คดีอลเวง นักศึกษามหาวิทยาลัยหาดใหญ่ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าธนาคารลงไปฝากเงินที่ตู้เอทีเอ็มแล้วรถหาย ตำรวจสืบไปสืบมาพบชายคนหนึ่งขี่ออกไป ตามจนเจอแต่เป็นการขี่รถผิดคันเพราะยี่ห้อเดียวกัน สีเหมือนกัน ลายสติกเกอร์เหมือนกัน กุญแจก็ใช้แทนกันได้ ต่างกันที่ทะเบียน สุดท้ายก็จบลงด้วยดีเอารถมาคืนและจับมือให้อภัยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 มิ.ย.) ได้เกิดคดีอลเวง โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.25 น. ทาง ร.ต.อ.สรายุทธ์ อังศุภานิช รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.หาดใหญ่ หัวหน้าชุดปราบปรามการโจรกรรมรถ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุขโมยรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาหาดใหญ่ใน เขตเทศบาลนครหาดใหญ่
หลังจากลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบนายธนภัทร สรรพพันธ์ อายุ 25 ปี เป็นนักศึกษาปี 4 มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ผู้เสียหายที่รถจักรยานยนต์หายไป จากการสอบสวนทราบว่าได้ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 สีดำคาดสติกเกอร์สีแดง ทะเบียน ขจข 795 นราธิวาส มาจอดไว้ที่หน้าธนาคารแล้วลงไปฝากเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ไม่เกิน 3 นาที เสร็จแล้วก็หันมาดูรถก็พบว่ารถหายไปแล้วจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ
เมื่อตำรวจไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารก็พบว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มขับออกไปจริงๆ ส่วนรถของตัวเองที่ขับมายี่ห้อฮอนด้าเวฟไอ สีดำคาดสติกเกอร์แดง ทะเบียน 1กล 3107 สงขลา ยังจอดอยู่ที่หน้าธนาคาร แต่เบื้องต้นตำรวจยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นการจงใจขโมยรถหรือขี่รถผิดคัน เพราะรถเหมือนกันแทบทุกอย่าง
จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่าชายคนที่ขับรถจักรยานยนต์ผิดคันไปชื่อ นายกิตติศักดิ์ นามสา อายุ 31 ปี โดยขี่ไปจอดอยู่ที่บ้านพักในซอยสามสกุล ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าขี่รถผิดคันกลับมาบ้าน
โดยมารู้อีกทีตอนที่ญาติโทรศัพท์มาบอกว่าตำรวจได้ยกรถจักรยานยนต์ของตนไปที่โรงพักแล้วซึ่งก็ยังงงๆ ว่าจะยกไปได้อย่างไร เพราะรถยังจอดอยู่ที่บ้าน เมื่อตรวจดูรถอย่างละเอียดก็พบว่าขี่รถผิดคันมาจริงๆ เพราะทะเบียนไม่เหมือนกันและคนละรุ่น จึงรีบไปแสดงตัวกับตำรวจชุดปราบปรามการโจรกรรมรถทันที
ตำรวจดูพฤติกรรมต่างๆ แล้วก็เชื่อว่าเป็นการขี่รถผิดคันจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจขโมย เพราะยี่ห้อเดียวกัน สีเหมือนกัน ลายสติกเกอร์ก็เหมือนกัน กุญแจยังใช้กันได้ ต่างกันแค่คนละรุ่น ตำรวจจึงนัดทั้งสองคนมารับรถคืนที่โรงพักโดย นายกิตติศักดิ์ ได้ยกมือขอโทษ นายธนภัทร ที่ทำให้ตกใจและนายธนภัทร ที่รถหายก็ให้อภัยและถอนแจ้งความเพราะเป็นการเข้าใจผิดจริงๆ
นายธนภัทร เผยว่ารู้สึกดีใจที่ได้รถคืนพร้อมขอบคุณตำรวจที่ตามรถคืนมาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนนายกิตติศักดิ์ ที่ขี่รถผิดคันบอกว่าตอนนั้นรีบจริงๆเพราะต้องนำเงินไปจ่ายค่าไฟที่ค้างมา 4 เดือนและเจ้าหน้าที่กำลังจะมาถอดหม้อ ทีแรกก็นึกเอะใจแล้วเพราะตอนขี่ไปจอดที่หน้าบ้านและล็อกกุญแจ แต่พอจะขี่ออกไปทำธุระปรากฏว่าไขกุญแจไม่ได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าผิดคัน ยังคิดว่ารถเสีย มารู้ตอนญาติโทรมาบอกว่ารถของตนถูกตำรวจยกไปโรงพักให้รีบไปด่วน จึงดูป้ายทะเบียนและรู้ว่าผิดคันจริง โชคดีที่เจ้าของรถเข้าใจไม่เอาความ
