยโกศล เรืองดุก อายุ 45 ปี พ่อค้าหอยรายใหญ่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผ่านมาเป็นระยะเวลาเกือบ 3 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 8 ราย แต่ยังไม่มีความคืบหน้าจับคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว

ล่าสุด วันที่ 25 ก.ค. 64 ชาวประมง อ.ดอนสัก พบหัวกะโหลก ลักษณะเป็นกะโหลกมนุษย์อยู่ในทะเล เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการส่งตรวจสอบว่าเป็นกะโหลกของเสี่ยโกศลหรือไม่

วันที่ 27 ก.ค. 64 ชาวบ้านได้มีการแจ้งเบาะแสเห็นกลุ่มของผู้ต้องหาได้เข้ามาในพื้นที่ นายดำ (นามสมมติ) ชาวบ้านที่แจ้งเบาะแส เล่าว่า ตนไปเจอกับกลุ่มของผู้ต้องหาช่วงบ่าย ของวันที่ 24 ก.ค. 64 ที่ไปเจอเขานั่งรวมตัวกันอยู่ที่บ้านของอดีตผู้ใหญ่บ้าน 10 คน มีรถจอดอยู่หน้าบ้าน 5-6 คัน บุคคลที่เห็นชัดที่สุดมีอยู่ 2 คน ก็คือพี่สาวของเสี่ยสุรัตน์ และเจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุ ส่วนอีก 8 คนที่นั่งอยู่หน้าบ้าน เป็นลูกน้องของเสี่ยสุรัตน์ ผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวได้เข้ามาในพื้นที่ 3-4 วันติดกัน ช่วงที่กลุ่มผู้ต้องหาเข้ามาในพื้นที่ ตนไม่เห็นเสี่ยสุรัตน์ เห็นแต่รถฟอร์จูนเนอร์สีดำของเสี่ยสุรัตน์

ทั้งนี้ มีชาวบ้านเห็นเสี่ยสุรัตน์กับลูกน้องอีก 2-3 คนมาปรากฏตัวที่บริเวณขนำขึ้นหอยของเสี่ยสุรัตน์ ครั้งนั้นชาวบ้านไม่ได้แจ้งเบาะแสกับตำรวจเพราะคิดว่าชุดหนุมานกองปราบยังอยู่ในพื้นที่ แต่วันที่เจอพี่สาวของเสี่ยสุรัตน์และกลุ่มผู้ต้องที่บ้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านได้แจ้งเบาะแสกับตำรวจ แต่พอตำรวจกำลังจะลงมาในพื้นที่ กลุ่มคนดังกล่าวก็หายออกไปจากพื้นที่ทันที จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นกลุ่มคนดังกล่าวกลับเข้ามาในพื้นที่อีก

ส่วนตัวคิดว่ากลุ่มคนดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ และรู้ความเคลื่อนไหวของตำรวจ สำหรับตนให้ข้อมูลกับตำรวจและสื่อฯ ก็กลัว แต่ถ้าเขาไม่ผิดก็อยากจะให้พวกเขามอบตัวกับตำรวจแล้วก็บอกความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้าหากยังหนีอยู่แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกเขายอมรับความจริงว่าฆ่าเสี่ยโกศล ตอนนี้ยอมรับว่าชาวบ้านก็อยู่กันอย่างหวาดผวา อยากจะให้ตำรวจชุดหนุมานกองปราบ กลับมาลงพื้นที่ตามจับตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้ได้ ตนคิดว่าที่ผู้ต้องหากลับเข้ามาในพื้นที่แล้วมีการรวมกลุ่มคุยกัน อาจจะเป็นการวางแผนทำอะไรก็ได้หลังจากนี้

นายธีรศักดิ์ อินทจัก อายุ 50 ปี พี่ชายเสี่ยโกศล ระบุว่า กะโหลกที่ชาวประมงเจอ เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นกะโหลกน้องชาย เพราะมีลักษณะเป็นรูที่ตาซ้าย คล้ายรอยกระสุนปืน ประกอบกับตำแหน่งที่พบก็ใกล้เคียงกับตำแหน่งที่ผู้ต้องหาให้การว่านำเสี่ยโกศลไปทิ้งบริเวณดังกล่าว ส่วนตัวจึงค่อนข้างมีความหวัง อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุตนฝันถึงน้องชายครั้งเดียว เมื่อประมาณ 10 วันที่ผ่านมา ฝันว่าน้องชายมาหา ตนถามว่าตะไปไหนก็ไม่ตอบ แต่บอกกับตนว่าหากถูกหวย มีเงินจะซื้อของที่ชอบให้ ให้บอกว่าชอบอะไร ซึ่งตนมองว่าเหมือนน้องขายจะรู้ว่าตนคิดถึง และเป็นห่วงจึงมาเข้าฝัน ตนตั้งใจว่าหากเจอร่างของน้องชายจะบวชให้เป็นเวลา 7 วัน และกำลังคุยกับญาติว่าหลังจากนี้ อาจจะทำบุญครบ 100 วันให้น้องชายด้วย ส่วนเรื่องผู้ต้องหา ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม และดำเนินการถึงที่สุด เพราะปล่อยไปก็เป็นภัยต่อสังคม

จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี นายธเนตร วิชัยดิษฐ อายุ 40 ปี ผู้พบกะโหลกมนุษย์ ระบุว่า จุดที่ตนเจอกะโหลกอยู่ระหว่างเกาะนกเภา กับเกาะลิกัน ห่างจากเกาะอ่างทองประมาณ 25-30 ไมล์ทะเล หรือ 45-50 กิโลเมตร มองว่าหากผู้ต้องหาให้การตามจริงว่าทิ้งศพที่หมู่เกาะอ่างทอง หัวกะโหลกก็ไม่น่าจะถูกกระแสน้ำพัดมาในจุดที่ตนเจอได้ เพราะบริเวณดังกล่าวมีเกาะพะหลวยกั้นกลาง ประกอบกับทิศทางน้ำ หากถูกพัดจากหมู่เกาะอ่างทองก็น่าจะพัดไปทางเกาะสมุยมากกว่า ส่วนตัวก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นกะโหลกเสี่ยโกศลหรือไม่

โดยกะโหลกดังกล่าวไม่มีเบ้าตาขวา แต่ตนไม่ได้สังเกตเรื่องร่องรอยกระสุน มองจากลักษณะภายนอกคาดว่าน่าถูกทิ้งมาไม่เกิน 1 ปี
ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในพื้นที่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องการฆาตกรรมในทะเล แต่ตนก็ไม่รู้ว่าอาจจะมีอุบัติเหตุคนตกไปในทะเลหรือไม่

ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ก็เรียกตนไปสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องกะโหลกที่พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนสัก ระบุว่า นำกะโหลกดังกล่าวส่งตรวจอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ส่วนตัวจึงขอรอความชัดเจนเรื่องกะโหลกก่อนว่าเป็นของใคร

นายปราโมทย์ ธรรมรักษา อายุ 55 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ กล่าวถึงกระแสข่าวลือที่ระบุว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 8 คนเข้ามาที่บ้านของตัวเอง ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะบ้านของตนเป็นที่แจ้ง ผู้ต้องหาคงไม่กล้าเข้ามา และตั้งแต่เกิดเหตุตนก็ไม่เคยติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องหา ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ารู้จักสนิทสนมกับเสี่ยสุรัตน์ หนึ่งในผู้ต้องหาจริง แต่ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้

โดยที่ผ่านมาญาติของเสี่ยสุรัตน์เคยเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับคดี เพราะตอนนี้มีแค่ผู้หญิง ไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร ตนก็แนะนำให้เข้าไปคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อจะได้ดูแนวทาง ซึ่งหากผู้ต้องหามาที่บ้านตนจริง ก็จะแนะนำให้ไปมอบตัว หรืออาจจะพาไปมอบตัวด้วยตัวเอง ไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้

ทั้งนี้ เท่าที่รู้จักเสี่ยสุรัตน์เป็นคนทำมาหากิน ไม่ได้โหดร้าย นอกจากจะโดนรังแกก่อน ส่วนที่มีข่าวว่าเสี่ยสุรัตน์เป็นผู้มีอิทธิพลนั้นก็ไม่จริง มองว่าเป็นเรื่องการสื่อสารที่พูดกันไปเกินจริง และมั่นใจว่าเสี่ยสุรัตน์ไม่ได้อยู่ในพื้นที่

จากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปบ้านเสี่ยสุรัตน์ เศวตศิลป์ หนึ่งในผู้ต้องหา แม่ยายของเสี่ยสุรัตน์ ยืนยันว่าลูกเขยและกลุ่มผู้ต้องหาที่เหลือยังไม่กลับเข้ามาในพื้นที่ตามที่มีข่าว มองว่าบางครั้งอีกฝ่ายก็พูดเกินความเป็นจริง เพราะหากกลับมาก็ต้องโดนตำรวจจับกุมไปแล้ว

ส่วนตัวยังไม่สามารถติดต่อเสี่ยสุรัตน์ได้ ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ไหน ยอมรับว่าเป็นห่วงเช่นกัน ตนมองว่าเหตุที่เสี่ยสุรัตน์หนีไปเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด จึงตกใจและหนีไป ส่วนถ้าหากไม่ได้ทำผิดเหตุใดจึงต้องหนีตัวเองก็ตอบไม่ได้ แต่ครอบครัวก็เครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางคดี

ซึ่งล่าสุด มีการนำหัวกะโหลกศีรษะมนุษย์ส่งไปตรวจสอลแล้วนั้น อยู่ระหว่างการรอผลตรวจอย่างละเอียดเพื่อยืนยันว่าเป็นเสี่ยโกศลจริงหรือไม่

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
พิสูจน์! กะโหลกใกล้หมู่เกาะอ่างทอง อึ้งรอยร้าวตรงรูกระสุนหัวเสี่ยโกศล เมียจี้ตรวจดีเอ็นเอ