กรณี พ.ต.ท.สมยศ ชูเกียรติศิริ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองสระบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 เมืองสระบุรี ว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จึงได้รุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสระบุรี พบเป็นห้องเช่า 5 ห้อง 2 ชั้น ซึ่งห้องที่เกิดเหตุอยู่ชั้นล่าง
เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในห้อง พบว่า น.ส.พุฒนันท์ สดมณี อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่กำลังนั่งดูแลลูกด้วยความรักและห่วงใย ส่วนศพที่เสียชีวิตทราบชื่อนายภาณุพงศ์ มณีมงคล อายุ 21 ปี สภาพนอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเตียง ห่มผ้าห่มสีฟ้าลายการ์ตูนใบหน้าดำเกียม ดวงตาทะลักออกมาจากเบ้า ตรวจสอบเป็นผู้พิการนอนติดเตียง ขาลีบทั้ง 2 ข้าง ร่างกายพบบาดแผลที่ก้น เป็นแผลกดทับรูโบ๋ลึก คาดว่าผู้ตายน่าจะทนอาการเจ็บปวดจากแผลกดทับไม่ไหวจึงเสียชีวิตดังกล่าว
ล่าสุดวันที่ 30 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังวัดทุ่งสาริกา ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง จ.สระบุรี สถานที่ที่ฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิต เมื่อไปถึงพบว่าช่วงเวลา 09.00 น. น.ส.พุฒนันท์ แม่ผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่วัด พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างรัตนตรัย สระบุรี เพื่อให้พระลูกวัดประกอบพิธีกรรม และเก็บกระดูกของผู้เสียชีวิตออกจากเมรุ
โดยจากการสังเกตพบว่า กู้ภัยและพระที่มาช่วยทำพิธี ได้นำ ลูกมะพร้าว (แทนหัว) ก้านอ้อย (แทนกระดูก-แขนขา) กล้วย (แทนนิ้วมือ-เท้า) น้ำตาล (แทนหัวใจ) มาวางเรียงต่อกันเป็นโครงร่างลักษณะคล้ายมนุษย์ วางทับบนเถ่ากระดูกของผู้เสียชีวิต ก่อนสวดทำพิธีตามความเชื่อ เพื่อให้ดวงวิญญาณไปสู่ในภพภูมิที่ดี
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นพิธีจะได้ให้แม่ของผู้เสียชีวิต นำเถ้ากระดูกไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่นับถือต่อไป ทั้งนี้ขณะทำพิธี น.ส.พุฒนันท์ ไม่พนมมือไหว้ อ้างว่า ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.พุฒนันท์ แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาทำพิธีเก็บกระดูกของลูกชายที่เสียชีวิต เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่หลังจากเสร็จพิธีก็จะนำเถ้ากระดูกลูกกลับไปเก็บไว้ที่บ้านก่อน และค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะทำอย่างไร
ในวันนี้ที่ตนมาทำพิธีรับกระดูลูกกลับบ้าน ตนก็มาเพียงคนเดียว โดยที่ไม่ได้มีญาติมาด้วย เนื่องจากตนไม่ได้ข้องเกี่ยวกับญาติมานานกว่า 10 ปีแล้ว เวลามีปัญาหรือลูกป่วยตนก็จะดูแลจัดการเองมาโดยตลอดโดยไม่พึ่งพาใคร
ส่วนกรณีเรื่องลัทธิโยเร ตนอยากชี้แจ้งกับทางอมรินทร์ ทีวี ว่า หลังจากที่ได้ดูข่าวที่นำเสนอไปตนอยากบอกว่า การทำข่าวของแต่ละช่องตนเข้าใจว่าไม่เหมือนกัน ซึ่งก็อยู่ที่จรรยาบรรณของนักข่าวแต่ละสำนักว่าจะนำเสนอข่าว หรือนำข่าวไปขายในรูปแบบไหน ตนยืนยันว่า ตนเคยอยู่ในลัทธิโยเรจริง แต่ออกมานานแล้ว ซึ่งลัทธิโยเร ก็จะคล้ายกับลัทธิเต๋า กินเจ ไม่กินเนื้อสัตว์เหมือนคนอื่น ๆ ที่ทำกัน แต่การที่มีผู้สื่อข่าวนำเสนอข่าวว่า ตนไปนั่งสมาธิ เพื่อจุดประสงค์อื่น (หวังให้ศพฝื้น) ส่วนนี้ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยนั่งสมาธิ และตนมองว่าไม่เกี่ยวข้อง และขอร้องอย่านำตนมาเชื่อมโยงกับกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนอยากจะให้นักข่าวทำข่าวอยู่ในขอบเขตความพอดี อย่าเอาเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องมาเชื่อมโยง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของตน อย่างเช่นกรณีที่ตนเฝ้าศพลูกของตนหลังเสียชีวิตนาน 3-4 วัน เป็นเพราะตนทำใจไม่ได้ เนื่องจากตนรักลูกมาก เพราะตั้งแต่มีลูกตนก็อยู่กับลูก เลี้ยงดูลูกมาโดยตลอดทั้งชีวิต ตนก็อยากให้เข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ด้วย ซึ่งหลังจากมีกระแสข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในทางที่ผิด และเกิดกระแสโจมตี ตนก็ต้องเข้มแข็ง อาจมีร้องไห้บ้าง แต่จะมานั่งร้องไห้ตลอดเวลาก็คงไม่ใช่
ส่วนกรณีที่ขณะพระทำพิธีสวดบังสุกุลเป็น-บังสุกุลตาย แล้วตนไม่ได้ยกมือไหว้ เป็นเพราะตนไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่ตนนับถือศาสนาคริสต์ ตนนับถือพระเยซู ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับลัทธิโยเรทั้งสิ้น ได้โปรดอย่าพยายามนำมาเชื่อมโยง ตนอยากฝากถึงสื่อมวลชนทุก ๆ สำนักการทำข่าวตนเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ ตนอยากให้มองว่าทำข่าวเพื่ออะไร หรือทำไปจะมีผลดีหรือไม่ ไม่เช่นนั้นผลกระทบจะตกไปอยู่ที่ผู้เสพข่าวที่ได้รับข่าวสารผิด ๆ
อย่างไรก็ตาม หากถามว่าอยากบอกอะไรกับลูกที่เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย ตนก็คงไม่อยากพูดอะไร เพราะคิดว่าลูกของตนมีความสุขไปอยู่บนสวรรค์ และไปอยู่ในภพภูมิที่ดีแล้ว ตนก็สามารถให้ข้อมูลได้เพียงเท่านี้
พระสังวาลย์ สมณะ หรือ หลวงตาอี๊ด พระวัดทุ่งสาริกา ผู้ที่ฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิต กล่าว่า เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.64) หลังจากที่ศพถูกเคลื่อนย้ายมาที่วัด เจ้าอาวาสก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไร เท่าที่รู้เบื้องต้นแค่ป่วยติดเตียงแล้วเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัวเท่านั้น ซึ่งเหตุผลที่ทางวัดต้องสวดและฌาปนกิจภายใน 1 วัน เป็นเพราะญาติของผู้เสียชีวิตไม่มีทุนทรัพย์ในการประกอบพิธีกรรม ทางวัดจึงช่วยจัดการทำพิธีและฌาปนกิจให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กระทั่งในช่วงเวลา 09.00 น. ของวันนี้ (30 พ.ค.) อาตมาจะช่วยจัดทำพิธีเก็บกระดูกผู้เสียชีวิต สวดบังสุกุลเป็น-บังสุกุลตาย เพื่อให้ดวงวิญญาณได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี และครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้นำเถ้ากระดูกไปประกอบพิธีกรรมทำบุญตามศาสนาที่นับถือต่อไป
นายเฉลิม พิมภา อายุ 32 ปี กู้ภัยสว่างรัตนตรัยฯ สระบุรี กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันนี้เวลา 08.00 น. ตนได้เดินทางไปรับแม่ของผู้เสียชีวิตที่ห้องพัก มาที่วัดดังกล่าวเพื่อทำพิธีเก็บกระดูกของลูกชายที่เสียชีวิตช่วงเวลา 09.00 น. พร้อมทั้งเชิญพระมาสวดบังสุกุลเป็น-บังสุกุลตาย เพื่อที่จะให้ดวงวิญญาณไปสู่ในภพภูมิที่ดี แล้วจะได้ให้แม่ของผู้เสียชีวิตนำเถ้ากระดูกไปเก็บไว้ เพื่อรอทำพิธีกรรมทางศาสนาที่นับถือต่อไป
โดยในวันนี้ขณะทำพิธีทางแม่ของผู้เสียชีวิต ก็ไม่ได้ทำการยกมือไหว้และสวดมนต์ เนื่องจากนับถือศาสนาอื่น ซึ่งตามหลักแล้วก็ไม่ได้ผิดอะไร ก็สามารถไม่ยกมือไหว้ได้ตามความเชื่อของแต่ละศาสนา แต่ในส่วนหลังจากเสร็จสิ้นพิธีแม่ของผู้เสียชีวิตก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่า จะนำเถ้ากระดูกของลูกชายไปเก็บไว้ที่ไหน หรือทำอย่างไร เพราะอาศัยอยู่ที่ห้องพักเพียงคนเดียว ไม่มีญาติ ในส่วนนี้หากแม่ของผู้เสียชีวิต ต้องการให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือ ก็สามารถแจ้งได้ตลอด
ส่วนกรณีเรื่องที่แม่ของผู้เสียชีวิต นอนเฝ้าศพของลูกชายที่เสียชีวิตนาน 3-4 วัน จากการสอบถามในตอนแรกทราบว่า แม่ผู้ตายพยายามสวดอะไรบางอย่างตามความเชื่อของศาสนา หวังที่จะให้ศพของลูกฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ในส่วนนี้ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรที่แน่ชัด ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องความเชื่อของแต่ละบุคคล
"แม่ของผู้เสียชีวิต ไม่มีทุนทรัพย์ในการจัดงานศพ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้เข้าช่วยเหลือดำเนินการหาทุนทรัพย์ โดยได้รับความร่วมมือ สนับสนุนจาก คุณเอ๋ เชิญยิ้ม ช่วยเหลือในเรื่องของโรงศพ ปัจจัยถวายพระ 3,000 บาท ก่อนฌาปนกิจศพในช่วงบ่าย 3 วานนี้เรียบร้อย" กู้ภัยสว่างรัตนตรัยฯ สระบุรี กล่าวทิ้งท้าย
