ฆ่าโหดรัดคอสาวหมกคลอง คุมผัวสอบเครียด เชื่อคนสนิทแก้ผ้าศพจัดฉากขโมยทอง (คลิป)

วันที่ 27 ก.ค. 64 เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.อกิติศักดิ์ อุดมรักษ์ รองสว. (สอบสวน) สภ.บางปะหัน ได้รับแจ้งเหตุพบร่างนางสาววราพร อิ่มอาหาร อายุ 40 ปี ภรรยาของนายวิษณุ อิ่มอาหาร อายุ 38 ปี ชาว ต.ทางกลาง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีการระดมเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ช่วยออกตามหา และติดต่อโทรเช็กตามโรงพยาบาลว่ามีการเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ ตั้งแต่ 20.40 น. ของวานนี้

ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้เสียชีวิตเลิกงานแล้วกลับถึงบ้าน แต่ช่วงเวลา 23.00 น. พบแต่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตยี่ห้อ PCX สีแดง ซึ่งยุติค้นหาตอนใกล้เช้า

กระทั่งเช้าวันนี้ชาวบ้านพบผู้เสียชีวิตจมอยู่ภายในคลองบางพระครู หมู่ 3 ต.ตาลเอน อ.บางปะหัน ลักษณะนอนคว่ำหน้า เปลือยกายไม่สวมใส่เสื้อผ้า มีลักษณะเหมือนมีผ้าคุมหัวอยู่ภายในคลอง ตรวจสอบด้านบนริมคลองพบลักษณะเหมือนมีการจุดไฟเผาเสื้อผ้าอำพรางคดีพบรองเท้าทำงานหนึ่งข้าง ตลับแป้ง และจี้ทองทองคำรูปหัวใจตกอยู่ และสร้อยทองหายไป เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างตรวจสอบ

นายวิษณุ อิ่มอาหาร อายุ 38 ปี สามีผู้เสียชีวิต ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะหัน เรียกสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนเปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ปัญหาในที่ทำงานภรรยาไม่เคยบอกเล่าให้ฟัง เพราะภรรยาจะรู้ว่าหากเล่าให้ฟังตนเองก็จะบ่น แต่ก็ไม่เคยเห็นภรรยามีปัญหากับใคร

ซึ่งเมื่อวานตอนไปทำงานภรรยาออกบ้านที่หลังตนแต่ตอนเลิกงาน ตนเลิกงานก่อนตอนประมาณ 17.00 น. ภรรยาจะเลิกงานตอน 20.00 น. ตอนนั้นเวลา 19.00 น. ภรรยาได้โทรหาตนบอกว่า "แบตเตอร์รี่โทรศัพท์จะหมด" แล้วก็วางสายไป

แต่เมื่อถึงเวลาประมาณ 21.00 น. พบว่าภรรยากลับผิดเวลา จึงติดต่อโทรศัพท์ไปหา แต่ก็ไม่ติด จึงออกตามหาแต่ก็ไม่พบ จึงได้ติดต่อกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันระดมหาหาถึง 04.00 น. ก็ไม่พบ และมาหาตอนเช้าอีกครั้ง ก็มาเจอที่คลอง ส่วนเรื่องรถยนต์ภรรยาขับไปประสบอุบัติเหตุจึงเข้าอู่ทำสี ภรรยาจึงใช้รถจักรยานยนต์ไปทำงาน

ก่อนหน้านี้ ตนเองคอยไปรับไปส่งภรรยาอยู่บ่อยครั้ง แต่พักหลังก็จะเว้นช่วงบ้าง เพราะตนเองเลิกงานไวกว่า ต้องรีบกลับมาทำงานบ้าน ซึ่งจริง ๆ เส้นทางก็ไม่ได้ระวังอะไรเป็นพิเศษ เพราะว่าใช้เส้นทางนี้สัญจรผ่านไปมากว่า 10 ปีแล้ว

นางสาวรจนา ทรัพย์ภักดี อายุ 33 ปี ผู้พบศพคนแรก เล่าด้วยอาการตกใจว่า ตนเองก็ช่วยสามีของผู้ตายออกตามหา และบริเวณจุดเกิดเหตุก่อนหน้านี้ ก็เป็นจุดที่ตนเองเคยลงมาตกปลา จึงลองแวะเข้ามาดู และมาตรวจสอบก็พบศพของผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าอยู่ จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และให้ทางสามีมาดูจุดเกิดเหตุ

ส่วนสาเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการสอบสวนญาติคนใกล้ชิด และตรวจสอบบริเวณยังจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อจะติดตามตัวผู้กระทำความผิดต่อไป

ทีมข่าวเดินทางมาที่จุดพบศพ พบคลองน้ำที่ชาวบ้านเจอศพกว้างประมาณ 10 เมตร ริมตลิ่งมีร่องรอยการไถล คาดว่าเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่พยายามกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมา ขณะเดียวกันฝั่งด้านขวาซึ่งมีปั๊มน้ำของชาวบ้านอยู่นั้นมีร่องรอยไฟเผา เป็นวางกว้าง 0.5 เมตร พบวัตถุถูกไหม้เผาเป็นผงดำ ส่วนเครื่องสูบน้ำเสียหาย พบกุญแจ 1 ดอก

จุดพบศพจากการสำรวจไกลจากถนนชุมชน 50 เมตร มีป่าไผ่ ป่ากระถิน และทุ่งนา พบไฟส่องสว่างชนิดโซลาเซลล์ติดตั้งห่างกันกว่า 100 เมตร จากนั้น ทีมข่าวเดินทางย้อนไปยังจุดที่พบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ห่างจุดพบศพ 800 เมตร พบต้นกระถินถูกรถทับหักโค่นเป็นระนาบ เท่าขนาดรถเกือบ 2 เมตร พบถุงใส่ยางรัดผมตกอยู่ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต

นายอุทิศ เพชรผ่อง อายุ 47 ปี เจ้าของที่นาติดกับฝั่งที่พบศพ เปิดเผยว่า ตนทราบว่าแฟนคนเสียชีวิตตามหาทั้งคืน แต่ไม่เจอ กลับเจอแต่รถของผู้ตาย แต่ตนยืนยันตรงนี้เปลี่ยวมืดจริง ๆ มาช่วงเช้าชาวบ้านบอกว่ากันเจอศพผู้หญิง ตนตามดูห่าง ๆ มองรูปการณ์แล้วว่าไม่น่าจะเป็นการปล้นจริงทรัพย์ คาดการณ์ว่าคนก่อเหตุรู้จักคนตาย และอาจจะแค้น ก่อนมาตามทำร้ายมากกว่า

ส่วนปกติจะเข้ามาดูนาปล่อยน้ำลงนาตั้งแต่ 08.00-18.00 น. ก็จะกลับเข้าบ้าน เพราะช่วงนี้จังหวัดประกาศมาตรการเคอร์ฟิว ยืนยันได้ว่าหลัง 20.00 น. จะไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่าน เพราะแถวนี้ค่อนข้างเปลี่ยว แต่ตนเองอาศัยอยู่มานานกว่า 40 ปี ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์ฆ่าชิงปล้น ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้มีคาเฟต์มาเปิดร้านห่างจากจุดพบศพเข้าไปประมาณ 500 เมตร ช่วงนั้นมีคนสัญจรไปมาบ้างแต่ตอนนี้ได้ปิดบริการไปก็เงียบ ส่วนหมู่บ้านค่อนข้างไกลออกจากจุดพบศพไปประมาณ 1 กม. ย่านนี้จะมีคนมาก็ต่อเมื่อขับรถผ่านเข้าหมู่บ้านหรือมาทำนาทำไร่ ส่วนก่อนหน้านี้บริเวณนี้ก็ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง แต่ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาหน่วยงานนำไปส่องสว่างเข้ามาติดในพื้นที่ แต่ก็ยังไม่สว่างมากพอ และวงจรปิดก็ไม่มี

นางสาวชวัญรัตน์ วงศ์ศิวิไล อายุ 37 ปี เพื่อนร่วมงาน เล่าว่า ตนทำงานคนละแผนก รู้จักกันเพราะเป็นภรรยาของเพื่อน ผู้ตายนิสัยดี ขนาดเวลาที่ตนเองเดือดร้อนรถใช้งานไม่ได้ยังเคยอาศัยผู้ตายกลับบ้าน ส่วนผู้ตายและสามีรักกันมานานกว่า 10 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ที่ผ่านมาเห็นทั้งคู่รักกันดี ไม่เคยมีปัญหากัน แต่เพื่อนก็รับรู้ว่ารักกันดีจริง ส่วนเรื่องจดทะเบียนไม่รู้จดตอนไหน แต่รู้ว่าจดกันนานแล้ว

ขณะเดียวกัน กรณีที่ผู้ตายสวมใส่สร้อยทอง ตนเองเห็นผู้ตายใส่มาตั้งนานแล้วก็ไม่เคยถอด ไปไหนมาไหนก็เห็นใส่สร้อยทองเส้นนี้ปกติ เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็รู้สึกช็อก ส่วนเส้นทางในย่านนี้ ค่อนข้างน่ากลัว โดยเฉพาะเส้นทางที่ออกมาจากยูเทิร์นโรงงาน จุดนั้นไม่มีไฟฟ้าเลย และกล้องวงจรปิดก็ไม่มี หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้หน่วยงานเข้ามาดำเนินการให้ เพราะตนเองและเพื่อนที่ทำงานในโรงงานย่านนี้ ใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมากันเกือบทุกคน ก็กลัวว่าต่อไปอาจเป็นตนหรือไม่

ด้านพ.ต.อ.ภณศึกษา ชาเรณู ผกก.สภ.บางปะหัน เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้พยานหลักฐานจากสามีผู้เสียชีวิต พยานในที่เกิดเหตุที่สามารถรวบรวมไว้ได้ และอยู่ระหว่างรอผลชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ เบื้องต้นก็มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายคุ้นชินกับจุดเกิดเหตุเป็นอย่างดี เป็นไปได้ว่ามีการสะกดรอยตามมาจากที่ทำงาน โดยเฉพาะจุดทิ้งศพเป็นทางลงไปยังคลอง มีความกว้างถึง 10 เมตร และน้ำค่อนข้างลึก ต้องชินกับจุดนี้ คาดว่ามีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 1 คน

สำหรับจุดที่พบศพมีขอนไม้และกิ่งไม้ จมอยู่บริเวณนั้นพอดีเมื่อศพตกทิ้งลงไป ประกอบกับน้ำก็ไหลเอื่อย ศพจึงไปไม่ไกล เช้ามาจึงโผล่ขึ้นมาให้เห็น สภาพก็นอนคว่ำและเปลือยกาย พบหัวคิวขวามีแผงลึกถึงกระโหลกคาดถูกตีด้วยของแข็ง หัวเข่าช้ำ คอมีผ้ารัด พลิกมาดูเป็นกางเกงของผู้ตายสวมใส่รัดคออยู่

ส่วนผู้ตายมีทรัพย์สิน หลายอย่างที่หายไป ทั้งกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ รวมถึงสร้อยคอทองคำ เพราะที่เกิดเหตุพบแต่จี้ทองคำ จึงตั้งปมไว้หลายประเด็น เช่น อาจจะเกี่ยวข้องกับการจี้ชิงทรัพย์ ปมปัญหาในโรงงาน ให้เจ้าหน้าที่สืบค้นอยู่แต่ยังไม่พบมูลเหตุสงสัย และปมฆ่าแล้วข่มขืน หรือข่มขืนแล้วฆ่า ก็ยังไม่ได้ตัดปมทิ้ง

ส่วนจุดที่มีร่องรอยการเผาไหม้หมด มีชิ้นสวนเสื้อบ้าง แต่ยังชี้ไม่ได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ รอพิสูจน์หลักฐานพิสูจน์ให้แน่ขัดก่อน ส่วนน้ำมันคาดคนร้ายเอาจากเครื่องสูบน้ำ เพราะจ้างเครื่องมีถังน้ำมันดีเซลอยู่จำนวนหนึ่ง สำหรับคดีนี้มีความยากพอสมควร เพราะขณะเกิดเหตุเป็นเวลาช่วงกลางคืน เส้นทางในที่เกิดเหตุมืดเปลี่ยวกล้องวงจรปิดมีจำนวนจำกัด จึงค่อนข้างยากต่อการสืบสวน แต่จะพยายามสืบค้นให้ได้ตัวคนร้ายอย่างเร็วที่สุด

