ร้องสอบสำนักขุดเหล็กไหลทำแม่ตัดขาดบ้าน เจ้าสำนักพาสื่อพิสูจน์เสกจากดิน อ๊อดท้าเผา (คลิป)

จากกรณีศักย์ศรณ์ นรินทร์นอก อายุ 26 ปี ร้องเรียนไปยังหมอปลา มือปราบสัมภเวสี ว่านางเขมภัทร มิลลาร์ อายุ 43 ปี ผู้เป็นแม่ ได้ไปอยู่สถานปฏิบัติธรรมชื่อ วัดป่าโนนจำปา ต.สุ่มเส้า อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และไม่ยอมกลับบ้าน ซึ่งเจ้าตัวมีความเป็นห่วงว่าจะได้รับอันตรายนั้น

วันที่ 10 มิ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังวัดป่าโนนจำปา ต.สุ่มเส้า อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ได้พบกับหลวงปู่คำตา เจ้าสำนักวัดป่าโนนจำปา เปิดเผยว่า ตนบวชมาประมาณ 9 พรรษาแล้ว เมื่อก่อนเคยบวชอยู่ที่วัดป่าสว่างธรรม แต่เมื่อ 5-6 ปี ก่อน ได้มาปักกลดอยู่ในป่า ซึ่งเป็นที่วัดในปัจจุบัน ซึ่งในขณะที่นั่งสมาธิในกลด ในคืนแรกอาตมาเห็นภูมิวิญญาณชายขอม นุ่งโสร่งมาจับคออาตมากดลงกับพื้น ซึ่งตนพยายามแผ่เมตตาให้ เขาก็หายไป

ต่อมาในคืนที่ 2 เจอผู้ชายตัวเล็ก นุ่งโจงกระเบนดำทายืนดู แต่ไม่ทำอะไร ต่อมาในคืนที่ 3 เจอชายแก่ห่มชุดขาว ซี่งเชื่อว่าเป็นปู่ศรีสุทโธ อาตมาจึงสร้างเป็นวัดในจุดนั้น เพราะเชื่อว่าบริเวณนั้นมีวังพญานาคอยู่ใต้บาดาล สำหรับการหาเหล็กไหลนั้น อาตมาจะรับรู้ได้เองเมื่อทำสมาธิและเดินจงกรม ก็จะมีภูมิเทวดา ภูมิพญานาค และภูมิยักษ์ก็จะเข้ามาสะกิดในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นเสียงกระซิบบอกว่าเหล็กไหลอยู่ที่ไหน จังหวัดไหน และอาตมาก็จะเดินทางไปตามหา ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเมื่อมีภูมิมาบอก ตนก็จะเดินทางไปขุด

ซึ่งตนเชื่อว่าการที่ภูมิมาบอกเพราะเมื่อชาติก่อนเคยสร้างกรรมกันมา และเหล็กไหลคงอยากจะขึ้นมาเพื่อให้ผู้ศรัทธาได้ชมบารมีท่าน และให้คนหันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งอาตมานำมาแจกจ่ายลูกศิษย์ก็ไม่ได้คิดเป็นเงินทอง ก็แล้วแต่ลูกศิษย์จะทำบุญ ซึ่งอาตมาก็มีญาณและสามารถพูดภาษาเทพ แต่อาตมาไม่สามารถที่จะพูดหรือแสดงให้เห็นได้ เพราะจะเป็นการอวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งภาษาที่ตนพูดนั้นเป็นภาษาเดียวกับพระเดือนชัย

ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่วัดมักจะมีการใบ้หวย แต่อาตมาไม่ได้เป็นคนใบ้เอง แต่จะมีร่างทรงพญานาคศรีสุทโธมาทำพิธีใบ้หวย ซึ่งอาตมาก็จะอำนวยความให้สะดวกให้ร่างทรงใช้สถานที่ ที่เป็นปรัมพิธีที่มีรูปปั้นปู่ศรีสุทโธและย่าปทุมมาตั้งอยู่ ซึ่งร่างทรงจะเข้าทรงปู่ศรีสุทโธและบอกตัวเลขตรง ๆ ทั้งเลข 3 ตัว และเลข 2 ตัว หรือบางครั้งก็จะไม่บอกเป็นตัวเลขแต่จะให้ลูกศิษย์ไปดูที่หลังต้นไม้

สำหรับลูกศิษย์ที่มาอยู่ที่วัดนั้น ก็มาโดยความสมัครใจและความสบายใจของเขา อาตมาก็ไม่ได้บังคับให้ใครอยู่ และไม่สามารถไล่ใครออกจากวัดได้ ซึ่งจะมีลูกศิษย์มาปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อย ๆ 3-7 วัน แล้วแต่ใครจะสะดวก และอาตมาไม่บังคับให้เชื่อเหล็กไหล ก็อยู่ที่ความสมัครใจของแต่ละคน แม้ว่าบางคนจะมองเหล็กไหลเป็นก้อนหิน ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล เหล็กไหลของอาตมามีสรรพคุณที่ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม เคยมีลูกศิษย์ 2 คนขี่มอเตอร์ไซค์ชนจนรถพังยับ แต่ก็รอดมาได้

อย่างไรก็ตาม ในวัดของตนนั้นก็มีเหล็กไหลที่ผุดขึ้นมาจากดินซึ่งเป็นเกล็ดหินแก้ว เรียกว่า "เหล็กไหลพระธาตุแก้วคำจำปา" ซึ่งเหล็กไหลของตนนั้นเป็นเหล็กไหลแท้ ไม่เหมือนเหล็กไหลอื่น ๆ ที่ไปดึงมาจากในถ้ำ ซึ่งอาตมามองว่าที่อื่นเป็นเหมือนมายากลทั้งที่เสกมาจากมือและเสกมาจากถ้ำ แต่อาตมาไม่อยากจะวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นอาชีพของเขา

จากนั้นหลวงปู่คำตาได้พาทีมข่าวเดินไปดูบริเวณสระน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่พบเหล็กไหลผุดขึ้นมาจากดิน ท่านบอกว่าคนที่จะพบเหล็กไหลคำจำปาเป็นเกล็ดแก้วเล็ก ๆ นั้น จะต้องเป็นคนที่มีบุญบารมี เมื่อเดินไปถึงสระน้ำ ท่านก็ชี้ให้ทีมข่าวดูเหล็กไหลที่ผุดขึ้นมาจากดิน  คล้ายก้อนกรวดที่อยู่บนดินอยู่แล้ว

ภายหลังหลวงปู่คำคาได้มอบเหล็กไหล 3 ก้อนให้กับทีมข่าว ระบุว่า ดวงธรรมจะติดตามดูแลรักษา เพราะเหล็กไหลนั้นเคยเป็นสมบัติของทีมข่าวด้วย และในแต่ละก้อนจะมีภูมิที่แตกต่างกัน ได้แก่ภูมิปู่ฤๅษีป่า ภูมิยักษ์ ภูมินาคา และจะต้องเลี้ยงด้วยน้ำผึ้งจะส่งเสริมด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย สามารถขอพรบารมีจากเหล็กไหลได้

น.ส.เขมภัทร มิลลาร์ หรือ อีฟ อายุ 43 ปี แม่ของนายศักย์ศรณ์ พาทีมข่าวไปล้างเหล็กไหลที่เพิ่งไปขุดมา มองภายนอกก็เป็นเพียงก้อนหินธรรมดา แต่เมื่อล้างคราบดินออกไปแล้วพบว่าก้อนหิน มีเนื้อสีดำทมิฬ เหมือนกับเหล็กไหลที่หลวงปู่คำตาให้ทีมข่าวดู ระบุว่าครั้งแรกที่ตนมีโอกาสได้สัมพันธ์เหล็กไหลนั้นก็รู้สึกได้ว่าภายในเหล็กไหลมีพลังงานบางอย่าง ตนพิสูจน์ด้วยการตั้งจิตอธิษฐานให้รู้สึกร้อนเย็น โดยเหล็กไหลนั้นก็มีอุณหภูมิเปลี่ยนไปตามที่ตนอธิฐาน จึงเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์จริง

ทั้งนี้ ตนเคยผ่านการปฎิบัติธรรมมาหลายสถานที่แล้ว แต่ก็รู้สึกรักและเคารพศรัทธาต่อหลวงปู่คำตา จึงได้มาปฏิบัติธรรมเป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้ว ซึ่งตนไม่มีภาระอะไรเนื่องจากสามีและลูกชายอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ตอนนี้ก็รอสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นก็จะกลับไปต่างประเทศ แต่ตอนนี้ใช้เงินที่สามีส่งมาให้จากต่างประเทศ สำหรับลูกชายอีกคนที่อยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์นั้น ก็ไม่ได้ว่าหรือตำหนิอะไรที่ตนมาปฏิบัติธรรมแบบนี้ และตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับลูกชายที่อยู่ที่ประเทศไทย ที่ผ่านมายังโทรติดต่อสื่อสารพูดคุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบกันอยู่เลย

นายศักย์ศรณ์ นริทร์นอก อายุ 26 ปี ผู้ร้องเรียน กล่าวว่า ตนเองไปบวชเรียนอยู่ที่วัดภูจันทร์แดง จ.ดอุบลราชธานี และได้บอกที่บ้านไว้ว่าจะขอบวชเรียนจำนวน 5 พรรษา พอถึงครบตามที่ตนเองบอกก็จะขอลาสิขาบท แต่ทางวัดกลับไม่ยอมทำพิธีให้ จึงได้หนีออกจากวัด ไปเพื่อทำพิธีลาสิขาบทที่วัดป่าโนนจำปา ในวันที่ 18 ต.ค. 63 ซึ่งแม่กลัวว่าตนเองจะโดนทำของใส่ จึงไปเป็นเพื่อนแล้วพูดว่าระวังหนีเสือปะจระเข้ สุดท้ายคนที่หนีเสือปะจระเข้นั้นก็เป็นแม่ตนเอง

ด้านรศ.ดร.วีระชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มองว่า กรณีที่มีพระสงฆ์เจอวัตุถุประหลาดที่โผล่มาจากพื้นดินสีดำ และมีเป็นเม็ด แล้วบอกว่าเป็นเหล็กไหล หากเป็นความเชื่อ ตนเองเคารพในความเชื่อนี้

แต่ถ้าเป็นเหล็กไหลในทางวิทยาศาสตร์ คือโลหะเป็นของแข็ง หลอมออกมาเป็นของเหลว ตรงนี้มีจริง เช่น ตะกั่วเจอความร้อนสูงก็จะเหลว หรือธาตุแกเลี่ยม ถ้าเจออุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส กำไว้ในมือก็จะกลายเป็นของเหลว

อย่างไรก็ตาม เหล็กไหลสีดำของพระที่ไปเจอ ยังไม่รู้ว่าเป็นวัสดุอะไร อาจเป็นพลาสติกธรรมดา หรือเม็ดขาว ๆ อาจจะเป็นพลาสติกโพลิเมอร์ก็ได้ ถ้าเอาให้ชัวร์ ก็ส่งมาให้ตรวจได้ ตนยินดีตรวจให้โดยจะนำเข้าห้องแล็บเพื่อตรวจพิสูจน์ด้วยเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นวัถุชนิดไหน ขณะเดียวกันย้ำว่าหินสีดำหรือหินเป็นเม็ด อยู่ดี ๆ จะโผล่มาจากพื้นดินนั้นเป็นไปไม่ได้ คนที่เชื่อต้องใช้วิจารณญาณด้วย

ทีมข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านใกล้วัด นายชัยยศ เพ็ญสวัสดิ์ ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ในพื้นที่ เปิดเผยว่า ตนเคยเห็นที่เขาบอกว่าเป็นเหล็กไหล แต่มองว่าเป็นแค่เศษหินปูนที่มีอยู่ทั่วไปบริเวณนั้น ไม่ใช่เหล็กไหลแก้วคำจำปาตามที่เชื่อกัน ซึ่งคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ศรัทธาพระรูปนี้ มีแต่ลูกศิษย์ลูกหาจากที่อื่นเข้ามากราบไหว้ แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านไม่ศรัทธา เพราะเคยให้ตำรวจมาตรวจสอบ พบว่าพระคำตาไม่มีใบสุทธิของพระ แต่พระรูปนี้ยังไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน จึงไม่มีใครขับไล่ออกจากพื่นที่