จากกรณีตำรวจ EOD และชุดสืบสวน สน.พหลโยธิน เข้าตรวจสอบป่าหญ้าข้างทาง ภายในซอย ลาดพร้าว 41 แยก 22 เพื่อค้นหาอาวุธปืน จากก่อนหน้านี้มีชายวัยรุ่นทราบชื่อคือนายวีรยุทธ์ สามัญเมือง มีร่องรอยถูกอาวุธปืนยิงใส่ 1 นัด ที่สีข้างด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บ ก่อนถูกนำตัวส่ง รพ.โชคชัย 4 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาค้นหานานกว่า 1 ชั่วโมง ไม่พบอาวุธปืน หรือหลักฐานเพิ่มเติม และจากข้อมูลการสอบสวนพบว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 พ.ค. 64 มีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ทำร้ายกันมาจากซอยเสือใหญ่อุทิศ ต่อเนื่องมาจนถึงจุดเกิดเหตุ โดยมีนายวีรยุทธ์ ผู้เสียชีวิต นั่งซ้อนท้าย มีเพื่อนอีกคนเป็นคนขี่ ไล่ตามและพยายามใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงใส่คู่อริ แต่เกิดเสียงปืนดังขึ้น 1 ครั้ง และทำให้รถของนายวีรยุทธ์ ผู้เสียชีวิตล้มลง
ขณะที่ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ธรรมพิทักษ์ รอง ผบก. 2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน ร่วมกันแถลงข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 17.00 น. ได้รับแจ้ง 2 เหตุคือเหตุถูกยิง และเหตุปืนลั่น จึงรุดไปตรวจสอบพบนายเอกภพอยู่ในที่เกิดเหตุจึงควบคุมตัวเอาไว้ แต่ไม่พบอาวุธปืน เบื้องนายเอกภพให้การไม่รู้เรื่อง และได้มีการทิ้งอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่เป็นหลักฐานสำคัญเข้าป่าหญ้า
ทั้งนี้ นายเอกภพ ให้การว่าได้ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายทะเบียน ไปหานายวีระยุทธที่บ้านบริเวณซอยมัยลาภ เพื่อนัดแนะกันมาตามล้างแค้นกลุ่มคู่อริที่ใช้อาวุธมีดฟันเพื่อนในพื้นที่โชคชัย 4 โดยได้เตรียมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และอาวุธมีด 3 เล่ม เพื่อใช้ก่อเหตุ จึงถึงบริเวณซอยรัชดาภิเษก 36 เวลา 17.45 น. พบนายไอซ์ คนขี่จักรยานยต์ มีนายเบสซ้อนท้าย ทั้งคู่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นอริ จึงใช้อาวุธมีดฝันที่แผ่นหลังของทั้งคู่เจ็บและขี่รถตามมาเจอคนหน้าคล้ายอริกำลังขี่จักรยานยนต์ คือนายโอมอิน จึงจะเข้าไปหาเรื่อง นายวีรยุทธ์ยิงเข้าที่หลังนายโอมอินได้รับบาดเจ็บเช่นกัน จากนั้นเมื่อทั้งคู่ขี่รถมาถึงจุดเกิดเหตุ นายวีระยุทธดันทำปืนลั่นใส่ท้อง จนรถล้ม นายเอกภพได้หยิบปืนขว้างไปในป่าข้างทาง ก่อนตำรวจจะมาถึง
ล่าสุด เช้าวันที่ 22 พ.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ชุดสืบสวน สน.พหลโยธิน ลงพื้นที่เก็บหลักฐานจากวงจรปิดของบ้านตรงข้ามจุดเกิดเหตุ และวงจรปิดของ กทม. ภายในซอย เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะยืนยันเหตุการณ์และข้อเท็จจริงได้ ส่วนอาวุธปืนยังคงมีการค้นหาในป่าหญ้า มีการขึงเส้นกั้นเขตห้ามเข้าบริเวณป่าหญ้าโดยรอบไว้
นางสาวปนัดดา แจ่มรัสมี อายุ 22 ปี พี่สาวของนายโอมอิน แจ่มรัสมี ผู้บาดเจ็บคู่กรณี เปิดเผยว่า เมื่อวานเวลาประมาณ 17.00 น. ตนทักแชตถามน้องชายว่ากลับบ้านกี่โมง ซึ่งน้องก็ตอบว่าใกล้เลิกแล้ว น้องบอกว่าแวะไปซื้อของที่หลังมหาวิทยาลัยราชภัฏก่อน ซึ่งจุดนั้นเป็นกลับบ้านพอดี เส้นภาวนา-ลาดพร้าว 41 แยก 19 และน้องก็เงียบไป จากคำบอกเล่าของน้องบอกว่ากำลังขี่รถข้ามถนนรัชดามาในซอย พบคู่กรณีมากัน 2 คน คนตายเป็นซ้อนท้ายและควักปืนยิงน้อง หลังถามน้องว่า "เรียนที่ไหน"
จากนั้น น้องซึ่งยังมีสติจึงบิดรถมอเตอร์ไซค์หนี และคู่กรณีมีการบิดรถจักรยานยนต์ตามเรื่อย ๆ จนน้องวนเข้าถึงบ้าน ขี่รถเข้ามาบ้านคนเดียว ในเวลาเดียวกันชาวบ้านบอกว่ามีคนนอนเจ็บหน้าอยู่ในซอยอีกคน ตนเองที่ยังไม่เห็นน้องก็ตกใจคิดว่าเป็นน้อง เพราะน้องเงียบหายไปนานแล้ว แต่มีคนเห็นเหตุการณ์อยู่หมู่บ้านเดียวกันได้โทรศัพท์บอกว่าคนนอนเจ็บหนักไม่ใช่น้อง น้องถูกไล่ยิง ตนเองจึงรีบขี่รถไปดูให้แน่ใจ ก็ไม่ใช่น้องจริง ๆ และหน้าก็ไม่คุ้นมาก่อน คาดว่าไม่ใช่คนแถวนี้
ต่อมาตนเองรีบกลับเข้าบ้านก็พบน้องจึงพาน้องไปโรงพยาบาล พร้อมยืนยันว่าน้องไปทำงานทุกวันแบบตัวเปล่า ไม่เคยพกมีดหรือพกปืน เชื่อว่าน้องไม่ใช่คนยิงแน่ ๆ และผู้ตายไม่ใช่อริน้อง เพราะรู้ว่าน้องไม่ไปมีเรื่องกับใคร และช่วงวันที่ 20 พ.ค. น้องทำงานกลับบ้านไม่ได้ไปมีเรื่องตามที่ถูกกล่าวหา
ขณะเดียวกันตนเองตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะน้องจบช่างอุตสาหกรรม สถานบันย่านหัวหมากหรือไม่ถึงถูกยิง แต่ความเป็นได้ก็น้อย เพราะวันเกิดเหตุน้องแต่งกายธรรมดา สวมเสื้อเสื้อฮูด ใส่กางเกงยีนส์ รองเท้าคอนเวิร์ส มีแต่ทรงผมที่เหมือนเด็กช่าง อีกอย่างสมัยเรียนน้องไม่เคยมีอริ และกับผู้ตายทราบว่าเป็นคนเขตลาดปลาเค้า จึงเป็นไปไม่ได้เลยว่าน้องจะไปมีเรื่องกับคนแถวนั้น และงงมากว่าอีกฝ่ายถูกใครยิง
ครอบครัวนายวีรยุทธ นำร่างไปประกอบพิธีการทางศาสนาที่ วัดไตรรัตนาราม ทีมข่าวลงพื้นที่สอบถาม นางหนูพร ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า จะมีการสวดพระอภิธรรมวันที่ 22-23 พ.ค. 64 เวลา 18.00-20.00 น. และ ฌาปนกิจศพวันที่ 24 พ.ค. 64 เวลา 13.00 น.
ผู้เป็นแม่ เล่าทั้งน้ำตาว่าก่อนไปลูกไม่ได้บอกอะไร แต่ประมาณวันที่ 19 พ.ค. ลูกและเพื่อนลูกมีเรื่องกันหน้าวัดลาดปลาเค้า ลูกบอกว่าเพื่อนโดนฟันแถวคอและกลางหลัง แต่เข้าไม่ลึก ตนเองก็ปรามว่าพอแล้ว ไม่ถึงตายก็ไม่เป็นไร ให้เลิกแล้วต่อกัน แต่ลูกบอกว่าไม่ได้ ก่อนไปถามพ่อว่ามีแหล่งซื้อปืนไหม ฝ่ายพ่อก็บ่นปราม แต่ไม่รู้ว่าลูกไปหาจากไหน
สำหรับลูกไปทะเลาะกับใครตนเองจะไม่รู้เลย แต่ชอบเข้าบ้านดึกมาบางวันดึกแบบ 4-5 ทุ่มก็ยังไม่เข้าบ้านเรียกก็ไม่กลับ บางวันบอกนอนร้านที่อู่ ตนเองก็สอนอาชีพที่ทำต้องเรียนรู้ ลูกก็ขยัน แต่หนักไปทางติดเพื่อนรักเพื่อน โดยเฉพาะกับนายเบิร์ดพอมาคบกันก็ตัวแทบติดกัน แต่เพื่อนลูกเยอะ
โดยวันเกิดเหตุห้ามแต่ลูกก็ไม่ฟัง ทีแรกจะขอเอารถแม่ไป เพราะลูกยางแตก แต่ตนไม่ให้ จึงให้แฟนไปส่ง จนมาทราบข่าวช่วงเย็นลูกก็เสียชีวิตแล้ว ขณะเดียวกันตอนนี้ทราบคำแถลงของตำรวจแล้วว่าลูกปืนลั่นเอง ตนเองยังไม่ปักใจเชื่อ แต่น้อมรับ และยังไม่หวังจากผลชันสูตรว่าจะออกมาทางไหน
