กรณี พ.ต.อ.เธียร พาลทิพย์ ผกก.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่งานป้องกันปราบปราม เข้าจู่โจมจับกุมตัว นายบุญยัง กิขุนทด หรือ กล อายุ 25 ปี ชาวต.ดงหม้อทองใต้ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร หลังก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟัน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ก่อนหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ต.ชะอวดอ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จากปัญหาทะเลาะวิวาท ได้ภายใน 15 ชม. ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 11 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสพูดคุยสั้น ๆ กับ นายบุญยัง กิขุนทด หรือ กล อายุ 25 ปี ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายจริง แต่ตนไม่ได้เมา โดยก่อเหตุทำเพียงคนเดียวเนื่องจากเกิดความโมโห ที่ถูกผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายมารุมทำร้าย และต่อว่าถึงบุพการี ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้สนิทสนม เพียงแค่เคยเจอหน้ากันผ่าน ๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนก็รู้สึกเสียใจ พร้อมทั้งอยากจะ "ขอโทษ" กับทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครถึงขั้นเสียชีวิต แต่ที่ทำไปเพราะความโมโหเท่านั้น
ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับกุมจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช จับกุมนายบุญยัง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณโดยไม่มีเหตุอันควร เจ้าหน้าท่าใช้เวลาเพียง 15 ชม. สามารถล่าจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ ผู้ต้องหาอ้างว่าถูกรุมทำร้ายร่างกายทุบตีก่อน จึงบันดาลโทสะให้ก่อเหตุดังกล่าว
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่วัดรักขิตวัน ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช สถานที่จัดสวดอภิธรรมศพของนายนายกฤตเมธ หรือ เมธ หนึ่งในผู้เสียชีวิต
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายอนุพันธ์ เกิดแก้ว อายุ 31 ปี พี่ชายนายเมธ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. น้องชายและตนได้เดินทางมาที่ วัดรักขิตวัน (ใกล้บ้าน) เพื่อมาหาจับแมงพลัดไปขาย แต่เมื่อมาถึงที่วัดดังกล่าว น้องชายได้บอกให้ตนรออยู่ที่วัดก่อน เนื่องจากจะไปเอาอุปกรณ์จับแมงพลัดที่ลืมไว้ภายในบ้านของนายติก เพื่อนบ้าน ภายในหมู่บ้านเดียวกัน ห่างจากวัดประมาณ 200 เมตร
แต่หลังจากที่น้องหายไปนาน ช่วงเวลา 21.00 น. ตนเลยทักไปถามว่า "ไปไหน ทำไมนานจัง" น้องก็ยังตอบกลับมาว่า "รอแป๊บ เดี๋ยวขอทำธุระก่อน" จนถึงเวลาเกือบ 02.00 น. น้องก็ยังไม่กลับมา ตนจึงเห็นความผิดปกติ เพราะน้องหายไปนาน ตัดสินใจเดินทางไปหาน้องชายที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน อีกทั้งข้าวของบริเวณรอบบ้านกระจัดกระจายพังเสียหาย คล้ายกับมีการต่อสู้
กระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก พ่อของตนได้โทรศัพท์มาบอกว่า น้องของตนถูกผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฆาตกรรมจนเสียชีวิต ก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายได้แล้ว แต่ตนยืนยันในฐานะผู้เป็นพี่ว่า ยังคงแค้นและทำใจไม่ได้ ที่น้องต้องมาถูกฆ่าตายอย่างกะทันหัน
ส่วนปมเหตุที่เกิดขึ้น ตนมองว่าน่าจะมาจาก ขณะที่น้องของตนไปที่บ้านของนายติก อาจไปเจอผู้ก่อเหตุขณะกำลังซื้อขายยาเสพติดกับพ่อค้ายา เมื่อน้องชายของตนไปเห็นเหตุการณ์ คนร้ายจึงเก็บน้องชายของตน เพื่อไม่ให้นำเรื่องที่เห็นไปบอกใคร อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็อยากให้ทางผู้ก่อเหตุ ถูกดำเนินคดีเอาผิดตามขั้นตอนของกฎหมายให้ถึงที่สุด หากมีโอกาสพูดกับผู้ก่อเหตุตนก็อยากจะถามว่า "ทำแบบนี้กับน้องชายของตนทำไม น้องชายของตนไปทำอะไรให้ ถึงต้องทำกันโหดเหี้ยมขนาดนี้" เพราะตนยืนยันได้ว่า ผู้เสียชีวิต ไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อนหน้านี้
อีกทั้งตอนนี้ตนและคนในครอบครัว ก็ยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เพราะเชื่อว่าผู้ก่อเหตุ น่าจะมีมากกว่า 1 คน สภาพศพน้องถึงได้เละขนาดนั้น จึงอยากให้ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของตนที่ต้องมาเสียน้องชายไป สุดท้ายนี้หากมีโอกาสได้พูดกับ น้องชายที่เสียชีวิต ก็อยากจะบอกว่า "ขอให้ไปดี ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร" ซึ่งในส่วนนี้ตนมองว่า ตนโชคดี ที่ตนไม่ได้ไปด้วย มิฉะนั้นตนก็คงเสียชีวิตด้วยอีกราย
หลังจากนั้นเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.เธียร บาลทิพย์ ผกก.สภ.ชะอวด พร้อมชุดสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐานสภ.ชะอวด เดินทางนำตัว ผู้ก่อเหตุ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุ ภายในหมู่ 8 ต.ชะอวดอ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม. เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการรุมประชาทัณฑ์จากครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย
โดยหลังจากการทำแผนเสร็จ ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ก็ได้ตามมาในภายหลัง เพื่อมารอดูหน้าของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้ามาเจรจาเพื่อให้สงบสติอารมณ์ ก่อนนำตัวผู้ก่อเหตุกลับมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ชะอวด
พ.ต.อ.เธียร ระบุว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายบุญยัง ผู้ก่อเหตุ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าว โดยวันนี้นายบุญยัง ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุใช้อาวุธมีดปลายแหลม ฆ่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายจริง ซึ่งก่อเหตุเพียงคนเดียว ปมเหตุเกิดจากเจ้าตัวรู้จักกับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายมาก่อน กระทั่งพบกันอีกครั้ง แต่ถูกผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายรุมทำร้าย จึงเกิดความโมโหก่อเหตุดังกล่าว
ส่วนกรณีที่ชาวบ้าน มีความสงสัยว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้มีผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว ตนยืนยันว่าเหตุการที่เกิดขึ้นมีประจักษ์พยานแวดล้อมอยู่แล้ว โดยพยานที่เป็นเจ้าของบ้าน ใกล้จุดเกิดเหตุยืนยันแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการทะเลาะวิวาทกัน แต่อย่างไร ต้องสอบสวนพยานให้แน่ชัดอีกครั้ง หากทางครอบครัวผู้เสียชีวิตติดใจ หรือมีหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถส่งมอบให้กับทางเจ้าที่ตำรวจพิจารณาได้
