จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามลอบยิง
นายทวีศักดิ์ ยอดมณีบรรพต อายุ 54 ปี กำนัน ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย และประธานชมรมม้งแห่งประเทศไทย ขณะขับรถยนต์พาครอบครัวกลับบ้าน บนถนนไกล้แนวชายแดนไทย-สปป.ลาว บริเวณบ้านร่มฟ้าทอง- บ้านผาตัั้ง หมู่ 18 ต.ปอ จนเป็นเหตุให้นายทวีศักดิ์และลูกชายวัย 3 ขวบบาดเจ็บสาหัส ส่วนนางไหมเยีย วงค์นภาไพศาล ภรรยาและ ด.ญ.ธัญญาพร ยอดมณีบรรพต ลูกสาววัย 5 ขวบเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ ( 28 เม.ย.) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทาง ที่คาดว่าคนร้ายอาจจะใช้หลบหนี 2 จุด ซึ่งเส้นทางที่ 1. เป็นเส้นทางเดินเท้าตามแนวของภูเขา ซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ยาวไปตลอดแนวป่า ตามเส้นทางจนถึงสันเขา ซึ่งจุดนี้จะเป็นพื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว จากจุดเกิดเหตุยิงกำนันจนถึงแนวชายแดน รวมระยะทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร โดยการเดินเท้าเข้าไปในพื้นที่เป็นไปด้วยความอยากลำบาก หากไม่ใช่คนในพื้นที่หรือคุ้นชินในเส้นทาง
นายสุทัศน์ มณีแสงดาว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร่มโพธิ์เงิน บอกกับทีมข่าวว่า การเดินเท้าเข้าไปในพื้นที่จนถึงเขตแนวชายแดนนั้น หากเป็นชาวบ้านก็ถือว่าไม่ยากลำบาก เพราะเป็นคนในพื้นที่และคุ้นชินกับเส้นทาง ซึ่งชาวบ้านมักจะใช้เส้นทางนี้ เดินเท้าลักลอบไปพบญาติที่เป็นชาวม้ง ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านทางฝั่งของประเทศลาวอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามบนสันเขาแห่งนี้ จะเดินเท้าเข้าไปได้เพียงบางช่วงเท่านั้น เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเหวลึก และการลักลอบผ่านแนวชายแดนลักษณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เพราะการเข้าออกประเทศต้องผ่านเข้าออกทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น
นายสุทัศน์ ยังเล่าว่า ด้านบนเนินเขาใกล้ชายแดนไทย-สปป.ลาว เป็นเพียงเนินดินปกติ ซึ่งไม่มีหลักแบ่งเขตหรือรั้วกั้น อีกทั้งเป็นเส้นทางที่ไม่มีตำรวจหรือทหาร ทำให้เป็นช่องทางที่สามารถเดินข้ามไปมาได้โดยสะดวก ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุหมู่บ้านร่มโพธิ์เงิน ที่อยู่ไม่ห่างจุดเกิดเหตุมากนัก คาดว่าชาวบ้านบางส่วนอาจจะได้ยินเสียงปืน แต่อาจแยกไม่ออกเพราะเสียงปืนมีลักษณะคล้ายประทัด
ส่วนเส้นทางที่ 2 จะเป็นเส้นทางเดินเท้าซึ่งเป็นเนินเขา และมีต้นไม้ไม่สูงมากนักสามารถเดินข้ามไปขึ้นรถยนต์ที่คนร้ายอาจจะนำมาจอดไว้สำหรับหลบหนีไปยังอีกฝั่งหนึ่งของภูเขาได้ ซึ่งเส้นทางนี้มีระยะทางห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 100 เมตร เท่านั้น ทีมข่าวยังได้ทดลองเดินตามเนินเขา พร้อมจับเวลาจากจุดเกิดเหตุถึงจุดที่คาดว่าคนร้ายอาจจะนำรถมาจอดไว้ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 100 เมตร ใช้เวลาในการเดินเท้าตามเส้นทางดังกล่าวประมาณ 2 นาที
แต่หากคนร้ายวิ่ง จะใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ซึ่งถ้าคนร้ายใช้เส้นทางนี้เมื่อข้ามเนินเขาออกไปแล้ว จะสามารถขับรถหลบหนีออกไปได้ ซึ่งในเส้นทางจะต้องผ่าน
รีสอร์ทสุตตะฟาร์ม ที่อยู่ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้มีโอกาสคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวโดยได้ชี้จุดตาม GPS ให้ทีมข่าวดู พร้อมระบุว่า ระยะทางที่คนร้ายอาจจะใช้หลบหนีเป็นเส้นทางเดินเท้าตามสันเขา มีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร จากภูชี้ฟ้าถึงภูดาว และระหว่างทางจะมีบางจุดที่สามารถเดินข้ามชายแดนได้ แต่บางจุดเดินไม่ได้เพราะเป็นเหวลึก
หากคนร้ายใช้เส้นทางนี้หลบหนีข้ามไปยังฝั่งประเทศลาวได้จะพบกับหมู่บ้านม้ง ที่อยู่ห่างจากเส้นเขตแดนประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งในเส้นทางนี้จะไม่มีถนนต้องเดินเท้าเท่านั้น ถัดไปจะเป็นหมู่บ้านเย้า ห่างเส้นเขตแดนประมาณ 5-6 กิโลเมตร และหมู่บ้านขมุ ห่างออกไปอีกประมาณ 10-13 กิโลเมตร
ด้าน
ลุงซื่อ วัย 55 ปี ชาวบ้านห้วยหาน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ใน ต.ปอ มีหมู่บ้านอยู่ราว 27 หมู่บ้าน มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 20,000 คน และยังถูกทางการมองว่าเป็นพื้นที่สีแดง ที่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ส่วนตัวไม่สามารถบอกได้ว่ามีหมู่บ้านไหนบ้างที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่หมู่บ้านห้วยหานที่ตนอาศัยอยู่ได้มีการแก้ปัญหาด้านกลุ่มผู้เสพ-ผู้ค้า ไปได้เกือบหมดแล้ว
ลุงซื่อ ยังบอกว่า มีผู้นำชุมชนในพื้นที่หลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกำนันทวีศักดิ์ที่ออกมาร่วมกันรณรงค์ และแก้ปัญหา ไม่อยากให้คนในชุมชนไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนตัวไม่เชื่อว่าการที่กำนันทวีศักดิ์เข้ามาร่วมรณรงค์ห้ามคนไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะเป็นปมการลอบสังหารในครั้งนี้
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางมาที่
รีสอร์ทสุตตะฟาร์ม จากการสอบถามคนดูแลรีสอร์ท ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดสังเกตเพราะตนอยู่ในห้อง แต่มาทราบข่าวหลังเกิดเหตุแล้ว และรีสอร์ทแห่งนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิด และยังบอกอีกว่า ก่อนและหลังวันเกิดเหตุลอบยิงกำนันทวีศักดิ์ ไม่พบว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ มีเพียงกลุ่มนักท่องเที่ยวเท่านั้น