อาลัย "น้องพอส" กู้ภัยสละชีพช่วยคน เผยนาทีสลด โรงงานกิ่งแก้ว บึ้มไฟโหมปิดทางหนี (คลิป)

จากเหตุการณ์ โรงงานกิ่งแก้ว ระเบิดและไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ในพื้นที่ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ เป็นชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกว่า 20 ราย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ฉีดน้ำสกัดเพลิงถูกไฟคลอกทั้งตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ พอส อายุ 19 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย ฐานสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-78

เวลา 13.15 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำร่าง นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ พอส อายุ 19 ปี นักดับเพลิงที่เสียชีวิตออกจากจุดเกิดเหตุ ไปยัง รพ.รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ เพื่อทำการชันสูตร โดยระหว่างการเดินทางเพื่อน ๆ กู้ภัยได้ตั้งขบวนเปิดไซเรน เพื่อเเสดงความไว้อาลัยเเด่ผู้เสียชีวิต

ล่าสุดวันที่ 5 ก.ค.64 นายศิริพงศ์ อุบลแย้ม ระบุว่า น้องพอส เข้าไปเป็นชุดที่ 2 เข้าไปประมาณ 6 คน ยืนกระจายตัวกันด้านในเพื่อฉีดน้ำดับไฟ ซึ่งขณะที่กำลังฉีดน้ำ จู่ ๆ มีไฟวูบขึ้นมา มีแสงเพลิง กลุ่มควัน มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 2 คนได้รับบาดเจ็บไฟลวกวิ่งออกมา ขณะนั้นทุกคนต่างเช็กกันว่ามีใครตกค้างอยู่ด้านในหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ไฟเริ่มสงบลง เพื่อน ๆ ในทีมจึงพยายามเข้าไปตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นอาสาสมัครดับเพลิง

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางพรวชิระ พรวรรณเสถียร อายุ 40 ปี อาของผู้เสียชีวิต ซึ่งเดินทางมาทำเรื่องเอกสารขอรับศพ ที่ สภ.บางเเก้ว เปิดเผยว่า ชีวิตของน้องพอส มีพี่น้อง 3 คน น้องพอสเป็นลูกชายคนเล็ก มีพี่สาว 1 คน เเละพี่ชาย 1 คน พ่อเเม่เเยกทางกันตั้งเเต่อายุ 5 ขวบ โดยพี่สาวคนโตอยู่กับเเม่ที่ จ.จันทบุรี ส่วนพี่ชายคนกลาง เเละน้องพอส อยู่กับปู่ย่า เเละอา ส่วนคุณพ่อเสียชีวิตไปเเล้ว ดังนั้นน้องพอสจึงผูกพันกับอามาก จะเรียกอาว่า "เเม่" มาโดยตลอด

สำหรับอุปนิสัยของน้องพอส เป็นคนร่างเริง เเละสิ่งที่สังเกตเห็นมาตั้งเเต่เด็ก คือน้องพอสชอบช่วยเหลือคนอื่น ทำงานเป็นกู้ภัยมา 2 ปีเเล้ว ซึ่งงานกู้ภัยเป็นความฝันของพอส เนื่องจากครอบครัวของอาทำงานกู้ภัยหลายคน ทำให้พอสเริ่มซึมซับมาตั้งเเต่เด็ก ถึงเเม้ว่าพอสจะอายุเเค่ 19 ปี เเต่ที่ผ่านมาก็ทำงานกู้ภัยเเละดับเพลิงมาหลายครั้ง เเต่สิ่งที่อาเป็นห่วงคือเรื่องความปลอดภัย เพราะเมื่อกลางเดือนมิ.ย.64 ที่ผ่านมา น้องพอสเข้าไปดับเพลิงเหตุไฟไหม้บ้าน เเล้วถูกไม้ตกใส่หลัง จนได้รับบาดเจ็บฟกช้ำ ตนก็พยายามเตือนให้ระมัดระวัง กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว

โดยก่อนเกิดเหตุ ตนไม่ทราบมาก่อนว่าหลานชายไปช่วยดับเพลิงในที่เกิดเหตุ เพราะน้องพอสจะไม่ค่อยบอก เนื่องจากไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ซึ่งช่วงเวลา 09.49 น. ได้ทักข้อความทางเเชตเฟซบุ๊กไปถามว่าได้ไปเหตุไฟไหม้หรือไม่ เเต่น้องพอสก็ตอบกลับมาว่าไม่ได้ไป ต่อมาเวลา 11.01 น. ตนทักไปถามอีกรอบว่าอยู่ที่ป้อมหรือไม่ เเต่น้องพอสตอบกลับมาว่าไม่ได้อยู่ ก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน กระทั่งเพื่อนกู้ภัยโทรศัพท์มาแจ้ง ตนช็อกถึงขั้นเป็นลม

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวรู้สึกเสียใจ เเต่อีกมุมก็รู้สึกภูมิใจ ที่น้องพอสได้ทำเพื่อคนอื่น ๆ จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต เเละเชื่อว่าดวงวิญญาณหลานชายคงจะภูมิใจเช่นกัน

ขณะที่เฟซบุ๊กของนายกรสิทธิ์ ความเคลื่อนไหวล่าสุดคือก่อนเกิดเหตุ ได้มีการเเชร์ข่าวสาร เกี่ยวกับความคืบหน้าเหตุโรงงานระเบิด ซึ่งในโพสต์ดังกล่าว ได้มีคนเข้ามาคอมเมนต์เเสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก

นายพงศพัศ กตคุณวิสิทธิ์ อายุ 42 ปี ประธานหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-00 ซึ่งฐานต้นสังกัดของ “น้องพอส” เล่าให้ฟังว่า ปกติแล้วคนที่จะมาสมัครเป็นอาสานักดับเพลิงได้นั้น จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ดังนั้นเมื่อน้องพอสอายุ 19 ปีบริบูรณ์ ในช่วงประมาณปลายปี 2563 น้องพอสก็เข้ามาขอสมัครทำหน้าที่อาสาดับเพลิงในช่วงธ.ค.63 เพราะอยากเดินตามรอยพี่ชายและคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมที่เป็นอาสานักดับเพลิง ประกอบกับน้องพอสก็เคยบอกกับตนว่าการเป็นนักดับเพลิงคือความฝันในวัยเด็กของเขาอย่างหนึ่ง

โดยปกติก่อนที่ตนจะรับใครสักคนจะเข้ามาเป็นอาสาสมัคร ก็จะสอบถามว่าทำไมถึงอยากมาอยู่ในจุดนี้ ตอนนั้น “น้องพอส” ตอบว่า “นี่คือความฝัน ถ้าผมเอาเวลาไปทิ้งเปล่าก็คงไม่เกิดอะไร ผมอยากเอาเวลาที่เหลือมาทำงานเพื่อช่วยเหลือคน และเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ความสูญเสียมันเยอะ จึงอยากเป็นนักดับเพลิง”

โดยที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาการทำงานของ “น้องพอส” เกือบ 1 ปี น้องเป็นคนตั้งใจทำงานมาก เรียนรู้ทุกอย่างได้ดีและรวดเร็ว สามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอด ไม่เคยทำงานด้วยความประมาท แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ทั้ง ๆ ที่การทำงานตรงนี้ไม่มีเงินเดือนด้วยซ้ำ จึงทำให้ผู้ใหญ่ไว้ใจ ให้ออกหน่วยไปทำงานประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของงานทั้งหมด

สำหรับการสูญเสีย “น้องพอส” ตนมองว่ามันไม่ใช่แค่การสูญเสียอาสาสมัครคนหนึ่ง แต่มันคือการสูญเสียหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว เพราะที่ผ่านมาทุกคนในอาสาหน่วยนี้กินอยู่แบบครอบครัว เชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะกอดคอกันตาย ทำให้ตนในฐานะหัวหน้าหน่วยของ “น้องพอส” การที่ได้ยินหลายคนยกย่องให้น้องพอสเป็นวีรบุรุษนั้น ตนกลับมองอีกมุมหนึ่งคือหากคำนี้สามารถแลกเอาชีวิตน้องพอสกลับคืนมาได้ ก็ไม่ต้องการคำว่าวีรบุรุษ

แต่ที่ทำให้ตนน้ำตาคลอ เพราะการสูญเสียคนในครอบครัวครั้งนี้ไม่มีแม้แต่คำบอกลา ช่วงสัปดาห์ที่แล้วขณะที่ตนขับรถไปเที่ยวด้วยกัน น้องพอสยังบอกกับตนว่า “ถ้ามีที่ไหนเขารับคนงานเพิ่มเติม ก็บอกนะครับ” เนื่องจากน้องจบการศึกษาแค่ ม.3 เพื่อเสียสละให้ครอบครัวส่งพี่ชายเรียน ตนก็อยากบอก “น้องพอส” ว่า “วันนี้ได้ทำตามความฝันของตัวเองได้ดีที่สุด และเสียสละเพื่อส่วนรวมได้ดีที่สุดแล้ว การจากไปในวันนี้ สามารถทำให้อาสาทุกคนถอดบทเรียนได้ว่าทุกเสี้ยววินาที ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าน้องจะเป็นนักดับเพลิงที่เข้ามาทำงานแค่ปีเดียว แต่ต่อไปนี้น้องจะเป็นครูที่ให้บทเรียนกับอาสาทุกคน น้องจะไม่ได้อยู่แค่ในหัวใจ แต่น้องจะอยู่ในความทรงจำของทุกคนตราบนานเท่านาน”

สำหรับกำหนดการสวดพระอภิธรรมศพ “น้องพอส” จะจัดขึ้นวันแรกในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ค.64) เวลา 16.00 น. ที่วัดทุ่งครุ ถนนประชาอุทิศ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และจะมีการฌาปนกิจในวันที่ 11 ก.ค.64

แม่ น้องพอส อาสาสมัครดับไฟโรงงานกิ่งแก้ว โพสต์ ดวงใจของแม่เก่งที่สุด เตือนครอบครัวยังไม่รับบริจาค 

สรุปสถานการณ์ โรงงานกิ่งแก้ว 24 ชั่วโมงผ่านก่อนเพลิงสงบ ยังไม่ให้กลับเข้าพื้นที่ 

โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ ทำประกันภัย 3 กรมธรรม์ วงเงิน 420 ล้านบาท คปภ.เร่งติดตามค่าสินไหม