เปิดใจสาวผลักเพื่อนบ้านให้รถชน อ้างทำเบา ๆ ฉุนถูกด่า เหยื่อฉะหวังฆ่า (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pim Chonthirot มีการโพสต์คลิปวงจรปิด เหตุการณ์ที่สาวรายหนึ่งถูกคนร้ายเป็นผู้หญิง วิ่งมาผลักด้านหลัง จนหน้าล้มคว่ำกับพื้นถนน และยังถูกรถจักรยานยนต์ที่ขับมาตามทางชนจนบาดเจ็บ ซึ่งคนเจ็บแจ้งความแล้วที่ สภ.เมืองจันทบุรี

วันที่ 11 พ.ค. 64 นางเบญจวรรณ รื่นรมย์ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อ 12.00 น. วานนี้ตนเองเดินทางไปกับสามี โดยขับขี่รถจักรยานยนต์มาพร้อมกับสามี เดินทางมาที่บ้านของพี่สาว ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของผู้ก่อเหตุ ตนเองเดินทางมาเอาสินค้าที่ใช้ทอดเพื่อขาย ซึ่งตนเองมาเอาของแบบนี้ที่บ้านพี่สาวทุกวัน

ส่วนตัวไม่เคยคุยกับคนก่อเหตุ ไม่เคยด่าทอกัน แต่ตนเองรู้ว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหากับพี่สาวตนมานานหลายปีแล้ว มักมีปัญหาเรื่องด่าทอกัน อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวตนเองคิดว่าอาจเป็นผลพวงมาจากวันเสาร์ที่ผ่านมา ตนเองมาเอาของที่บ้านพี่สาวแบบนี้ทุกวัน โดยวันดังกล่าวสามีตนมีปากเสียงกับคู่กรณี ซึ่งตนเองก็ไม่ได้สนใจ รู้เพียงแค่ด่าทอกันเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนเองไปที่บ้านพี่สาว สามีตนก็บอกว่าผู้ก่อเหตุเอ่ยปากด่าตนว่า "อีด-ก" ช่วงเกิดเหตุตนเองไม่ทันระวังตัว ตนเองรู้ว่าเหมือนมีคนผลัก ตนวูบล้มลงมากับพื้น และโดนรถจักรยานยนต์ชน ส่วนตัวเหมือนวูบลงไป มารู้เหตุการณ์ก็มีคนมาเล่าให้ฟัง

วันเกิดเหตุ ไม่ได้มีการด่าทอกันก่อน ไม่มีปัญหาอะไรเลย หลังเกิดเหตุก็มีรถมาปฐมพยาบาล ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนซ้าย ข้อมือซ้าย บ่า หัวเข่าซ้าย และศีรษะซ้ายมีรอยแผล ซึ่งไม่รู้กระทบอะไรด้านในหรือไม่ ยอมรับว่าเห็นคลิปแล้วตกใจ ภาพมันแรงมาก ตนสะเทือนใจ ซึ่งคู่กรณีก็ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาคุย ส่วนตัวไม่รู้คู่กรณีมีปัญหาทางจิตไหม หากมีขอให้ไปพบแพทย์ ตนเองไม่ขอรับคำขอโทษ และอยากบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะทำให้รุนแรงขนาดนี้

นายชูชาติ ศรแก้ว สามีผู้บาดเจ็บ อยู่ในที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ตามวงจรปิด เปิดเผยว่า ตนเองเดินกลับมาที่รถ เตรียมจะกลับบ้าน ตนเองขึ้นรถจักรยานยนต์กำลังเตรียมตัว จะกลับบ้านตนเองเห็นผู้ก่อเหตุวิ่งออกมาจากบ้านซึ่งเป็นเป็นร้านนาฬิกา และผลักภรรยาตนล้มลงกับพื้น ตนเองพยายามวิ่งตามคนก่อเหตุ แต่คนก่อเหตุหนีกลับร้านไป ตนจึงกลับมาดูภรรยา ตอนนั้นทุกอย่างเร็วมาก ตนเองรับไม่ทัน ตนคิดว่าหากมีรถยนต์ขับมา ไม่ใช่รถจักรยานยนต์ ภรรยาตนเองอาจจะไม่ได้มานั่งสัมภาษณ์แบบนี้ ยังดีที่พระยังคุ้มครอง

ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นอะไร แต่อาจจะโกรธที่มีปัญหากับพี่สาวภรรยา และก็อาจจะไม่พอใจตนมีมีปัญหาด่าทอกัน ที่ผ่านมาตนเองกับคู่กรณีจริง ๆ ไม่เคยมีปัญหากันตรง ๆ ในอดีตผู้ก่อเหตุยังเคยมาเช่ารถตู้ตนไปใช้งานแต่ง ส่วนวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่มีปัญหากับตน ยอมรับว่าทะเลาะกันจริง ตนเองเห็นคู่กรณีมีการชี้นิ้วมาทางตนหลายรอบ จึงเกิดการด่าทอกัน แต่ไม่ได้ลงไม้ลงมือ ซึ่งก่อนแยกย้ายกันคู่กรณีมีการขู่ไว้ทำนองว่า "อีผู้หญิงเสื้อดำให้ระวังตัวไว้ดี ๆ" ซึ่งหมายถึงภรรยาตน วันอาทิตย์ คู่กรณีก็พูดลอย ๆ ใส่ภรรยาตนว่า "อีด-ก" จนวันจันทร์มาเกิดเหตุ ตนมองว่าเรื่องนี้ยิ่งกว่าละครน้ำเน่า ผู้ก่อเหตุเป็นมนุษยที่แปลกคน เวลาไม่พอใจแล้วชอบหาเรื่อง การกระทำที่เขาทำเกินไป ส่วนตัวไม่ได่อยากจะยุ่งด้วย "กองขี้หมา ตนไม่เอานิ้วไปจิ้ม ไม่ยุ่ง" จากนี้ ขอให้ต่างคนต่างอยู่ และอยากให้คู่กรณีชดเชยสิ่งที่เขาได้ก่อไว้

ขณะที่ พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรวจังหวัดจันทบุรี และพ.ต.อ.คณากร อัศวเมธี ผู้กำกับ สภ.เมืองจันทบุรี เดินทางมาพบกับครอบครัวผู้เสียหาย ยืนยันจะดำเนินการตามขั้นตอน เพราะดูจากคลิปค่อนข้างรุนแรง

พ.ต.อ.คณากร อัศวเมธี ผู้กำกับ สภ.เมืองจันทบุรี เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเห็นคลิปแล้ว หลักฐานค่อนข้างชัดเจน เบื้องต้นตามรูปคดีให้รอผู้เสียหายไปตรวจร่างกายและเตรียมนัดผู้ก่อเหตุเข้ามาพบพนักงานสอบสวนวันพฤหัสบดี ที่ 13 พ.ค. ข้อหาที่เตรียมไว้เป็นเรื่องการทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นคดีที่สามารถเจรจาพูดคุยกันได้ ขึ้นอยู่กับผู้เสียหาย ส่วนความผิดค่อนข้างชัดเจน ส่วนฝ่ายรถจักรยานยนต์ไม่ได้มีความผิด และยังสามารถเอาผิดได้ หากได้รับความเสียหาย

ทีมข่าวเดินทางมาที่เกิดเหตุ ภายในตลาดซุ้ย ผู้ก่อเหตุเปิดร้านนาฬิกา อยู่ติดบ้านของพี่สาวผู้บาดเจ็บ ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ติดกัน

น.ส.สุนันท์ สร้อยศรี ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับในสิ่งที่ตนเองก่อเหตุ แต่ตนเองทำไปไม่ได้ตั้งใจให้ผู้บาดเจ็บถึงขั้นบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก่อนเกิดเหตุตนเองรู้สึกบันดาลโทสะ ตนเองนั่งอยู่แล้วเป็นความรู้สึกสะสม และตนเองทนไม่ไหว ออกจากร้านไปก่อเหตุ ที่ตนไปผลักตนเองไม่ได้คิดว่ารุนแรง ตนต้องการแค่ผลักเบา ๆ ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะล้ม หลังก่อเหตุตนเองก็รู้สึกผิด หลังวิ่งกลับมาที่ร้าน เพราะเห็นสามีผู้บาดเจ็บวิ่งตามมา ตนยืนยันตนไม่ได้หันมีดูผลงานที่ตนไปทำไว้ หลังเกิดเรื่องตนยังไม่ได้พูดคุยกับผู้บาดเจ๋บ ใจจริงตนเองอยากไปขอโทษ อยากคุย แต่ยังไม่มีโอกาส ซึ่งจริง ๆ แล้วตนเองอยากคุยกับลูกผู้บาดเจ็บ

ส่วนเรื่องที่มีปัญหาจริง ๆ ตนเองมีปัญหากับข้างบ้าน ซึ่งเป็นพี่สาวคนเจ็บ เป็นปัญหาในอดีตที่นานแล้ว ทำให้บ้านตนไม่ถูกกับบ้านพี่สาวผู้บาดเจ็บ ส่วนคนเจ็บ ตนเองเพิ่งมีปัญหากับสามีคนเจ็บเมื่อ 3 วันก่อน เป็นปัญหาที่ตนเองด่าทอกับผู้เสียหายด้วยคำหยาบคาย ยอมรับว่าตนเองไม่พอใจ ที่ถูกด่าด้วยคำต่ำ ๆ ตนเองพร้อมไปพบตำรวจ ตนเองรู้สึกผิด ขอรับผิดชอบ ตนไม่อยากโกรธกับใคร แต่มันก็คุยกันไม่ได้ และยืนยันว่าตนไม่ได้ป่วย ที่ทำไปเป็นเพียงความรู้สึกที่จุดนั้น

ด้านนางศิริรัตน์ จันทคีรีเขต คนขับรถจักรยานยนต์ชนผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนเองขับรถมาด้วยความเร็วราว 20 กม.ต่อชั่วโมง ขับรถมาตามทางปกติ หางตาเห็นคนร้ายเป็นผู้หญิงผลักผู้บาดเจ็บล้มมากับพื้น กระแทกหน้ารถตนจนไฟรถยุบเข้าไป และหัวไปกระแทกกับพื้น ล้อรถตนอยู่ที่หัวคนเจ็บ โชคดีที่ตนเบรกทัน ยอมรับว่าตกใจมาก หลังจากนี้ตนเองจะไปแจ้งความเอาผิดผู้ก่อเหตุเพื่อเรียกค่าเสียหายด้วย ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่คนก่อเหตุทำนั้นเกินไป หากทะเลาะกันไม่ควรจะทำแบบนี้ เพราะมันเดือดร้อนคนอื่น หากมีคนตายขึ้นมาตนเองก็ต้องเดือนร้อนแน่นอน