จากกรณี วันที่ 27 มิ.ย. 64 เวลาประมาณ 14.30 น. สภ.แม่อาย ได้รับแจ้งเหตุจากนายสำราญ ทวีพันธ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ว่าเกิดเหตุฆ่าชิงทรัพย์ขึ้นที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยว ตรงข้ามกับบ้านผู้ใหญ่บ้าน พนักงานสอบสวนเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบกองเลือดอยู่บริเวณหลังเตาก๋วยเตี๋ยว คนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลแม่อาย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
วันที่ 28 มิ.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณร้านขายก๋วยเตี๋ยว บ้านห้วยม่วง หมู่ 8 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เมื่อไปถึงพบว่าทางครอบครัวได้จัดพิธีสวดอภิธรรมศพที่บ้านจุดเกิดเหตุ เป็นคืนที่ 2 จากการสังเกตจุดเกิดเหตุ มีโพลิสต์ไลน์กั้นพื้นที่บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวที่ผู้เสียชีวิตถูกแทงล้อมรอบไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า ซึ่งยังคงมีรอยคราบเลือดของผู้เสียชีวิตหลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นายสำราญ ทวีพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 เผยว่า ผู้เสียชีวิต คือนางวันเพ็ญ กว่างต๊ะ อายุ 63 ปี เป็นลูกบ้านอาศัยอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามตน ปกติแล้วนางวันเพ็ญเป็นคนนิสัยดี ไม่เคยมีปัญาหากับใคร ทำอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวและขนมหวานอยู่ที่หน้าบ้าน เหตุเกิดวันที่ 27 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 14.30 น. ตนที่กำลังพักผ่อนภายในบ้านฝั่งตรงข้าม ได้ยินเสียงชาวบ้านมาบอกว่านางวันเพ็ญได้รับบาดเจ็บ ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร จึงรีบวิ่งไปดู นางวันเพ็ญถูกผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดที่นางวันเพ็ญเตรียมไว้หั่นของแทงบริเวณหลังและปาดคอ กระชากสร้อยคอทองคำหนัก 3 สลึงหลบหนีไป
ตนจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่อาย พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลแม่อาย แต่นางวันเพ็ญทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยจากการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์และวิ่งมาบอกตนคนแรกทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย ใส่เสื้อแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำหมวกแก๊ปสีขาว ขับขี่รถ จยย. สีดำ เข้ามาจอดที่ร้านของนางวันเพ็ญ และออกอุบายสั่งน้ำแข็งใส
จังหวะนั้นคนร้ายได้ฉวยโอกาสขณะที่นางวันเพ็ญหันหลังให้ ใช้มีดปลายแหลมที่วางอยู่บริเวณใกล้ ๆ จ้วงแทงทางด้านหลังและปาดคอนางวันเพ็ญ 10-11 แผล จนนางวันเพ็ญล้มลง แล้วชิงสร้อยคอทองคำหนัก 3 สลึง ก่อนขี่รถหลบหนี มุ่งหน้าไปทางบ้านสันต้นหมื้อ เพื่อทะลุออก อ.ฝาง จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้เดินหลบหนีไปตามเส้นทางบ้านสันป่าเหียว อ.แม่อาย เพื่อทิ้งอาวุธมีด ห่างจุดเกิดเหตุ 4 กิโลเมตร และเดินทางไปที่บ้านท่ามะแกง ต.ท่ากอง อ.แม่อาย ห่างจุดเกิดเหตุ 20 กิโลเมตร เพื่อทำการเผาเสื้อที่ใส่ในการก่อเหตุทิ้ง บริเวณดังกล่าวเป็นจุดทางผ่านที่ผู้ก่อเหตุตั้งใจจะไปขายทองที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย
กระทั่งไปถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถแกะรอยติดตามจนไปจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ จากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี บวกกับได้รับแจ้งเบาะแสจากพบเมืองดีจนทราบว่า คนร้ายคือนายชิงยิง แซ่จาง อายุ 35 ปี ชาว จ.เชียงราย จึงติดตามไปจับกุมได้ที่ร้านคาร์แคร์ตลาดทรัพย์สว่าง ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ชึ่งเป็นคาร์แคร์ที่คนร้ายเคยทำงาน ก่อนควบคุมคัวไปยัง สภ.แม่อาย เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมถึงปมเหตุการลงมือ และเตรียมดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่อุกอาจเกินไป และคิดว่าหากจะก่อเหตุชิงทรัพย์ก็ไม่น่าจะทำกัน ถึงขนาดกระหน่ำแทงและปาดคอจนเสียชีวิต อีกทั้งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ก่อเหตุเคยมีประวัติติดคุกมาแล้วหลายคดี หนึ่งในนั้นมีคดีชิงทรัพย์ และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน กระทั่งมาเกิดเหตุการดังกล่าวซ้ำอีก
พ.ต.ท.นพดล ตันมาดี สวป.สภ.แม่สาย ให้ข้อมูลว่า หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.สุรพงษ์ บุญยืน ผกก.สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ สั่งการให้
พ.ต.ท.กฤต มนูญสิน รองผกก.สส. ร่วมชุดสืบสวน สภ.ฝาง ชุดสืบสวน ภจว.เชียงใหม่ ออกแกะรอยติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนีของคนร้าย และได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าคนร้ายคือ นายชิงยิง แซ่จาง อายุ 35 ปี กระทั่งติดตามไปจับกุมได้ที่ร้านคาร์แคร์ตลาดทรัพย์สว่าง ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่คนร้ายเคยทำงานและคนร้ายยังมีประวัติชิงทรัพย์มาก่อน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ ไปทำการสอบสวนขยายผลยังจุดที่นำมีดไปทิ้งและเผาเสื้อที่ใช้ในการก่อเหตุ
เบื้องต้น ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ชิงทรัพย์ผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุนั้นอยู่ระหว่างเร่งสอบสวนเพิ่มเติมตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
นายเพิ่มพล กว่างตั้ง อายุ 27 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต เผยว่า วันเกิดเหตุคนในครอบครัวโทรบอกมาว่าแม่ป่วยหนัก ต้องเข้าห้องฉุกเฉินให้รีบมาดูที่โรงพยาบาลแม่อาย แต่เมื่อตนมาถึง แม่ของตนไม่ได้ป่วย แต่แม่ของตนถูกผู้ก่อเหตุลงมือกระหนำแทงและปาดคอเพื่อชิงสร้อยคำทองคำ 3 สลึง ที่ราคาเพียง 1-2 หมื่นบาท จนแม่เสียชีวิต
หลังรู้ความจริงตนก็รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมองว่าหากต้องการชิงทรัพย์ไม่น่าถึงขั้นต้องมาก่อเหตุฆ่ากันถึงตาย ทั้งที่เอาไปแค่สร้อยก็ได้ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด หากเป็นไปได้อยากให้ติดคุกตลอดชีวิตหรือนานที่สุด เพราะส่วนตัวตนไม่เชื่อว่าโทษประหารชีวิตมีอยู่จริง จึงเกรงว่าวันหนึ่งหากผู้ก่อเหตุได้ลดโทษก็จะกลับออกมาก่อเหตุดังกล่าวสร้างความสูญเสียให้ผู้อื่นซ้ำอีก
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าทำใจไม่ได้ที่รู้ว่าแม่ต้องมาจากไปอย่างกะทันหัน หลังเกิดเรื่องใครพูดถึงเรื่องแม่ ตนก็ได้แต่พยายามเดินเลี่ยงหนี เพราะไม่อยากฟัง อีกทั้งที่เสียใจที่สุดขณะนี้แฟนสาวของตนก็กำลังท้องได้ 6 เดือน ตนก็รู้สึกเสียใจที่แม่ยังไม่ได้เห็นหน้าหลาน และตนยังไม่ได้ทำอะไรอีกหลายอย่างให้กับแม่ แม่กลับมาเสียชีวิตก่อน ตนจึงรับไม่ได้ และไม่มีอะไรจะพูดถึงผู้ก่อเหตุแม้แต่คำเดียว โดยขอปล่อยให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
