สาวแฉคลิปเสียง ตร.สะเดา คุยคู่กรณีขับรถตร.ทางหลวงไล่ยิง - ชี้พฤติกรรมเจตนาฆ่า (คลิป)

จากกรณี น.ส.ศิรินทร บุญจันทร์ พนักงานของห้างสรรพสินค้า ร้องทุกข์ว่าถูกนายวิพันธ์ คงสกุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลาและตำรวจทางหลวงขับรถไล่ ก่อนใช้อาวุธปืนยิง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงค่ำวันที่ 20 ส.ค. 61 หลังจาก น.ส.ศิรินทรขับรถออกจากห้างสรรพสินค้า เข้าถนนสายปริก-คลองรำ มุ่งหน้า ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา หลังจากนั้นได้เจอกับรถของ ด.ต.อาคม ชูกำเนิด และรถของผู้ใหญ่บ้านขับปาด หลังจากขับต่อไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ก็มีการประกบยิงเกิดขึ้น โดยเธอขับต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร ไปจอดที่บ้านชาวบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ (อ่าน : ตำรวจโชว์ภาพยิงรถสาว ลั่นไกลงพื้นเปิดไซเรน – เหยื่อแฉนาทีหนี)

วันที่ 3 ก.ย. 61 นางจีราภา บุญเจริญ ป้าสะใภ้ น.ส.ศิรินทร ระบุว่าหลังเกิดเรื่อง แม่ของ น.ส.ศิรินทร ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ คาดว่าน่าจะได้ยินเสียงของ น.ส.ศิรินทร ร้องโวยวายหลังกลับมาที่บ้าน ระบุว่าตัวเองถูกยิง ทำให้เช้ารุ่งขึ้นเกิดมีอาการช็อก ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งตนเป็นผู้เรียกรถพยาบาลมารับ ขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล แม่ของน.ส.ศิรินทร ไม่รู้สึกตัวแล้ว มีอาการกัดลิ้นจนเลือดออกปาก ตอนนี้ถึงแม้ว่าอาการดีขึ้นแล้ว หลังกลับมาที่บ้าน แต่ก็ยังมีอาการเครียดและซึมอยู่ คล้ายกังวลเรื่องลูก แต่ครอบครัวก็พยายามบอกว่าไม่มีอะไร และยังคงเฝ้าใกล้ชิดอยู่ตลอด

นอกจากนี้ น.ส.ศิรินทร ให้ข้อมูลว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ติดต่อมา ซึ่งได้บันทึกเสียงการสนทนาไว้ โดยในคลิปเสียง ตำรวจระบุว่า "อยากให้คดีดังกล่าวจบ หากทำผิดพลาดไปก็ขอโทษ และพร้อมช่วยเหลือเยียวยา" ซึ่งตนบอกว่า "ถ้าตัวเองขับรถแหกโค้งจะเกิดอะไรขึ้น" แต่คู่กรณีบอกกลับว่า "ถ้าจะขับรถแห้กโค้งตาย ก็เรื่องของคุณ" ซึ่งเป็นคำพูดที่เหมือนไม่มีความสำนึกผิด

ทั้งนี้ ทีมข่าวได้คลิปเสียงที่ น.ส.ศิรินทร บันทึกไว้ที่ สภ.สะเดา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โทรศัพท์คล้ายคุยกับด.ต.อาคม คู่กรณี โดยมีการบอกว่าให้ คู่กรณีเข้ามาพูดคุยกับ น.ส.ศิรินทร แล้วตกลงเรื่องคดีกัน หลังจากเกิดเหตุ โดยอยากให้เรื่องนี้จบ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า น.ส.ศิรินทร เข้ามาแจ้งความทั้งที่ไม่ทราบว่าจะแจ้งความในข้อหาใด จึงเป็นประเด็นที่ผู้เสียหายสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ในคลิปเสียงนั้นจะดำเนินการอย่างเป็นธรรมหรือไม่ หรือจะมีการแจ้งหาดำเนินการอย่างไรต่อไป

ร.ต.อ.วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือคดี กล่าวว่า ในการปฏิบัติของตำรวจทางหลวงนั้นจะต้องมีบัดดี้หรือเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย จากเหตุการณ์นั้นก็ทำให้เห็นได้ว่าตำรวจนั้นใช้รถในนอกเวลาราชการและใช้ในทางที่มิชอบ ซึ่งสามารถตอบได้หรือไม่ว่าใช้ในเรื่องของอะไร ในส่วนนี้ก็นำรถไปไล่ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน แทนที่จะแจ้งทางพื้นที่หรือโรงพัก และการที่ออกปฏิบัติหน้าที่นั้นมีคำสั่งอะไรหรือไม่มีการลงบันทึกประจำวันในการใช้รถหรือไม่ ถ้าดูจากเคสการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจนั้นถ้าขืนดันทุรังก็จะเจ็บตัวเองและหลักฐานนั้นก็จะมัดตัวเอง และในเหตุการณ์นี้ผู้เสียหายนั้นก็บอกว่าตำรวจทางหลวงเป็นคนขับและมีประชาชนนั่งมาด้วย ซึ่งปกติแล้วนั้นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจชาวบ้านจะไปนั่งไม่ได้นอกเสียจากว่ามีเหตุเร่งด่วนในการช่วยเหลือประชาชนแต่นี่เป็นในยามวิการแล้วมาไล่จี้ประชาชน ซึ่งถ้าให้ประชาชนขับนั้นก็จะมีความผิดไปกันใหญ่ ทั้งนี้ ร.ต.อ.วัชรินทร์ ยังบอกอีกด้วยว่า ถ้าคู่กรณีนั้นปฏิบัติตามขั้นตอนและมีการขอโทษกันตั้งแต่แรก หรือถึงแม้จะใช้อาวุธแต่ก็มีข้อแก้ตัวที่ดูแล้วสามารถเชื่อได้ว่า ปฏิบัติด้วยความจำเป็น ประชาชนนั้นก็พร้อมที่จะเข้าใจ แต่การปฏิบัติในครั้งนี้นั้นใช้อำนาจในการกดขี่ ข่มเหง ผู้เสียหายด้วย ร.ต.อ.วัชรินทร์ ยังบอกอีกด้วยว่า โทษครั้งนี้นั้นจะไปเข้าที่พยายามฆ่า ซึ่งมีโทษ 10 ปี หรือติดคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต มันดูไม่มีทางออกเลย