กรณีเมื่อเวลา 02.38 น. ของวันที่ 20 มี.ค.64 ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้าย 3 ราย ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ขนาด .38 ยิงแล้วหลบหนี ภายในบ้านพักพูลวิลล่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นเหตุทำให้ นายพีรพัฒน์ อำพันทอง อายุ 19 ปี ชาวอ.เมือง จ.เพชรบุรี ถูกยิงจำนวน 2 นัดทะลุศีรษะ 1 นัด ฝังใน 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ชะอำ จากนั้นส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.พระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ กระสุนยังพลาดไปถูกขาขวา นายมัส อายุ 19 ปี เพื่อนของผู้ตาย 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ เข้ารักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ จำนวน 2 คน ตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้แก่ 1.นายสินชัย สุขสำราญ หรือ เขียว อายุ 20 ปี และ 2.นายอมรินทร์ สว่างศรี หรือ หล่อ อายุ 23 ปี ทั้งคู่เป็นชาวอ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พร้อมแจ้งข้อหา 1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.ร่วมกันมีอาวุธปืนอละเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุอันควรเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และ 4.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน
ส่วนนายเอ็ม อายุ 30 ปี ยังคงหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมออกหมายจับ พร้อมจัดทีมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายและผู้บาดเจ็บได้เดินทางไปร่วมงานวันเกิดเพื่อน ขณะนั้นผู้ต้องหาที่อยู่บ้านพักพูลวิลล่าฝั่งตรงข้าม ได้เดินมาหาเรื่องผู้ตาย จากนั้นได้โต้เถียงและชกต่อยกัน ทำให้เพื่อน ๆ ต้องเข้ามาห้ามจนแยกย้ายกันไป ต่อมาหนึ่งในผู้ต้องหาได้โทรตามเพื่อน ๆ มาช่วย จากนั้นได้มีรถยนต์กระบะ สีขาว 4 ประตู วิ่งเข้ามาจอดบริเวณที่เกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่น ประมาณ 10 คน ขว้างแก้วและขวดโซดาเข้ามาที่วงของผู้ตาย หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาได้ชักอาวุธปืนที่พกติดตัวกระหน่ำยิงใส่กลุ่มผู้ตายจนถูกศีรษะผู้ตาย จำนวน 2 นัด และถูกขาของนายมัส เพื่อนผู้ตาย 1 นัด ก่อนจะขึ้นท้ายรถกระบะหลบหนีไป
ส่วนบ้านพักพูลวิลล่าที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับเจ้าของบ้านพักพูลวิลล่า ในข้อหาปล่อยปละละเลยให้เยาวชนเข้าไปมั่วสุม เนื่องจากในที่เกิดเหตุพบมีเยาวชนทั้งชาย-หญิง อายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป เข้าใช้บริการนับ 10 ราย ตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วง จำนวน 4 ราย และใช้ยาเคอีก 3 ราย
ล่าสุดวันที่ 21 มี.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บ้านของ นายอมรินทร์ สว่างศรี หรือ หล่อ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาอีกราย โดยทางครอบครัวบอกกับทีมข่าวว่า อยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ
นางสวย (นามสมมติ) แม่ของนายอมรินทร์ ผู้ต้องหา บอกว่า ลูกชายของตนได้เดินทางไปร่วมปาร์ตี้ตามคำเชิญของเพื่อน ๆ แต่เกิดเหตุชุลมุนขึ้น ทำให้ต่างฝ่ายต่างต้องแยกย้ายกันกลับ โดยในวันเกิดเหตุ ลูกชายของตนได้เดินทางกลับมาถึงบ้านในเวลาประมาณ 03.00 น. ปลุกและบอกกับตนว่า “หนูมีเรื่อง มีคนยิงกัน มีคนล้มต่อหน้า ไม่รู้มีคนตายไหม” ซึ่งตนก็ได้บอกกับลูกชายว่า เตรียมใจไว้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางมาสอบปากคำ แต่ขณะนั้นตนไม่คิดว่าลูกชายจะถูกออกหมายจับ เพราะลูกชายไม่ได้ก่อเหตุ
แต่เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) เวลา 19.00 น. ขณะที่ลูกชายของตนกำลังทำงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้บุกเข้ามาจับกุมลูกขายของตนไป ซึ่งเมื่อตนทราบก็ได้แต่ร้องไห้ตลอดทั้งคืน เพราะตนเชื่อว่าลูกชายไม่ได้เป็นคนยิง ตนไม่ได้บอกว่าลูกชายเป็นคนดี แต่ลูกชายตนไม่ใช่เด็กเกเร ไม่เคยติดยาเสพติด มีข้อเสียคือรักเพื่อน มักมีเหตุวิวาทเพื่อช่วยเพื่อนอยู่เสมอ
ทั้งนี้ตนเดินทางไปเยี่ยมลูกชายมาแล้ว จึงได้ย้ำกับลูกชายว่าให้พูดความจริง โดยลูกชายยืนยันกับตนว่าไม่มีปืนและไม่ได้ก่อเหตุ ตนก็เชื่อในตัวลูกชาย เพราะรู้ดีว่าลูกชายไม่มีปืน ตนบอกกับลูกชายอีกว่า “แม่จะพยายามหาเงินประกัน” ทั้ง ๆ ที่ตนรู้แก่ใจว่าตนไม่มีเงิน เนื่องจากต้องใช้เงินประกันสูงถึง 5 แสนบาท แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็จะพยายามหาเงินมาประกันตัวลูกชาย เพราะสงสารไม่อยากให้ลูกชายต้องติดคุก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม ตนได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ ของลูกชายแล้ว ทุกคนล้วนบอกว่า “นายเอ็ม คนที่ตำรวจกำลังเตรียมออกหมายจับ คือคนยิง” ซึ่งขณะนี้หนีหายตัวไปแล้ว ตนอยากจะขอความยุติธรรมให้กับลูกชาย การที่ลูกชายตนถูกข้อหาเจตนาฆ่านั้นรุนแรงเกินไป เพราะลูกชายตนไม่ได้ยิงคนตาย อีกทั้งตนทราบมาว่ากลุ่มเพื่อนผู้ตายนั้นมีปืนเช่นกัน ซึ่งทราบมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม และยึดปืนผู้ที่มีปืนแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ลูกชายไม่ใช่เสาหลักของครอบครัว แต่ลูกชายตนไม่สมควรที่จะติดคุก ตนก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ตายด้วย
ทีมข่าวได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นพลูวิลล่าตั้งอยู่ในซอย โดยทีมข่าวยังคงพบคราบเลือดบนพื้นลานจอดรถของพลูวิลล่า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเส้นแนวกั้นมาติดไว้ที่หน้าพลูวิลล่า ห้ามบุคคลใดเข้าไปในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ไม่มีใครทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านของผู้ตาย ได้พูดคุยกับนายปลั๊ก (นามสมมติ) เพื่อนของผู้ตาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ฝ่ายผู้ตายได้เดินทางไปร่วมงานวันเกิดของเพื่อน ซึ่งก็ได้มีการเชิญคนต่อ ๆ กัน ทำให้ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย แต่ทั้งนี้ฝ่ายผู้ก่อเหตุได้พบกับกลุ่มคู่อริในบริเวณใกล้เคียง ทำให้ฝ่ายผู้ก่อเหตุบางส่วนได้กลับไปเตรียมอาวุธมาเผื่อปะทะกัน
จากนั้น ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ได้ดื่มสังสรรค์กันต่อ ไม่นานนักฝ่ายผู้ตายบางส่วน ได้มีปากเสียงกับฝ่ายผู้ก่อเหตุ ซึ่งตนคาดว่าต่างฝ่ายต่างเมา จึงเกิดการเขม่นกัน แต่ทั้งสองฝ่ายก็เคลียร์กันได้ เมื่อผ่านไปประมาณ 5 นาที ฝ่ายผู้ก่อเหตุ ก็ได้เรียกรถกระบะมาสมทบ ยกพวกมาเพิ่มอีกประมาณ 10 คน จากนั้นฝ่ายผู้ก่อเหตุ นำโดยนายสินชัย ได้เดินเข้ามาในตัวบ้านพักพลูวิลล่า นายสินชัยได้ปาขวดโซดาเข้ามาในตัวบ้าน พร้อมพูดว่า “มาดิ ๆ ๆ ๆ” แล้วตบกระเป๋าสะพานข้างแสดงให้เห็นว่ามีปืน ตนกับผู้ตายซึ่งอยู่ในบ้านพักพลูวิลล่า จึงได้ปาดขวดกลับไป แล้วไล่กลุ่มผู้ก่อเหตุออกจากตัวบ้านพลูวิลล่า
เมื่อผู้ตายได้เดินไล่กลุ่มผู้ก่อเหตุออกจากตัวบ้านไปแล้ว ผู้ตายกลับถูกกลุ่มผู้ตายเหตุ หลายคนใช้ไม้คิวรุมตี ตนจึงได้วิ่งเข้าไปคิดจะช่วย แต่ยังไม่ทันที่ตนจะวิ่งไปถึงผู้ตาย นายสินชัย ก็ได้หยิบปืนขึ้นมายิงผ่านหน้าตนไป จึงวิ่งเข้าไปต่อยหน้านายสินชัย 1 ครั้ง นายสินชัย ไม่ยอมหยิบปืนขึ้นมายิงอีก 1 นัด ซึ่งตนคาดว่ากระสุนน่าจะถูกที่เพื่อนของตน เนื่องจากเพื่อนของตนล้มลงนอนกับพื้น จากนั้นนายสินขัยก็ได้ยินปืนอีก 1 นัด ผ่านหน้าของตนไป ก่อนจะวิ่งหนีขึ้นรถจักรยานยนต์
โดยในจังหวะนี้ นายเอ็ม ซึ่งถือว่าเป็นมือมืด ก็ได้อ้อมเข้ามาภายในบ้าน แล้วรัวปืน ซึ่งตนไม่ทราบว่ากี่นัด จากนั้นนาย เอ็มก็หายตัวไป ทั้งนี้นายอมรินทร์ ซึ่งยืนอยู่นอกรั้วบ้านพักพลูวิลล่า ก็ได้รัวกระสุนปืนเข้ามาภายในบ้านอีกหลายนัด จากนั้นก็ได้ซ้อนรถจักรยานยนต์หนีไป ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าหระสุนถูกใครบ้าง ตนไม่รู้จักกับฝ่ายผู้ก่อเหตุมาก่อน เนื่องจากการปาร์ตี้มีการเชิญคนปากต่อปากต่อ ๆ โดยตนยืนยันว่าฝ่ายตนไม่มีปืน มีเพียงปืนอัดลมที่ใช้ยิงเล่นกันในปาร์ตี้เท่านั้น เพราะหากฝ่ายตนมีปืน ฝ่ายตนคงต้องยิงสวน แล้วทำไมฝ่ายคนก่อเหตุถึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
