สุดเหี้ยม! เผยนาทียิง นร.ช่างมีนโปลีฯ โหดปืนตบซ้ำ ฉก "แหวน" หวังประกาศศักดา (คลิป)

31 ส.ค. 61
จากเหตุคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน ใช้อาวุธปืนยิง นายนพเก้า สุคนธรัตน์ หรือแบงค์ อายุ 19 ปี นักเรียนโรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ชั้นปีที่ 3 แผนกช่างยนต์ บริเวณซอยราษฎร์อุทิศ 23 ถนนราษฎร์อุทิศ เขตมีนบุรี บาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา
ภาพจากกล้งวงจรปิดขณะคนร้ายก่อเหตุ
ซึ่งหลังจากนั้น ครอบครัวนายแบงค์ได้เปิดเผยว่า นายแบงค์เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ของกลุ่มเพื่อนในสถาบันเดียวกัน ในรอบ 2 ปี และเชื่อว่าอุปนิสัยของผู้ตายไม่น่าจะไปมีเรื่องกับใครได้ จึงอยากให้นำตัวคนร้ายมาขอขมาต่อหน้าศพ ขณะที่อาจารย์ของโรงเรียนเปิดเผยด้วยว่า น่าจะเป็นฝีมือของนักเรียนต่างสถาบัน แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าที่โรงเรียนของตนไม่ได้ปลูกฝังใหเ้เด็กใช้ความรุนแรง (อ่าน : ตาอึ้ง “แบงค์” ถูกยิงเป็นศพ 3 ในก๊วนนร.ช่างมีนโปลีฯ – รร.สั่งปิด แฉฝีมือคนเคยปาระเบิด)
นายเอ (นามสมมติ) เพื่อนผู้เสียชีวิต
วันที่ 30 ส.ค. 61 นายเอ (นามสมมติ) เพื่อนผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนได้ยินเสียงคล้ายกับเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งครั้ง และเมื่อได้ยินเสียงดังอีกหนึ่งครั้งจึงวิ่งออกมาดู จากนั้นเห็นว่ารถจักรยานยนต์คนร้ายขับมาบริเวณหน้าปากซอย และเห็นนายแบงค์และนายชาย (นามสมมติ) เพื่อนตน วิ่งหนีตายกันเข้ามาภายในซอย หลังจากนั้นคนร้ายที่เป็นคนซ้อนได้ลงมาจากรถ ส่วนคนขับขี่รถจักรยานยนต์ค่อยวนรถเข้ามาภายในซอย หลังจากนั้นคนร้ายได้จับปืนมือซ้ายแล้วกระหน่ำยิงมาประมาณ 3 นัด คาดว่า น่าจะยิงโดนท้ายทอยของนายแบงค์ ก่อนที่นายแบงค์จะล้มฟุบใกล้เสาไฟฟ้าต้นที่ 2 ส่วนนายชาย ได้วิ่งหลบเข้าบ้านหลังหนึ่งไป ขณะนั้นคนร้ายได้พลิกตัวนายแบงค์ ก่อนจะเอาปืนตบเข้าที่ริมฝีปาก ทำให้ฟันเบี้ยวและปากฉีก หลังจากนั้นจึงค้นตัวและนำแหวนไป ทั้งนี้ ก่อนที่คนร้ายจะขึ้นรถจักรยานยนต์ไป ได้เดินหาสิ่งของตามทางอย่างใจเย็น ตนคาดว่า น่าจะหาลูกกระสุนปืน หรือสิ่งของที่ร่วงบนพื้น ก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์ออกไป
แบบจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนประเด็นแหวนที่หายไป ตนคิดว่าผู้ก่อเหตุสามารถนำไปอวดอ้างโชว์ศักดากันได้ หรือแม้กระทั่งโพสต์ขายลงกลุ่มเฟซบุ๊กก็ได้ แต่ผู้ลงขายมักจะใช้เฟซบุ๊กปลอม อีกทั้งมีการตั้งราคาแหวนอยู่ที่วงละ 2,000-3,000 บาท โดยกลุ่มเป้าหมายจะมีทั้งคนต่างสถาบันหรือเด็กในสถาบันเองก็มี เนื่องจากแหวนเหล่านี้หายาก ตนอยากถามว่าจิตใจทำด้วยอะไร ส่วนตัวคิดว่าจิตใจของคนที่ทำนั้นไม่ใช่คนแล้ว
นางพรพรรณ ปาลกะวงษ์ ณ อยุธยา แม่ของน้องแบงค์ ผู้เสียชีวิต
ด้านนางพรพรรณ ปาลกะวงษ์ ณ อยุธยา แม่ของน้องแบงค์ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. ลูกคนกลางได้โทรศัพท์มาหาตน พร้อมกับร้องไห้แล้วบอกว่า พี่แบงค์เสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่เชื่อจึงให้ลูกเช็กข่าวให้ดีเสียก่อนและให้ลูกตั้งสติ ก่อนจะไปที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงก็ไม่เห็นสภาพศพลูก เนื่องจากศพลูกถูกผูกผ้าขาวแล้ว แต่ตนได้มาเห็นสภาพศพที่วัด พบว่ามีรอยเย็บที่หน้าผากและท้ายทอย ตนจึงไม่ทราบว่าลูกโดนยิงในลักษณะใด ซึ่งตอนนี้ตนอยากดูกล้องวงจรปิดมากกว่า นางพรพรรณ เล่าว่า ตอนช่วงที่ลูกจบช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตนได้คุยให้ลูกเรียนต่อทหารเรือ แต่มาช่วงหลังลูกอยากเรียนเกี่ยวกับช่าง โดยเมื่อตนทราบว่าลูกสอบติดวิทยาลัยเทคโนโลยีมีนบุรีโปลีเทคนิคก็ไม่อยากให้ลูกเรียน เนื่องจากกลัวโดนทำร้าย เพราะตนก็เรียนจบเทคนิคและดูข่าวสารพบว่ากลุ่มเด็กช่างมักถูกไล่ตี ไล่ฟัน แต่ลูกกลับบอกว่าคนจะโดนก็โดน แต่ผมเอาตัวรอดได้ และจะระวังตัว หลังจากลูกถูกยิงเสียชีวิต ก็คิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากไม่อยากให้เป็นเพียงลมที่พัดผ่านจนหายไป จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไข และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว โดยก่อนหน้านี้เคยมีคดีที่รุ่นพี่ของน้องแบงค์ถูกยิงเมื่อช่วงวันที่ 8 ส.ค. 60 ซึ่งขณะนั้นน้องแบงค์ก็ไปบวชให้ เนื่องจากอยากให้รุ่นพี่ได้บุญ
นายวิทยา สุขสมโสตร ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน
ขณะที่ นายวิทยา สุขสมโสตร บรรณาธิการบริหารนิตยสารกัน แอนด์ แทคติก ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน เปิดเผยว่า จากภาพหมวกกันน็อกของผู้ตายลักษณะไม่ชัด 100% แต่ประเมินได้ว่า เป็นการยิงจากด้านหน้า ซึ่งดูได้จากรอยของหมวกกันน็อก ที่เป็นวัสดุที่ทำมาจากพลาสติกหรือโพลิเมอร์ มีลักษณะยุบเข้าไปด้านในตามวิถีของหัวกระสุน ถ้าหากเป็นการยิงแล้วทะลุออกด้านหน้า รอยทะลุที่หมวกกันน็อกจะต้องมีบางส่วนที่ออกไปด้านหน้า ซึ่งทางเข้าออกของกระสุนค่อนข้างบอกได้ชัดเจน ส่วนเรื่องอาวุธปืนและกระสุนที่คนร้ายใช้ คาดว่าเป็นกระสุนขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นกระสุนที่หาได้ง่ายทั่วไป สามารถทำให้ผู้ที่ถูกยิงเสียชีวิตได้ในระยะหวังผล ตามการฝึกซ้อมอยู่ที่ระยะ 25 เมตร แต่ปืนอยู่ในมือของผู้ชำนาญสามารถยิงกระป๋องน้ำอัดลมได้ในระยะ 100 เมตร ซึ่งความแม่นยำก็จะลดน้อยลงไป อย่างไรก็ตาม ยังมีการทดสอบการยิงปืน 9 มม. อย่างเป็นทางการ โดยทดสอบที่มุม 33 องศา กระสุนสามารถไปได้ไกลจากจุดยิงเกือบ 2 กิโลเมตร ทั้งนี้ หากตกใส่ร่างกายของเหยื่อ โดนอวัยวะสำคัญก็สามารถทำให้ถึงเสียชีวิตได้ หากดูจากพฤติการณ์ของคนร้ายแล้ว ลักษณะการไล่ยิงแบบนี้ไม่เชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้ปืน เพราะหากเชี่ยวชาญในระยะขนาดนี้ เชื่อว่ากระสุนต้องโดนเหยื่อตั้งแต่นัดแรก ไม่ถึงขนาดวิ่งไล่กัน ส่วนกรณีที่กระสุนทะลุหมวกกันน็อก นายวิทยา ระบุว่า หมวกกันน็อกเป็นเพียงพลาสติกบาง ๆ ไม่ใช่หมวกเหล็ก ยืนยันว่า หากถูกยิงในระยะหวังผล 25 เมตร กระสุนทะลุหมวกแน่นอน ไม่ว่าจะหมวกกันน็อกที่ใดในโลก ยกเว้นหากเป็นหมวกเหล็กที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ผู้ที่ถูกยิงถึงจะใส่หมวกก็เสียชีวิตแน่นอน เพียงแต่อาจจะสามารถเก็บชิ้นส่วนสมองไม่ให้กระจายออกไปด้านนอกเท่านั้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