นายวิษณุ อิ่มอาหาร อายุ 38 ปี สามีผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนกับภรรยาจดทะเบียนถูกต้อง เมื่อวานแฟนของตนเองทำงานจะกลับถึงบ้านเวลาประมาณ 20.40 น. ของทุกวัน แต่ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.ภรรยายังไม่กลับบ้านและเห็นว่าผิดเวลา จึงโทรศัพท์ติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเกิดความเป็นห่วง ชวนน้องชายออกมาดูที่โรงงาน แต่ก็ไม่พบ จากนั้นจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะหัน และประสานเจ้าหน้าที่ และประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ช่วยออกตามหา ช่วงเวลา 23.00 น. พบรถจักรยานยนต์จอดรคว่ำอยู่บริเวณปากทางเข้าเข้าถนนวัดตาลเอน ห่างจากจุดพบศพ 1 กิโลเมตร จากนั้นก็โทรติดต่อประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ หาภรรยาของตนเองทั้งคืน แต่ไม่พบ จนมาช่วงเช้าออกตามหาอีกครั้ง

นายวินัย อิ่มอาหาร อายุ 63 ปี พ่อสามีคนเสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกสะใภ้เป็นคน ต.ทับน้ำ อ.บางประหัน พ่อและแม่จากไปนานแล้ว และลูกตนคบหาและพากันเก็บเงินแต่งงานอยู่กินด้วยกันนานกว่า 10 ปี ทั้งคู่รักกันดี จดทะเบียนสมรสกันหลายปีแล้ว อีกทั้งทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกันกันตอนนี้ก็ 10 ขวบแล้ว มีทะเลาะนิดหน่อย เป็นเรื่องของสามีภรรยา แต่ทั้งคู่คนทำงานที่เดียวกัน ลูกชายเข้างาน 08.00-17.00 น. ส่วนลูกสะใภ้เข้างาน 08.00-20.00 น. เมื่อเช้าแยกกันไปทำงานด้วยรถจักรยานยนต์คนละคัน ปกติลูกสะใภ้จะใช้รถกระบะ แต่รถเสียซ่อม 1 สัปดาห์แล้ว

จากนั้นเมื่อวานนี้ 20.30 น. ลูกสะใภ้ก็ยังไม่กลับบ้าน ตนจึงบอกให้ลูกชายรีบตามหา เพราะโทรตามหลายรอบแต่ไม่ติด และตามหาทั้งที่โรงงาน ให้กู้ภัยช่วยหาจนเจอรถ แต่ก็ไม่พบลูกสะใภ้ หากันจน 03.00 น. ตอนเช้าก็ระดมหากันอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบ จนมรชาวบ้านไปเจอ สำหรับภายในบ้านตนเองสังเกตทุกครั้งไม่พบใครผิดสังเกตที่เข้ามาในบ้าน แต่ที่ทำงานลูกสะใภ้จะมีปัญหากับใครนั้นตนไม่ทราบ เพราะลูกสะใภ้ทำแต่งาน และทำขนมเค้กไปขายในโรงงานด้วย ขยันทำมาหากินและกลับบ้านตรงเวลาทุกวัน ยืนยันว่าในหมู่บ้านลูกสะใภ้ไม่มีปัญหากับใครเลย แต่เส้นทางนี้ตนจำได้ว่าเคยมีการปล้นกัน แต่นานแล้ว ที่ผ่านจึงให้ลูกสะใภ้ใช้รถยนต์ไปทำงาน

นอกจากนี้ ในหมู่บ้านไม่ได้สงสัยใคร สงสัยที่โรงงาน คนร้ายอาจจะสะกดตามรอยลูกสะใภ้มาจากโรงงาน และมาก่อเหตุรุนแรงแบบนี้ วอนตำรวจติดตามตัวคนร้ายให้ได้

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช ระบุว่า หากผู้ตายถูกล่วงละเมิดทางเพศก็สามารถตรวจสอบได้ จากการดูบาดแผลภายนอก และช่องคลอด การฉีกขาดของอวัยวะเพศ เยื่อพรหมจารี

แม้แต่การตรวจองค์ประกอบของน้ำอสุจิหรือของเหลงภายในช่องคลอด ภายใน 7-10 วัน รวมถึงการตรวจดีเอ็นเอแฝง ซึ่งสภาพศพจะเน่าเปื่อยแต่ไม่มากก็ทำให้ตรวจสอบได้เช่นกัน