กรณีเกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้โรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เลขที่ 87 ซอยกิ่งแก้ว 21 หมู่ 15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ก.ค.64 เวลาประมาณ 03.30 น. ซึ่งพบว่าเกิดเพลิงไหม้ตัวอาคารโรงงานอย่างรุนแรง และเกิดระเบิดขึ้นเป็นระยะ ๆ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องประกาศอพยพประชาชนโดยรอบในรัศมี 5 กิโลเมตร
ล่าสุดวันที่ 6 ก.ค.64 เวลา 17.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่ามีไฟปะทุขึ้นมาด้านข้างถังบรรจุสารสไตรีนโมโนเมอร์อีกครั้ง โดยมีลมแรงประกอบกับฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เกิดกลุ่มควันดำหนาแน่นลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา นำรถฉีดโฟมเข้ามาสแตนบายด้านข้างโรงงาน 3 คัน ก่อนจะใช้รถ 1 คันระดมฉีดโฟมเข้าไปจากด้านข้างโรงงาน และมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอีกชุดฉีดโฟมเข้าไปจากด้านหน้าโรงงาน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที สถานการณ์เริ่มดีขึ้น กลุ่มควันเบาบางลง เจ้าหน้าที่ยังระดมฉีดโฟมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง จนผ่านไป 45 นาทีสถานการณ์ดีขึ้น เพลิงสงบลง ไม่พบกลุ่มควันออกมา จึงถอนรถดับเพลิงบางส่วนออกจากพื้นที่
นายบดินทร์ บัวนาค อายุ 28 ปี พนักงานดับเพลิงอบต.บางพลีใหญ่ ซึ่งได้รับบาดเจ็บโดนไฟลวกที่แก้มด้านซ้าย ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนร่วมงานอีกคนเดินไปด้านข้างถังเก็บสารสไตรีนโมโนเมอร์ เพื่อจะเก็บของและถอนออกมา จู่ ๆ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง รู้สึกว่ามีความร้อนจึงรีบเดินออกมา พบว่าโดนไฟลวกที่หน้าเล็กน้อย ส่วนเพื่อนโดนไฟลวกด้านหลังตอนนี้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
เวลา 19.00 น. ขณะนี้ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่หนักมาก เจ้าหน้าที่จึงได้หยุดปฏิบัติการฉีดโฟมเข้าไปด้านในกองเพลิงที่กำลังปะทุ เนื่องจากเพลิงได้สงบลงแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะลมค่อนข้างแรงและอาจมีประกายไฟลุกขึ้นมาอีกครั้ง จะได้เข้าไประงับเหตุได้ทันที
หัวหน้าคนงาน ให้ข้อมูลว่า จุดที่เพลิงลุกขึ้นมาอีกครั้ง เป็นบริเวณด้านหน้าถังเก็บสารสไตรีนโมโนเมอร์ ซึ่งกว่าเพลิงจะสงบใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดย 30 นาทีแรกจะช่วยกันระดมฉีดโฟมเข้าไป ส่วนอีก 15 นาที ก็จะคอยฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้มีประกายไฟปะทุขึ้นมา ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่รอสแตนบาย 100 คน แม้ว่าจะหยุดปฏิบัติภาระกิจแล้ว แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งแบ่งหน้าที่คอยสำรวจดูว่าจุดใดบ้างที่อาจจะมีประกายไฟปะทุขึ้นมาหรือไม่
นายสุเทพ หัวหน้าคนงาน กล่าวว่า เหตุการณ์ไฟปะทุขึ้นมาอีกครั้งเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องฝนตก โดยจุดที่ไฟลุกอยู่ระหว่างโกดังเก็บเม็ดโฟมที่ไหม้ไปแล้ว กับถังเก็บสารสไตรีนโมโนเมอร์ อีกทั้งจุดนั้นเป็นพื้นปูนซึ่งด่านล่างดินทรุดตัวลงไปประมาณ 50 เซนติเมตร ทำให้สารเคมีที่รั่วออกมาอาจไหลไปแทนดินที่ทรุดตัว เมื่อมีความร้อนจึงเกิดการระเบิดและมีประกายไฟปะทุขึ้นมา หลังจากนั้นเมื่อมีลมพัดทำให้ไฟลุกลามไหม้ด้านหลังของตึกออฟฟิศ
ทีมข่าวโทรศัพท์ไปพูดคุยกับ ดร.ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า สำหรับสารเคมีพอลิสไตรีนนั้น เมื่อเกิดการเผาไหม้แล้ว สารเคมีตัวนี้จะกลายเป็นสไตรีนออกไซด์ กลายเป็นหมอกควัน เบากว่าน้ำและลอยขึ้นบนอากาศ ซึ่งเมื่อฝนตกลงมาชะล้างกับหมอกควันปนเปื้อนเหล่านี้ ก็จะทำให้น้ำฝนผสมกับสารดังกล่าว ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง โดยเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา บริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ได้เกิดไฟและควันปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็มีฝนตกลงมา จึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นน้ำฝนที่ปนเปื้อนสารเคมี
ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ตนจึงอยากเตือนพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสและการใช้น้ำฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้ แม้การที่น้ำฝนปนเปื้อนสัมผัสผิวจะไม่มีผลกระทบรุนแรง แต่ต้องระวังอย่าให้เข้าตา ไม่ควรดื่มกินและสูดดม เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่ในช่วงเย็นเพลิงได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และขณะเดียวกันก็มีฝนตกลงมา จึงต้องเฝ้าดูสถานการณ์ก่อนว่าจะควบคุมเพลิงได้เมื่อไร ซึ่งการใช้โฟมจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และหลังจากเพลิงสงบแล้ว ทางกรมควบคุมมลพิษก็จะตรวจวัดความปลอดภัย และจะให้คำตอบได้ว่าประชาชานที่อพยพ จะสามารถเดินทางกลับเข้าไปพักอาศัยภายในบ้านเมื่อใด
