กรณีวันที่ 19 ม.ค.64 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ขณะสื่อและยูทูเบอร์กำลังสัมภาษณ์ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ประเด็นเรื่องไม้ที่ชาวบ้านบูชากัน ไม่ใช่ไม้ตะเคียน แต่เป็นไม้มะค่านั้น ลุงพลก็เอามือไปดึงไมค์อมรินทร์ ทีวี จากมือนักข่าว คือ นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือ ฟ้า พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่ว่า “ช่องไหนเนี่ย จับหน่อยถือหน่อย เป็นอะไร”
โดยภายหลังเปิดใจกับรายการโหนกระแส บางช่วงบางตอนรายการได้ต่อสายหาลุงพล เพื่อชี้แจงเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งลุงพลได้กล่าวขอขอโทษ นายนภัส ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ส่วนที่พระอาจารย์พลบอกว่าการกระทำของตนเกิดขึ้นจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงร่าง ตนเชื่อว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และความเครียด
ล่าสุดวันที่ 20 ม.ค.64 นายนภัส กล่าวยืนยันว่า หลังเกิดเหตุจากการถูกทำร้าย ลุงพลไม่ได้มาขอโทษตนหรือแม้แต่การพูดคุยกันแต่คำเดียว โดยพฤติกรรมของลุงพลหลังจากนั้นก็มีการเดินเข้าบ้านไป พร้อมกับเจ้าหน้าที่เพื่อพูดคุยรายละเอียดของไม้ที่อยู่ในบ้าน ซึ่งจุดนี้ก็ไม่มีการอนุญาตให้สื่อเข้าไปด้วย แต่ให้สื่อคอยอยู่ด้านนอก และหลังจากที่ ลุงพลมีการพูดคุย กับเจ้าหน้าที่เสร็จแล้ว ระหว่างที่สื่อมวลชนรอ ลุงพลกลับเดินไปเดินมา และไม่ได้เดินไปหาตนแต่อย่างไร แม้บางจังหวะจะมีการมองหน้าตน แต่ก็ไม่มีการพูดคุยแต่อย่างใด ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร
ทั้งนี้ยืนยันคำเดิมว่า จะไม่มีการเจรจา ไม่พูดคุยใด ๆ หากลุงพลขอโทษก็ขอโทษไป ตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่ขอเรียกค่าเสียหาย เพราะตนมองว่าคนเราเมื่อกระทำใด ๆ ไปแล้ว วันหนึ่งอยากขอขอโทษใครก็พูดได้ทั้งนั้น ก็จบเท่านั้นใช่หรือ เหมือนเป็นการตบหัวแล้วลูบหลัง ซึ่งตนรับไม่ได้ ตอนนี้ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะให้อภัยได้หรือไม่ เพราะหลังจากนี้คงเป็นเรื่องของกฎหมาย คาดว่าหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนคงจะมีการเชิญลุงพล ไปรับทราบข้อกล่าวหา ไม่ใช่เรื่องระหว่างตนและลุงพลอีกแล้ว อย่างที่ลุงพลพูดว่าคนอย่างเขาไม่มีทางทำอะไรใครก่อน ซึ่งวันนั้นตนก็ไม่ได้ทำอะไรลุงพล แต่ลุงพลกลับทำร้ายตน
ขณะเดียวกันตนยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การหยอกล้อ แต่ถือเป็นการจงใจทำร้าย หรือจะเป็นเพราะลุงพลฟิวส์ขาดหรืออะไรใด ๆ ก็ตาม และแม้ว่าลุงพลจะแก้ต่างในทุกประเด็น แต่ภาพมันฟ้อง และให้กฎหมายดำเนินการ
ขณะที่การทำงานต่อจากนี้ไป ซึ่งอาจจะต้องเจอลุงพลอีกครั้ง วันนั้นหากลุงพลเข้ามาจับมือขอโทษ ตนก็อยากให้ถึงวันนั้นก่อน ขอมองสถานการณ์เป็นหลัก แต่การทำข่าวตนพร้อมอยู่แล้ว แต่หากเป็นการพูดคุยกับลุงพลตนยอมรับว่าคงเป็นเรื่องลำบากใจมาก แต่ตนก็ยังคงทำหน้าที่สื่อให้จบสิ้น การทำหน้าที่สื่อมวลชน คงต้องนำเสนอข่าว 2 ด้านต่อไป และรอบด้านตามความจริงทุกอย่าง บางครั้งอาจจะไม่ถูกใจแหล่งข่าวเสมอไป แต่ทุกอย่างคือความจริงที่ต้องรับฟัง แต่หากเป็นยูทูเบอร์อาจจะมีการนำเสนอเพียงแต่ด้านดี ๆ ของลุงพล แต่นี่คือสื่อมวลชนทุกคนต้องเข้าใจว่าสื่อต้องนำเสนอข่าวทุกด้าน
อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ตน ทั้งพี่ ๆ น้อง ๆ ที่โทรมาสอบถาม ไม่ว่าจะเป็นการถามส่วนตัว โซเชียลมีเดีย ในคอมเมนต์ตามเฟซบุ๊กต่าง ๆ ตนได้อ่านและรับรู้เกือบทั้งหมด จึงขอขอบคุณที่ให้กำลังใจ ซึ่งก็จะเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเองต่อไป
นอกจากนี้ ในรายการเอาให้ชัด ของช่องวัน 31 ลุงพลอ้างว่า ขณะนั้นควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เพราะสื่อถามเรื่องค่าใช้จ่ายวัดภูหลวง ทั้งที่เคยตกลงกันว่า งานเสร็จจะแถลง
ขณะที่ข้ออ้างของลุงพลที่ทำร้ายสื่อมวลชน ระบุว่า ไม่มีการบีบคอนักข่าวแต่อย่างใด
ส่วนข้ออ้างการดึงหน้ากากอนามัยของนักข่าว ลุงพล ระบุว่า อยากดูหน้าน้องฟ้า นักข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่ายังรู้สึกดีกันอยู่ไหม?
