ฮือทืบก๊วนเมียจ้างฆ่า ญาติแฉผัวตายไร้น้ำตารีบขายสมบัติทิ้ง ลูกจ่อประกันออกคุก (คลิป)

วันที่ 18 มิ.ย. 64 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี พร้อมชุดควบคุมฝูงชน เข้ากันพื้นที่บริเวณโดยรอบบ้าน ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับ 2 ผู้ต้องหา ท่ามกลางชาวบ้านที่โห่ร้องสาปแช่งเป็นระยะ ๆ

ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายธีทัด สาระวงษ์อายุ 62 ปี ผู้เสียชีวิต หลังถูกน้องเมียคือนายกล่องเกียรติ ภูเลาสิงห์ อายุ 42 ปี และ นายพิชิต พุฒิจันทร์อายุ 42 ปี และนายประสิทธิ์ พุฒิจันทร์ อายุ 40 ปี ร่วมกันฆ่าจนเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายกล่องเกียรติ และนายพิชิต มาชี้จุดบริเวณดังกล่าวเพื่อประกอบคำรับสารภาพ

ในระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจพา 2 ผู้ต้องหาเดินไปขึ้นรถยนต์ตู้ เกิดเหตุวุ่นวาย เมื่อญาติของผู้เสียชีวิตพร้อมทั้งชาวบ้านที่โกรธแค้น แหวกแผงเหล็กกันเข้ามา เพื่อจะพุ่งทำร้ายผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบต้องกระโจนเข้าขวาง เกิดชุลมุนกัน ก่อนญาติและชาวบ้านจะถอยออกไป ทำให้ได้รับบาดเจ็บกันเล็กน้อย ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบนำตัวผู้ต้องหากลับไปควบคุมตัวที่ สภ.เมืองสระบุรี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คดีพลิก! สังหารโหดเสี่ยฟาร์มวัวที่แท้เมียจ้างฆ่า ญาติเผยยิ้มเยาะศพ ฉกมรดกขายร่วมล้าน

นางสุภาพร เพชรอำพร อายุ 44 ปี หลานสาวผู้ตาย เปิดเผยว่า วันมะรืนนี้ขณะที่ตนเองกำลังนั่งทำงานอยู่ ตนเองได้ยินคนอื่น ๆ พูดต่อกันว่า นางวาสนาคือคนที่จ้างวานฆ่าสามี ตนเองยังคิดอยู่ในใจว่าใช่เรื่องจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาหลังจากนายธีทัด อาตนเองเสียชีวิต ตนเองก็จะทักทายน้องวาสนาตลอด และมักจะกอดนางวาสนาตลอดเพื่อเป็นการให้กำลังใจด้วยความรัก ตนเองก็คิดมาตลอดจนกระทั่งช่วงค่ำก็ได้ปิดร้านค้าและเตรียมเข้านอน ได้ยินเสียงคล้ายมีคนนำดินมาปั้นเป็นก้อนมาโยนใส่บนหลังคา กระทบกับสังกะสี และไหลลงมามีเสียงดัง ทั้ง ๆ ที่รอบข้างไม่มีต้นไม้ หรือใครเล่นซน เพราะค่อนข้างดึกแล้ว ตนเองยังคิดอยู่ว่าหรืออาจะมาบอกว่าจับคนร้ายได้แล้ว

ช่วงเช้าเมื่อรู้ว่าจะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก็ไปรอดูบรรยากาศค่อนข้างเครียด คนเยอะพอสมควร ระหว่างรอตนเองยังไม่เห็นหน้าผู้ก่อเหตุก็ยังหัวเราะได้ แต่พอช่วงทำแผนฯ ได้เห็นหน้าผู้ก่อเหตุแล้วยอมรับว่าโมโหว่ามาทำอาตนเองทำไม คนที่ได้รับการว่าจ้างก็ไม่รู้จักผู้ตายมาก่อน ทำไมถึงทำได้ ตนเองจึงตะโกนด่าเป็นระยะด้วยความโมโห เพราะระงับอารมณ์ไม่อยู่ โดยนายหรั่งและนายพิชิต ตนเองไม่เคยรู้จักมาก่อน ทำไมเห็นแค่เงินจ้างแล้วทำกันได้ ตนเองพูดไม่ถูกว่าจะให้อภัยนางวาสนาหรือไม่ เพราะตนเองก็โกรธเหมือนกัน ผู้ตายก็สร้างทุกอย่างให้นางวาสนาทั้ง วัว ควาย ไร่ ที่นา ซื้อให้หมด สามีทำให้ทุกอย่าง แต่ทำไมต้องทำแบบนี้ คนเราไม่ต้องฆ่ากัน สักวันก็ต้องตายจากกันอยู่ดี แล้วสมบัติลูกเมียก็ต้องได้อยู่แล้ว ตอนนี้ตนเองเสียใจมาก

นางสุภาพร ยังบอกว่า วันที่ผู้ตายเสียชีวิต 8 พ.ค. 64 ก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นยังมาปรับทุกข์กับตนเองว่าเหนื่อย ตนเองจึงบอกว่าจะทำอะไรมากมาย เงินทองก็มี ลูกก็มีงานดี ๆ ทำ หากเหนื่อยก็พัก อาตนเองจึงบอกว่าจะวางมือแล้วทำมาเยอะแล้ว ก่อนจะจิบเบียร์และกลับไปพาควายเข้าคอก กลับไปยังบ้าน และเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งห่างจากตนเองไม่นานมากเพียง 1-2 ชั่วโมง พอทราบข่าวก็ยังไม่อยากจะเชื่อ

นางสาวบุญมี สาระวงษ์ อายุ 65 ปี พี่สาวผู้ตาย เปิดใจว่า ตนเองมารู้ความจริงว่าน้องสะใภ้เป็นผู้บงการ และจ้างวานให้น้องชายและพวกฆ่าน้องชายตนเองก็ตกใจ เพราะคาดไม่ถึงจริง ๆ ตนเองเสียใจมาก สงสารหลานชายทั้ง 2 คนลูกผู้ตาย ตนเองไม่ทราบว่านางวาสนามีเรื่องแค้นเรื่องใดกับน้องชายตนเอง เพราะตนเองก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหน

ตนเองไม่คิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัว หลังจากที่น้องชายตนเองเสียชีวิต ยังคิดว่าลูกหนี้มาฆ่าหรือไม่ ไม่ได้สงสัยตัวน้องสะใภ้ เพราะที่ผ่านมาน้องสะใภ้ปกติทุกอย่าง งานศพน้องชายนางวาสนายังมานั่งข้างกันอยู่เลย ไม่มีพิรุธใด ๆ เป็นคนนิ่งมาก ตนเองไม่ค่อยสนิทสนมกับนางวาสนา ส่วนตัวตนเองไม่ให้อภัยน้องสะใภ้เด็ดขาด แต่ก็สงสารหลานอยากให้โดนจำคุกตลอดชีวิต เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองก็ไปดูเจ้าหน้าที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพเช่นกัน พยายามจะกระโจนใส่ผู้ต้องหา อยากถามว่าฆ่าน้องชายตนเองทำไม แต่ตำรวจกันเอาไว้ เพราะคนเยอะมาก

โดยที่ผ่านมามีคนใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงร้องไห้ระงม คาดว่าอาจจะเป็นเสียงร้องของของน้องชายตนเอง เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการไปเชิญวิญญาณแต่อย่างใด หลังจากนี้ก็จะมีการทำบุญร้อยวัน ประมาณเดือนสิงหาคม ตนเองยังคิดถึงน้องชายอยู่ทุกวัน และยืนยันว่าจะสู้คัดค้านการประกันตัวเพื่อช่วยเหลือน้องชายที่เสียชีวิต อยากถามว่าฆ่าน้องชายตนเองทั้งคนได้อย่างไร จิตใจทำไมถึงอำมหิตโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้

โดยนางวาสนา รีบขายควายไป 5 แสนบาท และจะขายทรัพย์สินอื่น ๆ ด้วย ตนเองก็ยังไม่ได้พูดคุยกับญาติของนางวาสนา อยากจะบอกกับวิญญาณน้องชายว่าจะทำบุญให้เรื่อย ๆ ทุกอย่างจะสู้คดีและไม่ให้ผู้ก่อเหตุออกมาจากคุก จะขายไร่ขายนาก็ยอม

ด้าน นางวาล (นามสมมติ) อายุ 72 ปี พี่สาวคนโตของคนตาย บอกว่า หลังจากที่น้องชายเสียชีวิตแล้ว คนในครอบครัวก็ไม่ได้มีใครไปยุ่งเกี่ยวกับสมบัติหรือทรัพย์สิน เพราะเจ้าตัวหลังตายไปก็ยังมีภรรยาและลูก 2 คน ดังนั้นทรัพย์สินและสมบัติทั้งหมดก็ต้องเป็นของภรรยาและลูกตามกฎหมาย ญาติจึงไม่ได้มีการประเมินว่าทรัพย์สินทั้งหมดมีเท่าไร แต่ส่วนใหญ่เงินจะไม่ค่อยมีมาก เน้นพวกที่ดินและรถไถ่มากกว่า แต่ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่น้องชายเสียชีวิต ทางด้านของนางวาสนาน้องสะใภ้ ได้มีการขายควายในคอกที่เกิดเหตุ 500,000 บาท และแอบนำวัว 3 ตัว ไปแบ่งให้ญาติในครอบครัวเลี้ยง จากนั้นยังมีการติดต่อซื้อขายรถไถ่นาอีกหลายคัน เป็นจำนวนเงินที่อยู่ระหว่างการตกลงกันอยู่ที่ 300,000-400,000 บาท

อย่างไรก็ตาม หลังความจริงปรากฏ ตนเองไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าอยากจะให้รับโทษหรือรับกรรมแบบไหน เพราะทุกอย่างมันจุกอยู่ที่หน้าอก คิดไม่ถึงว่าน้องสะใภ้จะทำแบบนี้ได้ ส่วนตัวอยากจะฝากถามน้องสะใภ้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงทำกันได้ลง ทำไมถึงทำกันได้ ถ้าโกรธกันก็น่าจะห่างกันสักพัก หากอารมณ์ดีหรือคืนดีกันได้แล้วก็กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ ไม่น่าจะถึงขั้นฆ่าแกงกัน

ความเคลื่อนไหวภรรยานายธีทัด มีการโพสต์เฟซบุ๊กหลังจากสามีตาย ระบุข้อความว่า "หลับให้สบายนะพี่สมศรี" รวมทั้ง มีรูปขายวัวที่เลี้ยงไว้เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 64

นางมัจฉา ภูเลาสิงห์ อายุ 56 ปี พี่สาวผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนเองมีพี่น้อง 3 คน คือตนเองเป็นพี่คนโต ถัดมาคือ นางวาสนา และนายกล่องเกียรติ เป็นน้องชายคนสุดท้อง ในความรู้สึกของตนเองคือไม่อยากจะเชื่อว่าน้องสาวจะจ้างวานให้ไปฆ่าสามีตัวเองได้ ซึ่งตอนนี้ตนเองก็ยังคิดว่าน้องสาวไม่ได้จ้างวานฆ่า เพราะที่ผ่านมาตนเองไม่เคยเห็นน้องสาวมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต และตนเองก็เห็นว่าน้องสาวกับสามีก็รักกันดี อยู่กินกันมานานแล้ว

วันนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ได้นำข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาวไปเยี่ยมนางวาสนาที่ สภ.เมืองสระบุรี นางวาสนาก็สามารถรับประทานข้าวได้ แต่อยู่ในอาการเหนื่อย และร้องไห้ด้วย ตนเองและแม่ก็ได้ให้กำลังใจว่าหากไม่ได้ทำจริง ๆ ก็ต้องต่อสู้ต่อไป และไม่ต้องเครียด ซึ่งก็ยอมรับว่าครอบครัวก็อยู่ในความเครียดกันอยู่ทุกคน ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้น ตนเองไม่ได้เป็นฝ่ายดำเนินการ แต่เห็นว่าหลานชายหรือลูกชายผู้ตาย กำลังดำเนินการรวบรวมหลักทรัพย์ทำเรื่องขอประกันตัว แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะสามารถประกันตัวได้หรือไม่

ส่วนนายกล่องเกียรติตนเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะก่อเหตุ เพราะที่ผ่านมาก็อาศัยอยู่ที่นี่ ไม่เคยมีจิตใจโหดเหี้ยม และอีก 2 คนที่ร่วมกันลงมือฆ่านั้น ตนเองก็ไม่รู้จักมาก่อน ส่วนจะประกันตัวหรือไม่นั้น ก็คงจะไม่ประกันตัว เพราะคงไม่มีหลักทรัพย์มากพอ เพราะทุกคนในบ้านก็ทำงานหาเช้ากินค่ำ ไม่มีทรัพย์สมบัติใด ๆ

โดยทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าบ้านที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุที่สุด คือบ้านที่อยู่ด้านซ้ายมือของบ้านที่เกิดเหตุ และมีกำแพงค่อนข้างสูง

นายยอด (นามสมมติ) ชาวบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ วันที่ 12 พ.ย. 64 หลังจากเกิดเหตุผ่านมาแล้ว 4 วัน ช่วงกลางคืน ขณะที่ตนเองกำลังนอนหลับกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็ได้ยินเสียงเหมือนเป็นเสียงผู้ชายร้องไห้ระงมดังรอบบ้านที่เกิดเหตุ แต่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ไม่นานมาก ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจว่าหูแว่วหรือคิดไปเองหรือไม่ มองว่าอาจจะเป็นเสียงร้องไห้ของผู้ตายหรือไม่ ที่ยังมีความเจ็บปวด และวนเวียนอยู่ใกล้จุดเสียชีวิต

นอกจากนี้ หลังจากช่วงที่เกิดเหตุผ่านไปไม่นาน ยังได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนตลอดทั้งคืน แต่ตนเองก็ไม่ได้ออกไปดูว่าสุนัขเห่าสิ่งใด แต่หลังจากที่ครอบครัวได้ทำพิธีฌาปนกิจศพให้ผู้ตายแล้ว เสียงสุนัขก็เงียบไป ไม่ได้ยินอีกเลย แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด