จากกรณีที่มีหญิงสาวรายหนึ่ง โพสต์ร้องเรียนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอบางใหญ่ ว่ามีการทำเกินกว่าเหตุ หลังจากที่มีการจับกุมสามีในข้อหาฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ทั้งที่สามีแค่เดินมาซื้อน้ำแข็งที่ร้านขายของชำ เวลา 21.00 น. เพื่อไปแช่หมู เนื่องจากกลัวหมูจะเสีย
ซึ่งร้านห่างจากที่อาศัยแค่ประมาณ 10 เมตร จึงถูกดำเนินคดี แต่ไม่มีเงินจำนวน 20,000 บาท เพื่อใช้ประกันตัว จึงต้องติดคุก 1 คืน และถูกส่งฟ้องศาลในวันที่ 15 ก.ค. 64 เสียค่าปรับไปจำนวน 2,500 บาทนั้น
วันที่ 19 ก.ค. 64 ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ภายในซอยหมู่บ้านพระปิ่น 3 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เจอร้านขายของชำเป็นอาคารชั้นเดียว 2 ห้อง และอะพาร์ตเมนต์ที่เจ้าของโพสต์ดังกล่าวอาศัยอยู่
จากการสอบถามเจ้าของร้านขายของชำ ให้ข้อมูลว่า ตนยอมรับผิดทุกอย่าง เพราะตนไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องปิดร้านก่อน 21.00 น. จึงยอมที่จะถูกดำเนินคดี โดยแฟนของตนโดนจับในคืนนั้น และตนก็ได้นำเงิน 20,000 บาทไปประกันตัว เพื่อไม่ให้แฟนนอนคุก จากนั้นอีกประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะไปขึ้นศาลเพื่อเสียค่าปรับในกรณีนี้ โดยน่าจะเสียค่าปรับประมาณ 5,000 บาท ซึ่งที่ค่าปรับแพงกว่าคนขายหมูเพราะคดีตนร้ายแรงกว่า โดยตนก็ยอมจ่าย เพื่อให้เรื่องมันจบ ไม่อยากมีเรื่องกับใคร ตนก็แค่คนทำมาหากิน
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้ไปตามหาเจ้าของโพสต์ที่เป็นคนขายหมูด้วย เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ไม่พบตัว
นายสมพล สุระสัจจะ ปลัดอำเภอบางใหญ่ ระบุว่า ตนงงมากกับข่าวที่เกิดขึ้น เพราะไม่ได้เป็นความจริง เรียกว่าเป็นเรื่องราวโอละพ่อก็ว่าได้ ความจริงแล้วมีเรื่องร้องเรียนส่งมาที่ตนเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ว่ามีร้านขายของชำเปิดเกินเวลา ตนจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบในวันที่ 14 ก.ค. 64 ตนไปถึงร้านเวลาประมาณ 22.00 น. กว่า ปรากฏว่ามีการทำเสมือนว่าปิดร้าน แต่ยังแอบขายอยู่คือปิดประตูเหล็ก แต่มีลูกกรงสามารถส่งสินค้าได้ เจ้าของร้านให้การปฏิเสธ ตนจึงขอดูกล้องวงจรปิด เจ้าของร้านก็ไม่กล้าเปิด แล้วก็กลับคำเปลี่ยนเป็นรับสารภาพ
ทั้งนี้ ตนก็ยังขอการ์ดจากกล้องวงจรปิดมาเปิดดู พบว่าในวันดังกล่าวถูกลบหายออกไปแล้ว เจอแต่วันอื่น ๆ ซึ่งพบการกระทำผิด ทั้งเปิดเกินเวลา และมีผู้คนออกมารวมตัวกันแบบไม่ใส่แมสก์ด้วย ในส่วนของพ่อค้าขายหมู ตนไม่ได้รับรายงานว่าเขามาซื้อน้ำแข็ง ในวันดังกล่าวเขาจับกลุ่มอยู่หน้าร้านกับเพื่อนรวม 3 คน เพื่อนั่งดื่มแอลกอฮอล์ ขวดเบียร์ก็ยังตั้งอยู่หน้าร้าน
โดยตนได้สอบถามเขาว่ามาทำอะไร เขาก็ตอบกลับมาว่า "มาซื้อบุหรี่" ตนเลยบอกว่า "มันเลยเวลาแล้วนะ" เขาก็รับสารภาพและให้จับกุมแต่โดยดี โดยเพื่อนอีกคนหนึ่งเดินหนีไปได้ ส่วนอีกคนเป็นเยาวชน ตนแค่ว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น และเรียกผู้ปกครองมารับตัวไป
นายสมพล บอกว่า หากวันนั้นชายขายหมูมาซื้อน้ำแข็งไปแช่หมูจริง ตนไม่มีทางจับดำเนินคดีแน่นอน ตนพิจารณาเป็นเคสบายเคสไป ตนต้องดูความจำเป็นมาก่อนอยู่แล้ว แต่วันนั้นหลักฐานคาตา เพราะฉะนั้นอ้างไม่ขึ้น
สุดท้าย ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่เคยมีเจตนาจะกลั่นแกล้งใคร และตนก็มุ่งมั่นที่จะให้บ้านเมืองเกิดความสงบโดยเร็ว อันไหนอะลุ่มอล่วยได้ก็ยอม แต่อันไหนไม่จำเป็นจริงก็ต้องจับ ถ้าแค่เตือนทุกเคส บ้านเราก็ไม่มีทางหมดโควิด-19 ไปง่าย ๆ
