ศาลยกฟ้อง ศุภชัย ศรีศุภอักษร พร้อมพวก ในคดีฉ้อโกงสหกรณ์ฯ คลองจั่น

30 มิ.ย. 64

ศาลยกฟ้อง ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน จำกัด กับพวกรวม 13 คน ในคดีฉ้อโกงสหกรณ์ฯ คลองจั่น จำกัด พร้อมชี้ศาลตัดสินคดีในข้อหานี้ไปแล้วเมื่อปี 2563

วันนี้ (30 มิ.ย.64) ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน จำกัด หมายเลขดำ อ.3339/2559 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 64 ปี อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน จำกัด กับพวกรวม 13 คน ประกอบด้วย นายมณฑล กันล้อม อดีตกรรมการฯ, นายลภัส โสมคำ, นางทองพิน กันล้อม อดีตกรรมการฯ, นายณัฐวัฒน์ ปิยพัชร์เมธี อดีต ผจก., นายอารีย์ แย้มบุญยิ่ง อดีต ผจก., น.ส.ศรัณยา มานหมัด อดีตรองฯ, น.ส.วาริศา เอกชัยจินดาวัฒน์ อดีตกรรมการ, นางจันทร์ฉาย ขันธะหัตถ์ รอง ผจก., นายธนากร น่าบัณฑิต อดีต จนท., นายกฤษฎา มีบุญมาก อดีต จนท., นางวันเพ็ญ ยอดดี อดีต ผจก.ฝ่ายการเงิน, นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

อัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดว่า เมื่อระหว่างเดือน ม.ค.2551-2555 พวกจำเลยร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นหรือประชาชน ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ร่วมรู้เห็นการกระทำผิดต่างๆ โดยเจตนาทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองและผู้อื่น

ทั้งนี้ จำเลยร่วมกันจัดทำสัญญากู้ยืมเงิน ระหว่างสหกรณ์ฯ ในฐานะผู้ให้กู้กับสมาชิกสมทบ หรือผู้กู้ ซึ่งเป็นนิติบุคคล หรือคณะบุคคลที่ไม่ได้ถือหุ้นในสหกรณ์ฯ จำนวน 28 ราย รวมเป็นเงินตามสัญญากู้ยืมเงินทั้งสิ้น 11,858,440,000 บาท โดยไม่มีการกู้ยืมเงินกันจริง และร่วมกันบันทึกรายการทางการเงินอันเป็นเท็จ นอกจากนี้ ยังมีการตกแต่งบัญชีของสหกรณ์ฯ ให้ปรากฏเป็นเท็จว่า สหกรณ์ฯ มีผลการประกอบกิจการที่มีผลกำไร ทั้งที่ความจริงแล้วการดำเนินการของสหกรณ์เครดิตฯ มีผลประกอบการขาดทุนจำนวนมากตลอดมา

ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 13 คน พร้อมให้เหตุผลว่า ในคดีฉ้อโกงประชาชน จำเลยที่ 1 ได้ถูกดำเนินคดีแล้ว ซึ่งศาลตัดสินไปเมื่อปี 2563 และศาลยกฟ้อง

ส่วนจำเลยที่ 2-12 โจทก์ฟ้องในข้อหาปลอมสัญญาเงินกู้ และปลอมแปลงเอกสารการเงินเพื่อตกแต่งบัญชีของสหกรณ์ฯ ให้ปรากฏเป็นเท็จว่า สหกรณ์ฯ มีผลการประกอบกิจการที่มีผลกำไรสุทธิ โดยทำให้ปรากฏในงบการเงิน และงบดุลของสหกรณ์ฯ โดยนำงบกำไรสุทธิไปแสดงในรายงานประจำปี พ.ศ.2552-2555 นั้น ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า โจทก์นำข้อเท็จจริงเดียวกันมาฟ้องดำเนินคดี ทำให้เป็นการดำเนินคดีซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 13 ศาลยกฟ้องเช่นกัน

ส่วนผู้เสียหายมีจำนวน 2,254 ราย ได้มีการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกร้องให้จำเลยชดเชยค่าเสียหายแล้ว ซึ่งทางจำเลยอยู่ระหว่างดำเนินการผ่อนชำระชดใช้ค่าความเสียหาย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม