กระตุกหนวด ตชด.! หนุ่มมุดคลังแสงฉกอาก้า - กระสุนอื้อฝังดิน ปู่ชี้เป้าจับเชื่อขายปืนแลกยา (คลิป)

9 ก.ค. 64

จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 ตำรวจ สภ.สลุย จ.ชุมพร ได้รับแจ้ง มีชายหนุ่มบุกเข้าไปงัดคลังอาวุธ ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 414 ต.หงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้อาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นตำรวจ สภ.สลุย และตำรวจ สภ.ท่าแซะได้ร่วมกันติดตามตัวผู้ก่อเหตุ

663407915611

จนกระทั่งวันที่ 7 ก.ค. 64 ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบอาวุธสงครามฝังดินอยู่ท้ายสวนของบ้านเลขที่ 15 หมู่ 13 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงประสาน พ.ต.ท.มธกร ฤทธิ์เนื่อง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าแซะ, พ.ต.ท.สามารถ แท่นอินทร์ สว.(สอบสวน) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด EOD เข้าตรวจสอบพบเป็นอาวุธปืนสงคราม

499096

พบอาวุธปืนกลเอ็ม 60 จำนวน 2 กระบอก, เครื่องยิงจรวดอาพีจี 1 กระบอก, ส่วนอีกหลุมเป็นกระสุนปืนเล็กยาว ขนาด 7.62 มม. จำนวน 4 ลัง, กระสุนปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มม. จำนวน 1 ลัง, ซองบรรจุกระสุนปืนจำนวน 77 ซอง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

952451

จนกระทั่งเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 8 ก.ค. 64 จ้าหน้าที่ชุด ตชด.414 สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้คือ นายพรหมทัต หรือ ทัต นุ่มนิ่ม อายุ 24 ปี ขณะนอนในขนำภายในสวนปาล์มน้ำมัน ใกล้จุดเกิดเหตุที่นำอาวุธปืนสงครามไปฝังดินซ่อนไว้ พร้อมรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และค้อนที่ใช้กระทำความผิด

234285

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผล นายพรหมทัตรับว่ายังมีอาวุธที่ขโมยมาซุกซ่อนอยู่อีกจุด ซุกซ่อนอยู่ในป่ากระถินเทพา ที่ด้านหลังกองร้อย ตชด.414 เนื่องจากอาวุธที่ขโมยออกมาขนเที่ยวเดียวไม่หมด เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจสอบพบ อาวุธปืนอาร์พีจี 5 กระบอก, ลำกล้องสำรองปืน เอ็ม 60 จำนวน 2 กระบอก, ลูก ค.10 จำนวน 80 นัด, ลูก กปล.ขนาด 5056 จำนวน 500 นัด

602329

นายพรหมทัต ให้การรับสารภาพว่า ได้ขับรถจักรยานยนต์พ่วงรถเข็นคันดังกล่าวไปก่อเหตุร่วมกับเพื่อนอีกคน ชื่อนายเอ็ม โดยตนได้ขับรถจักรยานยนต์พ่วงรถเข็นไปจอดซุ่มไว้ในป่าละเมาะ แล้วเดินลัดเลาะเข้าไปที่คลังอาวุธด้านหลังกองร้อย ตชด.414 งัดทะลายสิ่งกีดขวางเข้าไปเอาอาวุธปืนสงครามและเครื่องกระสุนปืนออกมาใส่รถเข็น แล้วใช้ผ้าคลุมทับขับออกมาบนถนนเพชรเกษม

ส่วนนายเอ็ม เพื่อนที่ร่วมวางแผนได้ลงระหว่างทาง แล้วให้ตนขับรถจักรยานยนต์พ่วงรถเข็นบรรทุกอาวุธปืนสงครามและเครื่องกระสุนไปเพียงลำพังคนเดียว ตนขับเลี้ยวเข้าไปในถนนซอยตามหมู่บ้าน จนกระทั่งถึงบ้านระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร แล้วตนได้เอาอาวุธปืนทั้งหมดไปขุดหลุมฝังไว้ ส่วนกระสุนปืนได้แยกฝังอีกหลุมซึ่งอยู่ติดกัน บริเวณท้ายสวนของยายตนเอง เพื่อรอไว้ส่งขายให้กับบุคคลที่ต้องการจะซื้อ จนกระทั่งมีคนไปเจอแล้วแจ้งตำรวจมาจับกุมตนดังกล่าว

104513

ทีมข่าวลงพื้นที่ ซอยนิคมประชาสรรค์ 9 จุดที่ผู้ต้องหานำอาวุธไปฝังดินเอาไว้ เป็นสวนปาล์ม มีร่องรอยการขุดดินเป็นหลุมไม่ลึกมากจำนวน 2 หลุมติดกัน เป็นสวนปาล์มของ นายชลิต นุ่มนิ่ม อายุ 72 ปี ปู่ของผู้ต้องหา บอกว่า ข่าวที่ออกไปว่ามีพลเมืองดีเจอท้ายปืนฝังดินแล้วก็แจ้งตำรวจมายึดของกลางคืนไปนั้น ตนเป็นคนแจ้งตำรวจเอง เพราะเจอท้ายปืนโผล่จากหลุ่มแล้วกลัวว่ามันจะมีระเบิดฝังอยู่ด้วย จึงได้โทรไปแจ้งกับกำนันให้มาตรวจสอบ

528448

โดยเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 7 ก.ค.64 ตนได้ยินเสียงขุดดินที่บริเวณหลังบ้าน แต่ตนไม่ได้สนใจ เพราะปกติหลานชายที่เป็นผู้ต้องหาจะชอบมาขุดดินที่จุดนี้เพื่อปลูกต้นกระท่อม จากนั้นเวลา 08.00 น. หลานชายได้ออกไปทำงาน ตนจึงเดินไปดูตรงจุดที่หลานชายไปขุดดิน พบท้ายปืนโผล่ออกมาจากดินที่หลานชายขุดเอาไว้ จากนั้นจึงรีบโทรแจ้งกับกำนันให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ส่วนพฤติกรรมของหลานชาย ตอนยอมรับว่าหลานชายมีพฤติกรรมเสพยาเสพติดจริง แต่ไม่ได้ดื่มสุรา และก็ไม่เคยทำร้ายใครในหมู่บ้าน หนักสุดก็แค่มีปากเสียงกับพ่อของเขาบ้างเท่านั้น ซึ่งที่หลานชายไปก่อเหตุ เชื่อว่าหลานชายจะนำอาวุธที่ขโมยมาได้ไปขายเท่านั้น เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายส่วนตัว และเชื่อว่าหลานชายไม่มีพฤติกรรมที่จะเป็นผู้ก่อการร้าย สำหรับคดีความก็คงให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมาย คงจะไม่ประกันตัว

604983

ด้านนายบุญนำ ณรงค์น้อย กำนันตำบลท่าข้าม บอว่า ประมาณ 08.00 น. กว่าตอนนั่งกินกาแฟอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นปู่ของผู้ต้องหาได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าหลานชายนำอาวุธปืนมาฝังไว้ที่สวนปาล์มหลังบ้าน ตอนนั้นตนยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก จึงเดินทางเข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าพบอาวุธปืนสงครามในที่เกิดเหตุจำนวน 2 กระบอก และเครื่องยิงลูกระเบิดอีก 1 กระบอก จากนั้นจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ

จนกระทั่งกลางดึกของวันที่ 7 ก.ค. 64 ตำรวจได้นำกำลังไปจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณสวนปาล์มที่หมู่ 11 ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เคยมีพฤติกรรมขโมยรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน จนเคยมีคนมาแจ้งกับตนให้ไปตรวจสอบแต่ครั้งนั้นผู้ต้องหาก็หลบหนีไปได้ และได้ของกลางคืนให้ผู้เสียหาย ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาบุกไปขโมยอาวุธสงครามกลับมาฝังที่บ้าน จากการสอบถาม ผู้ต้องหาบอกว่าจะนำไปขายเท่านั้น

สำหรับที่ผู้ต้องหาให้การกับตำรวจว่ามีเพื่อนไปร่วมก่อเหตุด้วย ตนได้ตรวจสอบแล้ว เพื่อนที่ผู้ต้องหากล่าวถึง ไม่มีตัวตน เชื่อว่าผู้ต้องหาก่อเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น ตนคิดว่าอาจจะเกิดจากอาการหลอนยาแล้วก็พูดไปเรื่อย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม