“โย ยศวดี” แย้มข่าวดี! หากครบ 10 วันตรวจไม่พบเชื้อกลับบ้านได้ รับห่วงแม่ - หลานติดโควิด (คลิป)

12 เม.ย. 64

สำหรับอาการป่วยโควิด-19 เบื้องต้นในวันที่ 3 ของการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลของอีกหนึ่งคนบันเทิง อย่าง “โย ยศวดี” เจ้าตัวก็ได้อัปเดตอาการผ่านอมรินทร์ ทีวี

ล่าสุดวันที่ 12 เม.ย.64 “โย ยศวดี” กล่าวว่า ตนมีอาการท้องเสียเพิ่ม ซึ่งแพทย์บอกว่าเป็นเรื่องปกติของผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นในผู้ป่วยโควิด-19 อยู่แล้ว แต่บางคนอาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ วันนี้อุณหภูมิร่างกายก็ลดลงเหลือ 37 องศาเซลเซียส จากเดิมที่เคยขึ้นสูง 38 องศาเซลเซียส และผื่นบริเวณใบหน้าก็มีจำนวนลดน้อยลงกว่าวันแรกด้วย แต่วันนี้แพทย์อนุญาตให้อาบน้ำได้แล้ว หลังจาก 2 วันที่ผ่านมาต้องนอนดูอาการบนเตียง ยังไม่ให้อาบน้ำ และในส่วนของเสมหะ อาการปวดเมื่อยตามตัวก็ยังมีอยู่ แต่อาการเมื่อยมักจะเกิดขึ้นในช่วงเย็นของทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณหลังและขา แพทย์จึงต้องให้ยาละลายเสมหะและยาลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออยู่เรื่อย ๆ

760189

ส่วนอาการเพลีย ณ วันนี้ก็ยังมีอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นผลข้างเคียงของยาที่แพทย์ให้รับประทาน เพื่อต้องการให้คนไข้นอนหลับพักผ่อนมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้หายจากอาการป่วยเร็วขึ้น ทั้งนี้ในขณะเดียวกันแพทย์ไม่อนุญาตให้ออกไปไหน ทำได้เพียงแค่รอรับยาอยู่ในห้อง ใน 1 วัน แพทย์จะเข้ามาตรวจเช็กอาการ 1 ครั้ง และจะมีพยาบาลเข้ามาวัดไข้และวัดความดันวันละ 2 ครั้ง ส่วนอาหารทางเจ้าหน้าที่จะนำมาวางไว้ที่หน้าห้องตามเวลา แล้วผู้ป่วยก็จะต้องเดินไปหยิบมารับประทานเอง

875167

แต่ในกรณีที่ว่าทำไม “พี่โย” ซึ่งอยู่กับ “พี่เอ” และคาดว่า “พี่เอ” น่าจะติดเชื้อมาจาก “พี่โย” นั่นมีอาการไม่เหมือนกัน ตรงนี้แพทย์ก็ได้อธิบายกับตนว่า อาจจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของการแพร่เชื้อ ซึ่งเคสนี้ “พี่โย” รับเชื้อโควิด-19 มาในวันที่ 6 เม.ย.64 จากการเข้าไปทำงานที่สตูดิโอของช่องหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มีการประกาศปิดเพื่อทำความสะอาดไปแล้ว และเชื้อต้องใช้เวลาในการฟักตัว 2-3 วัน

แล้วบังเอิญว่าวันที่ 8-9 เม.ย.64 ตนอยู่กับ “พี่เอ” ตลอด ซึ่งตอนนั้นเชื้อมีการฟักตัวเรียบร้อยแล้ว เพราะห่างจากวันที่ได้รับเชื้อมาประมาณ 3 วันพอดี ทำให้ “พี่เอ” ติดเชื้อโควิด-19 โดย “พี่เอ” ทราบผลว่าตัวเองติดเชื้อวันที่ 11 เม.ย.64 แต่คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงของการฟักตัว ก่อนหน้านี้จึงยังไม่แสดงอาการป่วยออกมา มีเพียงแค่วันนี้ที่เขาเพิ่งเริ่มมีอาการไอ และตอนนี้ “พี่เอ” ก็ยังไม่ได้โรงพยาบาลที่จะเข้ารับการรักษาตัว แน่นอนว่าหากเป็นไปได้ตนก็อยากให้มาอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน ส่วนผลของ “น้องเอวี่” และคุณแม่ก็ต้องในวันพรุ่งนี้ (13 เม.ย.64) ซึ่งทั้งคู่ยังไม่ได้มีอาการอะไรน่าเป็นห่วง

182794

ส่วนตัวยอมรับว่า ทั้งหลานและคุณแม่ มีโอกาสเป็นโควิด-19 สูงมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาก็ใกล้ชิดกันตลอด แต่ด้วยความที่ครอบครัวไม่ได้มองว่าการติดโควิด-19 เป็นเรื่องน่ากลัวมาก จึงไม่ได้เครียดอะไร อาจจะกังวลเรื่องของสถานที่ที่จะเข้ารับการรักษาตัวมากกว่า มีแค่ตนที่แอบกังวลเรื่องสุขภาพของคุณแม่ เนื่องจากคุณแม่มีโรคความดัน และถ้าติดเชื้อโควิด-19 เข้าไปอีกก็น่าจะไม่โอเค ตนจึงได้แต่ภาวนาให้ทั้งคู่ไม่ติดเชื้อ

สำหรับแผนการรักษาของ “พี่โย” หลังจากนี้ หากครบ 10 วันหลังเข้ารับการรักษา ก็จะมีการตรวจหาเชื้ออีกรอบ หากไม่มีแล้วก็สามารถกลับบ้านได้ และแม้ว่าแพทย์จะบอกว่าผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วรอบแรก จะมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นซ้ำจึงมีน้อยมาก แต่อย่างไรก็ตาม “พี่โย” ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครทั้งสิ้น อยากให้ทุกคนอยู่บ้านเพื่อหยุดเชื้อ แต่หากเกิดเป็นขึ้นมาก็อย่าท้อใจ ทำใจให้สบาย ก็เหมือนโรคไข้หวัดอย่างหนึ่ง ยังสามารถรักษาได้

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส