กรณีตำรวจสน.ท่าเรือ ได้รับแจ้งเหตุ มีผู้เสียชีวิตบริเวณทางเข้าการท่าเรือ เขตคลองเตย จึงแจ้งมูลนิธิร่วมกตัญญู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยทันที
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ใส่ชุด PPE เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายซาลาหมัด โซ๊ะมา อายุ 48 ปี สวมเสื้อโปโลสีน้ำเงิน กางเกงขายาวลายพราง นอนหงายหน้าเสียชีวิตอยู่ใต้ทางด่วนใกล้กับทางเข้าการท่าเรือ ภายในกระเป๋าสตางค์พกเอกสารยืนยันการพ้นโทษ จากกรมราชทัณฑ์ ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 พ.ค.64 และผลตรวจโควิด-19 จากรพ.วิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม ซึ่งผลตรวจระบุว่าติดเชื้อโควิด-19 ลงวันที่ 9 พ.ค.64
ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลจึงให้กักตัวรอดูอาการอยู่ที่ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ ตั้งแต่วันที่ 12 -26 พ.ค.64 จนครบกำหนด ทีมแพทย์ได้ตรวจอีกครั้งก่อนจะมีมติเห็นว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นและหายจากการติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ปล่อยให้ออกมาใช้ชีวิตประจำวันได้
จากการสอบสวนของ พ.ต.อ.ดนุภาทร ขวัญพสุมนต์ ผกก.สน.ท่าเรือ ทราบว่า นายซาลาหมัด หลังจากพ้นโทษออกมาจากเรือนจำก็ไปตรวจหาเชื้อโควิ-19 ดจนทราบว่าติดเชื้อ ก็ได้กักตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 14 วัน จนผลออกมาว่าหายแล้ว และเพิ่งออกจากโรงพยาบาล น่าจะไม่มีที่ไปจึงได้มาเร่ร่อนอยู่บริเวณทางเข้าการท่าเรือ
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตคาดว่า อาจจะเกิดจากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้นำศพนายซาลาหมัด ไปชันสูตรศพที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ล่าสุดวันที่ 27 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พบกับนายมานพ ฤทธิเดช เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญู เล่าให้ฟังว่า หลังได้รับแจ้งเหตุชายอาการไม่ดี นั่งรอความช่วยเหลืออยู่บริเวณด่านทางเข้าออกท่าเรือ ตนจึงเดินไปดูพบว่า ชายคนดังกล่าวพยายามกวักมือเรียกให้เข้าไปช่วยเหลือ หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็ล้มลงต่อหน้าตน
ขณะนั้นตนพยายามจะเข้าไปช่วยแล้ว แต่คิดอีกทีว่าตนไม่มีชุดป้องกัน PPE จึงประสานไปที่หัวหน้าที่มีอุปกรณ์พร้อม ขณะที่รอการช่วยเหลือชายคนดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อหัวหน้าเดินทางมาถึงก็พบว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้ตนรู้สึกเสียใจมากที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยชายคนดังกล่าวได้ และมาทราบภายหลังว่าชายคนดังกล่าวมีเอกสารการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ และยังเคยติดเชื้อโควิด-19
ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ไม่มีบ้านคนหรือชุมชนที่อยู่ติดกับทางเข้าออกของท่าเรือ ทีมข่าวไปพบกับหญิงเร่ร่อนที่นั่งอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ จึงสอบถามว่าเมื่อวานนี้ (26 พ.ค.64) เห็นผู้ชายคนดังกล่าวเดินมาแถวนี้บ้างหรือไม่
หญิงเร่ร่อน บอกกับทีมข่าวว่า ตนเห็นผู้ชายคนที่ตายเดินเข้ามาหา และตนก็กำลังนั่งอยู่ตรงนี้ จู่ ๆ เขาก็ล้มลงไปกองกับพื้น "ตรงที่เขาตายนั่นแหละ"
คุณป้าละเอียด กลิ่นคำหอม อายุ 60 ปี แม่ค้าขายของชำละแวกใหกล้เคียง บอกว่า ตนขายของที่นี่มา 27 ปีแล้ว ไม่เคยเห็นผู้ชายคนที่ตายมาก่อนเลย วันเกิดเหตุช่วงเวลา 09.00-10.00 น. ตนเห็นเขาเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าทางเข้าท่าเรือ ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นใคร มารู้อีกทีลูกน้องเอารูปมาให้ดูตอนเขาเป็นศพและพบว่าป่วยโควิด-19 ก็รู้สึกตกใจมาก ๆ จึงรีบปิดร้านทันที
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาเดินผ่านไปผ่านมา ตอนนั้นอากาศร้อนมาก ๆ ก็เห็นเขาเดินเหมือนคนขาไม่ดี แต่เขามีรูปร่างใหญ่น่าจะเป็นคนแข็งแรง ไม่คิดว่าจะมาเสียชีวิตแบบนี้ ส่วนตัวคิดว่าที่เขาเดินมาที่นี่เพราะว่าน่าจะเคยอยู่อาศัยหรือเป็นคนที่นี่ก่อนจะเข้าไปติดคุกหรือไม่
นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 วันที่ 27 พ.ค.64 มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 1,228 ราย จากเรือนจำ/ทัณฑสถาน 6 แห่ง และมีผู้รักษาหายแล้ว 2,054 ราย ทำให้เหลือผู้ต้องขังที่ยังอยู่ระหว่างการรักษา 16,319 ราย สำหรับยอดผู้ต้องขังติดเชื้อสะสม 21,010 ราย จากเรือนจำ 14 แห่ง
ส่วนกรณีชายที่พ้นโทษจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และติดเชื้อจากเรือนจำฯ ได้นอนเสียชีวิตนั้น ชายคนดังกล่าวได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนพ้นโทษ โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ค.64 ได้รับแจ้งจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่า ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจัดเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว ที่ไม่มีอาการป่วยแสดง เรือนจำฯ จึงได้ประสานส่งต่อผู้ติดเชื้อรายดังกล่าว รวมกับผู้ต้องขังอีก 3 รายที่พ้นโทษพร้อมกันในวันที่ 11 พ.ค.64 ไปรับการรักษาจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ต่อ ตามกระบวนการของการรักษาผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยของกรมราชทัณฑ์
