จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อยv+" ได้โพสต์ภาพชายแก้ผ้าเดินอยู่บนถนน ระบุว่า ชายรายนี้ไปก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงทารกวัย 9 เดือน จนมีแผลฉีกขาดที่อวัยวะเพศ หลังชาวบ้านร่วมกันจับตัวได้ จึงจับชายรายนี้แก้ผ้าเดินตามถนนเพื่อประจาน ก่อนนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน ในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
วันที่ 29 ม.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ติดกันกับจุดที่ให้คนก่อเหตุเดินแก้ผ้าห่างกันราว 1.5 กม.
นางแสง (นามสมมติ) แม่ของเด็ก 9 เดือน ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุคือ 19 ม.ค. 64 ช่วง 11.00 น. ขณะนั้นตนเองอยู่ที่ร้านน้ำปั่นกับพี่เลี้ยงลูก และลูกสาว จากนั้นผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเด็กอายุ 17 ปีในชุมนุม มาที่ร้านตนและสั่งน้ำดื่ม ก่อนเข้ามานั่งในร้าน ซึ่งมีแคร่ไม้อยู่ ผู้ก่อเหตุก็มาเล่นหยอกล้อกับลูกสาวตนตามปกติที่เคยทำ ตนเองสอบถามผู้ก่อเหตุว่าทำไมวันนี้กลับจากโรงเรียนเร็ว ผู้ก่อเหตุระบุว่าวันนี้ขี้เกียจเรียน จึงหนีเรียนมา
โดยวันนั้นตนเองได้สั่งสินค้ามาส่งที่ร้าน ช่วงนั้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาถึงที่ตรงข้ามบ้านตน เป็นรถที่นำสินค้าที่ตนสั่งมาส่ง ตนเองได้ออกจากร้านข้ามไปฝั่งตรงข้ามถนน ซึ่งห่างกันเพียงถนน 2 เลน พี่เลี้ยงอยู่กับลูกตนพร้อมผู้ก่อเหตุ ระหว่างนั้นตนเองตรวจสินค้าอยู่ราว 5-10 นาที พี่เลี้ยงเด็กได้เดินตามตนเองมา ตนเองหันไปไม่พบว่าพี่เลี้ยงอุ้มลูกมาด้วย ตนจึงสอบถามว่าลูกสาวตนเองอยู่ที่ไหน พี่เลี้ยงเด็กตอบว่าอยู่กับเด็กที่ก่อเหตุ จากนั้นตนเองรีบตรวจสินค้าและชำระเงิน ก่อนข้ามถนนกลับมาที่ร้าน ไม่พบใครอยู่ในร้านแล้ว จึงวิ่งเข้ามาที่บ้าน ห่างจากที่ขายของเพียง 10 เมตร
เมื่อตนเข้ามาได้ยินเสียงลูกสาวร้อง พบว่าผู้ก่อเหตุนั่งอยู่บนแคร่ ลักษณะยืดขาจับตัวลูกสาวตนเองไว้ เอาเข็มขัดนักเรียนพาดคอตัวเอง เพื่อให้ลูกสาวตนเล่นหัวเข็มขัด จากนั้นก็กระทำการข่มขืน ตนเองรีบเข้าไปดึงตัวลูกสาวออก พบว่ามีคราบอสุจิของคนก่อเหตุติดลูกสาวแล้วที่อวัยวะเพศมีเลือดไหลออกมา ผู้ก่อเหตุถอดกางเกงออกมาครึ่งเดียว ส่วนลูกสาวตนถูกถอดกางเกง และผ้าอ้อมออก
ตนเองสอบถามผู้ก่อเหตุว่ากระทำอะไรลูกสาวตน ขณะนั้นผู้ก่อเหตุปฏิเสธ ตนถาม 2 ครั้งผู้ก่อเหตุปฏิเสธ ตนก็ไม่ได้ซักถามต่อ เพราะรีบพาลูกไปส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย ผู้ก่อเหตุได้สวมกางเกงและรีบเดินหนีออกไปจากบ้าน มุ่งหน้าไปทางโรงเรียน หลังจากนั้นตนเองได้แจ้งสามี และสามีไปตามตัวผู้ก่อเหตุจนพบก่อนจะมีคลิปตามที่ปรากฏ ซึ่งผู้ก่อเหตุรับสารภาพกับสามีว่าเคยลงมือกับคนในหมู่บ้านมาถึง 7 คนแล้ว แต่ไม่เคยมีใครเอาความ เนื่องจากครอบครัวไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน
ตอนนี้ลูกสาวตนอาการปกติ แต่ยังต้องมีนัดหมายไปตรวจเชื้อในร่างกาย พร้อมให้ยาฆ่าเชื้อ เพราะห่วงจะติดเชื้อจากผู้ก่อเหตุ ส่วนตัวที่สามีมีการให้ผู้ก่อเหตุแก้ผ้าเดินประจาน ทำไปเพราะความโกรธที่ลูกสาวถูกกระทำ ตนเองอยากบอกถึงแม่ทุกคนว่าอย่าไว้ใจใคร ถึงแม้ผู้ชายคนไหนเป็นคนสนิทก็ตาม อย่าปล่อยลูกเอาไว้ ส่วนตัวยังรู้สึกชากับเรื่องที่เกิดขึ้น
นายพงษ์ (นามสมมติ) พ่อของเด็กผู้เสียหาย เปิดใจเล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่บ้านออกไปทำงาน เมื่อทราบข่าวตอนนั้นก็รีบกลับมาที่บ้าน ประสานกับเพื่อนให้ไปตามหาเด็กที่ก่อเหตุ ตอนนั้นตนเองได้แต่คิดถึงหน้าลูก และคิดว่าอยากจะเอาผิดคนก่อเหตุให้ต้องติดคุกให้ได้ ระหว่างนั้นพบว่าเพื่อนตนได้เจอตัวคนก่อเหตุที่บริเวณหน้าโรงเรียนของผู้ก่อเหตุ จึงรีบขับรถจักรยานยนต์ตามมา ช่วง 14.00 น. และพาตัวไปคุยที่ข้างทางใกล้จุดดังกล่าวเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ก่อเหตุได้สารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง ตนต้องการนำตัวส่งตำรวจ
แต่ด้วยความที่ยังโกรธ ตนเองยอมรับว่ามีการทำร้ายร่างกายบ้าง และได้ให้ผู้ก่อเหตุถอดเสื้อผ้าหวังจะให้เดินกลับมาที่บ้านตน แต่เดินมาได้เพียง 500 เมตร เพื่อนตนเอารถกระบะมารับก่อนจะขึ้นรถเพื่อนำตัวไปส่งโรงพยาบาล ระหว่างเดินเพื่อนตนจึงถ่ายคลิปไว้เพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น เพื่อให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุมาทำให้ลูกสาวตน ครอบครัวตนต้องอับอาย ตนจึงอยากให้ผู้ก่อเหตุอับอายบ้าง หลังจากนั้น ตนเองได้พาผู้ก่อเหตุขึ้นรถนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายเช่นกัน เพราะตนคิดว่าเวลานั้นผู้ก่อเหตุยังคงมีคราบของอสุจิติดตัวอยู่ ตอนนี้ตนเองก็คุยกับครอบครัวผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งไม่ได้ติดใจเอาความตน อีกทั้งตนก็ถือว่าที่ตนเรียกร้องไปผู้ก่อเหตุได้รับกรรมแล้ว ตนเรียกค่าเสียหายเพิ่มไป 100,000 บาท ตนไม่ได้หวังจะเอาเงิน เพียงแต่ต้องการให้ผู้ก่อเหตุต้องโทษนานขึ้นเท่านั้น
ตนเองเชื่อว่าสังคมน่าจะเห็นใจตน หากเป็นลูกของตัวเองถูกกระทำเช่นนี้จะเข้าใจความรู้สึก ตนไม่ได้ตั้งใจเอาชีวิตผู้ก่อเหตุ ตนแค่สั่งสอนเท่านั้น
นายดำ (นามสมมติ) พ่อผู้ก่อเหตุ อายุ 60 ปี เปิดเผยว่า ตนมีลูกชายคนเดียวปกติลูกคนนี้จะร่าเริง ไม่ค่อยพูด สอนอะไรไปก็ไม่เถียง และจะไม่ทำตาม บอกอย่างจะไปทำอีกอย่าง เป็นเด็กเกเร อายุเพียง 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 เนื่องจากพัฒนาการช้า เรียนซ้ำชั้นบ่อย ตนเองตอนนี้พูดอะไรไม่ถูก ยอมรับว่าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้ตนเองไปเยี่ยมลูกชายช่วงเช้า พร้อมไปคุยเรื่องประกันตัว แต่ไม่ได้พบลูกชาย เนื่องจากอยู่ในช่วงของการกักตัว
โดยส่วนตัวยืนยันว่าจะไม่ประกันตัว ตนเองเห็นว่าลูกชายโง่ พูดไม่ฟัง ก็อยากให้ติดคุก ได้เรียน ไปฉลาดอยู่ในคุก จะไม่ประกันออกมา ส่วนลูกชายตนมีโรคประจำตัวคือไทรอยด์ ส่วนอาการทางประสาทไม่ได้มี ทั้งนี้ ตนไม่เคยรู้เรื่องพฤติกรรมทางเพศของลูกชายมาก่อน เพิ่งมาทราบเรื่อง ปกติลูกก็พักอยู่บ้านเดียวกับตน เรื่องที่ลูกชายถูกประจาน ตนเองไม่ติดใจเอาความ เพราะเข้าใจที่พ่อผู้ก่อเหตึกระทำ ตนไม่โกรธ แต่ตนโกรธลูกชายตน เพราะลูกตนสนิทกับบ้านผู้เสียหาย ไปเล่นอยู่บ้านนั้นบ่อยครั้ง ตนเองก็บอกให้ลูกรับผิดในสิ่งที่ตัวเองกระทำผิด ลูกชายก็สำนึกและเข้าใจ
