สึก "ปู่มุนี"! เจ้าตัวเชื่อขบวนการดิสเครดิต หนุ่มร้องสอบปัดอคติ รับไม่ได้ห่มเหลืองยักคิ้วไลฟ์ (คลิป)

12 ก.ค. 64

กรณีนายชัยรัตน์ ยอดพรม หรือ ปู่มหามุนี อริยดาบส อายุ 40 ปี เจ้าของสำนักสักยันต์ปู่มหามุนี และเน็ตไอดอลด้านสายไสยศาสตร์ ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทที่วัดศรัทธาประชากร (วัดเขารวก) จ.สระบุรี ในวันที่ 27 มิ.ย.64 จากนั้นจำวัดอยู่ที่วัดสนมลาว ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี 

987236

กระทั่งบนโลกโซเซียลฯ อย่างแฟนเพจเฟซบุ๊ก “แม่ทัพลิง อินร่างทรง” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ปู่มหามุนีโดนเจ้าคณะจับสึกแล้วนะ เป็นพระทั้งไลฟ์ขายของ ทั้งเสือกเรื่องชาวบ้าน วางตัวไม่เหมาะสม กูขำ คนดีของผู้ต้องหากกกอก”

688550

อีกทั้งยังมีการแชร์เอกสารร้องเรียนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ระบุว่า พระชัยรัตน์ รือ ปู่มหามุนี อริยดาบส มีกิริยาอาการไม่เหมาะสม ไม่สำรวมในการครองตนเป็นพระภิกษุ เช่น หน้าตา การยักหัวยักไหล่ โดยจากการตรวจสอบของทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รวมระยะเวลาการบวชของ พระชัยรัตน์ จยถึงวันที่ 11 ก.ค.64 รวมทั้งสิ้น 15 วัน

ล่าสุดวันที่ 12 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมาพบกับนายชัยรัตน์ ยอดพรม หรือ ปู่มหามุนี อริยดาบส อายุ 40 ปี ซึ่งขณะนี้กลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านพักย่านตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

831655

นายชัยรัตน์ ยอดพรม หรือ ปู่มหามุนี กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจจะบวชเพียง 4 เดือน เนื่องจากภรรยาของตนท้องได้ 6 เดือนแล้ว เพื่อทดแทนคุณครูบาอาจารย์ รวมถึงพ่อแม่ และอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลรอบตัว อาทิ เพื่อนพ้องและแฟนคลับ แต่ในวันที่ 29 มิ.ย.64 นายณฤทธิ์ ซึ่งตนคาดว่าน่าจะเป็นผู้ที่ไม่ชื่นชอบตนมาตั้งแต่สมัยอดีต ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าตนทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นพระ จากนั้นในวันที่ 6 ก.ค.64 จดหมายก็ส่งมาถึงเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี ทางเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี จึงส่งพระรูปหนึ่งมาดำเนินการตรวจสอบตน

471057

โดยจากการตรวจสอบ ไม่ได้มีการตั้งอธิกรณ์ (โทษ) เพราะตนไม่ได้ทำผิดพระวินัย ซึ่งตนไม่จำเป็นต้องสึก แต่เหตุผลที่ตนสึก เพราะตนเสียสละ เนื่องจากตนได้รับการแจ้งเรื่องราวในคืนวันที่ 10 ก.ค.64 ว่าตนไม่มีความผิดจากพระผู้ตรวจสอบ แต่ขณะนั้นเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี ได้โทรศัพท์มาหาพระผู้ตรวจสอบ ยืนยันจะให้ตนออกจากพื้นที่จังหวัดสระ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีต่อพุทธศาสนาจังหวัดสระบุรี ตนที่บังเอิญได้ยิน จึงยินยอมที่จะสึกด้วยความสมัครใจ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสร้างความลำบากใจให้กับพระผู้ตรวจสอบ 

873607

โดยตนมองว่าเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี ทำตัวไม่เหมาะสม เพราะการจับพระสึกทั้ง ๆ ที่พระไม่มีความผิดหรือมูลเหตุอันสมควร ถือเป็นการอาบัติปาราชิกแบบหนึ่ง ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ตนจึงจัดสินใจสึกด้วยความสมัครใจในช่วงเช้าของวันที่ 11 ก.ค.64 เวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งสาเหตุที่ตนไม่ย้ายไปจำวัดที่จังหวัดอื่น เพราะตนเชื่อว่าผู้ร้องเรียนก็คงจะตามไปร้องเรียนต่อไปเรื่อย ๆ จึงเลือกที่จะสึกเพื่อจบปัญหา ไม่เช่นนั้นวงการสงฆ์คงจะเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้น

963134

ทั้งนี้ ขณะที่ตนบวชเป็นพระ ตนยอมรับว่าตนยังคงไลฟ์สด เนื่องจากต้องการจะเผยแพร่พระพุทธศาสนา และสนทนาธรรมกับผู้ติดตาม ตนไม่เคยที่จะไลฟ์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงไม่ผิดพระวินัย ส่วนการยักหัวยักไหล่ ตนคิดว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิด ตนเพียงยกผ้าสังฆาฏิที่พาดไหล่อยู่ให้กระชับ การยักหัวเป็นเพียงวิสัยความเคยชินของตน ซึ่งก็ไม่ได้ผิดพระวินัย

ส่วนการที่โลกโซเชียลฯ แชร์ว่าตนเป็นพระ แต่ทำไมไลฟ์ขายของ ตนขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง โดยมีครั้งหนึ่งมีลูกค้าที่ดูไลฟ์พิมพ์ข้อความว่าสนใจสินค้า ซึ่งตนก็ได้ขอให้ติดต่อทางแอดมิน เพราะตนบวชอยู่ ซึ่งตนมองว่าตนไม่ได้ทำผิดอะไร สำหรับการบวชใหม่ตนอาจจะบวชอีกครั้งในอีก 10-20 ปีข้างหน้าแบบไม่สึก โดยตั้งใจว่าจะธุดงค์จำศีลอยู่ในป่า ตนไม่กลัวว่าจะมีคนมาร้องเรียนอะไรอีก เพราะขณะนั้นตนคงอยู่ในป่าเรียบร้อยแล้ว

953671

อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่าเหตุการณ์นี้ สำนักพระพุทธศาสนาทำตามหน้าที่ โดยเหตุการณ์นี้จะเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ ตนก็ขออโหสิกรรมให้กับทุกฝ่าย แต่กรรมที่ใครทำไว้ก็จะได้รับผลเช่นนั้น อีกทั้งการเหตุการณ์นี้ ยังทำให้ตนรับรู้ว่าการปกครองของสงฆ์ มีเรื่องของอำนาจมาเกี่ยวข้อง ไม่มีการไตร่ตรองพิจารณาให้ดีหรือไม่ 

966689

ทีมข่าวได้เดินทางมายังวัดพุทธแสงธรรม เพื่อกราบนมัสการเข้าพบ เจ้าคุณพระสุนทรธรรมภาณ เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า อาตมาเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์ของจังหวัดสระบุรี ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากสำนักพุทธศาสนา อาตมาก็จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยส่งต่อเรื่องให้พระครูประสาทสารคุณ เจ้าคณะตำบลหน้าพระลาน เจ้าอาวาสวัดศรัทธาประกร (วัดเขารวก) รักษาการเจ้าอาสวัดสนมลาวไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งอาตมายังไม่ได้สั่งตั้งอธิกรณ์ (โทษ) ใด ๆ ทั้งสิ้น

691795

แต่ผลที่ปรากฎออกมา อีกฝ่ายกลับต่อว่าและเข้าใจผิดตามที่ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ ทีวี อ้างว่าถูกกดดันให้สึก อาตมาไม่ทราบว่ารักษาการเจ้าอาสวัดสนมลาว กล่าวตักเตือนอีกฝ่ายอย่างไร อีกฝ่ายจึงเข้าใจว่าอาตมาห้ามไม่ให้จำวัดอื่น ๆ ในจังหวัดสระบุรีได้ และตัดสินใจลาสิกขา อาตาก็รู้สึกช็อกเช่นกันที่การตักเตือนการเป็นยาแรง แล้วทำให้อีกฝ่ายคับแค้นใจ อาตมายืนยันว่านายชัยรัตน์ ไม่มีความผิดใด ๆ แต่การยักหัวยักไหล่ขึ้นอยู่กับคำว่า “ควร” หรือ “ไม่ควร” ที่จะต้องตักเตือนกัน ส่วนการบวชใหม่สามารถทำได้ เพราะการลาสิกขาในครั้งนี้ไม่มีความผิด

757387

นายณฤทธิ์ พีรวัฑฒึก อายุ 62 ปี ผู้ร้องเรียน กล่าวว่า ตนเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งที่ติดตามข่าว ซึ่งตนมักจะพบเห็นปู่มหามุนี ออกข่าวอยู่ตลอดเวลา รวมถึงข่าวกกกอกด้วย โดยต้องยอมรับว่าปู่มหามุนี มีกิริยาและการวางตัวที่ไม่เหมาะสมในทุกข่าวที่นำเสนอ ตนเป็นคนทั่วไปที่ดูยูทูบ ซึ่งตนบังเอิญพบเจอคลิปวิดีโอที่ปู่มหามุนี เดินทางไปพบนายไชย์พล วิภา เพื่อขอลาบวช จากนั้นตนก็ได้เห็นข่าวการบวชของปู่มหามุนี

977239

โดยตนยังพบอีกว่า แม้ปู่มหามุนีบวชแล้ว แต่ยังคงทำตัวดั่งเช่นฆราวาส ไลฟ์ด้วยการใช้คำพูดที่ไม่สำรวม มีการพูดจาว่าร้ายและพาดพิงบุคคลอื่น ๆ อีกทั้งยังมีการยักหัวยักไหล่ขณะไลฟ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่กิริยาอันสมควรของสงฆ์ ตนจึงตัดสินใจร้องเรียนปู่มหามุนีผ่านเว็บไซต์ www.onab.go.th ของสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อไม่อยากให้ศาสนาหม่นหมอง ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาให้ปู่มหามุนีสึก แค่อยากให้มีการตรวจสอบตักเตือน แต่อีกฝ่ายเลือกที่จะสึกเอง

อย่างไรก็ตาม ตนขอชี้แจงว่าไม่ได้ติดตามทำลายปู่มหามุนีตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ตนไม่เคยรู้จักปู่มหามุนี เป็นการส่วนตัว ตนไม่ได้มีอคติ แต่ตนดูที่กำพืดของคน จึงตัดสินใจร้องเรียนดังกล่าว หากใครคิดว่าตนอคติ ก็ขอให้ลองไปดูไลฟ์ของอีกฝ่าย แล้วค่อยตัดสินใจว่าตนมีอคติหรือไม่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส