เปิดใจ “ป้าแหวว” พาครอบครัว 4 ชีวิตกลับบุรีรัมย์ไม่ยอมกักตัว มั่นใจไม่ติดเชื้อแม้ไม่เคยตรวจ (คลิป)

12 ก.ค. 64

กรณีพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่ง ประกอบด้วย 4 คน ที่เดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เดินทางเข้ามาในหมู่บ้านโคกสะอาด ต.หนองไทร  อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ แต่ไม่ยินยอมไปกักตัวที่สถานกักกันตัวของรัฐ​ ตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ จนเกิดการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ที่พยายามเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจถึงคำสั่งและมาตรการของจังหวัด แต่ครอบครัวดังกล่าวก็แสดงความไม่พอใจ และบอกว่าหากไม่ให้กักตัวเองที่บ้าน ก็จะเดินทางกลับไป จ.สมุทรปราการ เหมือนเดิม

722981

ล่าสุดวันที่ 12 ก.ค.64 นางมานิตย์​ เรือนกระโทก​ ผู้ใหญ่บ้านโคกสะอาด​ ต.หนองไทร​ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านของครอบครัวดังกล่าว พบว่าบ้านถูกปิดเงียบไม่มีใครอาศัยอยู่ สอบถามญาติ​ให้ข้อมูลว่าทั้งครอบครัวได้เดินทางกลับไปยัง จ.สมุทรปราการ แล้ว​ ส่วนกรณีที่เดินทางมาในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วไม่ได้กักตัวตามประกาศ ในส่วนนี้เจ้าพนักงานในระดับพื้นที่จะได้รายงานไปยังทางอำเภอ หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อพิจารณาว่าเคสดังกล่าว จะมีมาตรการหรือต้องดำเนินการอย่างไร

203955

นางมานิตย์​ กล่าวว่า ที่ผ่านมาครอบครัวนี้จะกลับมาที่บ้านประมาณเดือนละครั้ง แต่ครั้งนี้ภรรยาได้ติดต่อสอบถามมาที่ตนว่า ขอกลับมากักตัวที่บ้านได้หรือไม่ เนื่องจากอ้างว่ามีเอกสารการตรวจโควิด-19 แล้ว ตนก็บอกว่าถ้ามีเอกสารรับรองหรือฉีดวัคซีนก็น่าจะได้ แต่เพื่อความชัดเจนก็จะสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

484473

กระทั่งวันที่ 9 ก.ค.64 เจ้าหน้าที่ อสม.ได้แจ้งกับตนว่าครอบครัวนี้ได้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งมาถึงก่อนวันที่แจ้งไว้ 1 วัน แล้วไม่ได้แจ้งผู้นำชุมชนหรือเจ้าพนักงานในพื้นที่ให้ทราบ ตนจึงได้แจ้งทางอำเภอและ รพ.สต. จากนั้นเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายได้เข้าไปตรวจสอบยังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งจากการสอบถามพบว่าครอบครัวนี้ไม่ได้ตรวจโควิด-19 หรือมีเอกสารยืนยันใด ๆ และยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ด้วย เจ้าหน้าที่ก็พยายามชี้แจงและอธิบายว่าหากจะกลับมาจะต้องไปกักตัวที่ศูนย์กักกันประจำตำบลตามที่รัฐกำหนดไว้

แต่ครอบครัวดังกล่าว ยืนกรานกับเจ้าหน้าที่ว่า จะขอกักตัวที่บ้านอย่างเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าทำไมได้ เพราะเป็นประกาศของจังหวัดจะต้องปฏิบัติตาม ทำให้ครอบครัวนี้ไม่พอใจ จนเกิดการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตามที่ปรากฏคลิปดังกล่าว จากกรณีดังกล่าวตนยืนยันว่าทำตามมาตรการและประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อ จึงอยากจะขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

251553

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาภายในซอยบางปลา 2 (ซอยธนสิทธิ์) ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีโอกาสพูดคุยกับป้าแหวว ตัวแทนครอบครัวที่ไม่ยอมกักตัว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค.64 เวลา 13.00 น. พวกตนทั้ง 4 คน เดินทางมาถึงบ้านเกิดที่จ.บุรีรัมย์ และได้ติดต่อกับผู้ใหญ่บ้านก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว เพื่อจะแจ้งให้ทราบก่อนว่าพวกตนจะเดินทางมาในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะตั้งใจจะกลับบ้านมาพักกักตัวช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอยู่ขณะนี้ โดยมีแผนว่าจะพักอาศัยประมาณ 1-2 เดือน

712518

กระทั่งในวันที่ 9 ก.ค.64 เวลา 10.00 – 11.00 น. เจ้าหน้าที่เดินทางมายังบ้านของตน เพื่อที่ตรวจวัดอุณหภูมิ และในช่วงเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางมาที่บ้านอีกครั้ง เข้ามาเจรจาพูดคุย ขอให้เข้ารับการกักตัว โดยแบ่งแฟน และลูกชายไปพักกักตัวที่วัด อีกทั้งตนและลูกสาวจะนำไปพักกักตัวที่ศูนย์เด็กเล็กบุรีรัมย์ โดยระบุว่าตนและครอบครัว มาจากพื้นที่สีแดง อีกทั้งผู้ใหญ่บ้านได้นำเอกสารเซ็นยินยอมตรวจหาเชื้อ โดยระบุว่า ในวันที่ 10 ก.ค.64 จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี SWAB ตนก็ยินยอม และตนก็จะทำสวนตามปกติ

261036

ในเวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่กว่าสิบคน ได้เดินทางมายังบ้านตน และเข้ามาพูดเจราต้องการให้ตนและครอบครัวออกจากพื้นที่ และเตรียมตัวไปกักตัวยังพื้นที่ที่ได้จัดเอาไว้ ตนจึงไม่ยอม ที่จะไปกักตัวในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเป็นเช่นนั้นตนและครอบครัวจึงเปลี่ยนมากักตัวยัง จ.สมุทรปราการ เช่นเดิม อีกทั้งหากฝ่าฝืนไม่กักตัวตามพื้นที่พวกตนจะมีโทษปรับถึง 20,000 บาท ตนและครอบครัวจึงตัดสินใจเดินทางขับรถกลับยัง จ.สมุทรปราการ ทันที

260887

อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่ามาจากพื้นที่สีแดงจริง และยังไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แต่ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีอาการป่วยใด ๆ ตนอยากจะขอกักตัวอยู่ที่บ้าน ไม่อยากไปรวมกับผู้คนอื่นที่ไม่ทราบว่าอาจจะมีเชื้อติดมาหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นเหตุทำให้ติดโควิด-19 ขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้ ตนยืนยันว่าหลังจากนี้หากฉีดวัคซีนครบแล้วจะเดินทางกลับไปยังจ.บุรีรัมย์

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส