จากกรณี วันที่ 30 ธ.ค.63 เมื่อเวลา 17.30 น. พ.ต.ท.เฉลียว ท้ายฮู้ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณถนนทางออกด้านหลังห้างดังแห่งหนึ่งสาขาใหญ่ ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อนายสัณเพชร ทองช่วย อายุ 31 ปี และผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย คือนายอัครพล ศรีทองมา อายุ 31 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุได้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐานภูเก็ตแพทย์เวรชันสูตรโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบ
ล่าสุดวันที่ 31 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณ ทางเข้า-ออกด้านหลัง ห้างสรรพสินค้าสาขาใหญ่ ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต บริเวณจุดเกิดเหตุพบว่าห้างสรรพสินค้ายังคงเปิดให้ใช้บริการตามปกติ
นางส้ม อายุ 35 ปี พนักงานร้านขายของชำใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า เหตุเริ่มจากช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ขณะที่ตนกำลังขายสินค้าอยู่ที่ร้านขายของชำ บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ พบผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาซื้อน้ำดื่ม ก่อนที่จะเดินออกไปรอบริเวณรถยนต์วีออส สีดำ ที่ขับมาจอดใกล้หน้าร้าน
จากนั้น เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้เสียชีวิตได้นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ของเพื่อนผู้บาดเจ็บมาจอดพูดคุยกับทางผู้ก่อเหตุ ตนคิดว่าเป็นการพูดคุยกันปกติ แต่เวลาผ่านไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นขึ้น 3 นัด ตอนแรกที่ได้ยินเสียงปืน ตนพยายามจะวิ่งออกไปดู แต่มีชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาบอกว่าอย่าออกไปดู เพราะอันตราย ตนจึงรออยู่ในร้านขายของชำสักพัก เมื่อเห็นผู้ก่อเหตุเดินขึ้นรถขับออกไปจากจุดเกิดเหตุ ตนจึงออกไปดู พบนายสัณเพชร ทองช่วย อายุ 31 ปี ผู้เสียชีวิต เป็นเจ้าหน้าที่แผนกดูแลระบบงานมินิมาร์ต ของห้างฯ อยู่ในสภาพนอนหงายบนถนนสภาพ เลือดไหลนองศีรษะ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กระสอบปุ๋ยภายในมีเหล็กยาวประมาณ 100 ซม.
ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย เป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายอัครพล ศรีทองมา อายุ 31 ปี ถูกยิงเข้าบริเวณลำคอทะลุบริเวณหลังหูด้านขวา ลำตัว และพนักงานที่เห็นเหตุการณ์จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถพยาบาลเข้าทำการช่วยเหลือ
จากการสอบถามปมเหตุทราบว่าคู่กรณีทั้ง 2 คน เป็นเพื่อนที่อยู่แผนกเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นคนจังหวัดเดียวกันที่พัทลุง มีปัญหาผิดใจเลยนัดเคลียร์กันบริเวณจุดเกิดเหตุ แต่เตรียมอาวุธมาทั้งคู่จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ขณะที่ญาติเดินทางมาที่นิติเวช โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต อ.เมืองภูเก็ต เพื่อรับศพผู้เสียชีวิตกลับบ้านเกิด ประกอบพิธีกรรมศาสนาที่ จ.พัทลุง นายป๊อป พี่ชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติแล้วผู้เสียชีวิตเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เพื่อนบ้านต่างรักใคร ส่วนตัวตนไม่รู้จักหรือเห็นหน้ากับผู้ก่อเหตุมาก่อน จึงไม่รู้ว่าปมเหตุที่เกิดขึ้นทั้งคู่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องอะไร อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนคิดว่าทางฝั่งผู้ก่อเหตุทำเกินไป จึงอยากให้ตำรวจดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนของกฎหมาย
ล่าสุดที่ สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.ภรศักดิ์ นวนหนู ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สอบปากคำนายอัครวัฒน์ มณีบัวรัตน์ อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า นายสัณเพชร ผู้เสียชีวิต กับนายอัครพล ผู้บาดเจ็บ ทำงานอยู่แผนกเดียวกัน แต่อยู่คนละชุด มีปัญหากันมาก่อนหน้านี้
โดยผู้ก่อเหตุได้มีการโพสต์ข้อความลงในสตอรี่เฟซบุ๊ก ในลักษณะเตือนสติก่อนที่ผู้ตายจะเข้ามาแสดงคอมเมนต์อิโมติคอนด้วยการหัวเราะ จากนั้นมีการพูดคุยผ่านข้อความส่วนตัว ผู้ก่อเหตุถามผู้ตายว่าคอมเมนต์ด้วยข้อความหัวเราะทำไม และผู้ตายตอบกลับว่า ทำไมจะไม่ได้เพราะโทรศัพท์ของกู จึงเกิดความไม่พอใจกันขึ้น และมีการนัดเจอกันในช่วงเย็น
จากนั้น นายสัณเพชร ผู้เสียชีวิต ขี่รถจักรยานยนต์มาพร้อมเพื่อนผู้ได้รับบาดเจ็บ เพื่อมาดักรอ มีการพกเหล็กยาวใส่กระสอบปุ๋ยมาด้วย ผู้ตายชักเหล็กจะเข้าทำร้ายก่อน จึงชักอาวุธปืนที่เตรียมมายิงใส่ หลังก่อเหตุจึงขับออกไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองภูเก็ต
จากนั้น ได้ควบคุมตัวนายอัครวัฒน์ ผู้ต้องหา ไปชี้จุดเกิดเหตุ ในขณะที่กำลังชี้จุดเกิดเหตุ มีบรรดาเพื่อนร่วมงานของผู้ตาย วิ่งเข้ามาเพื่อรุมประชาทัณฑ์แ ต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถล็อกตัวเอาไว้ทัน ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดภูเก็ต ดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น
นายเอส เพื่อนสนิทผู้ตาย เปิดเผยว่า ทั้ง 2 คนไม่ถูกกันมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกันเลย ทำงานอยู่ในแผนกเดียวกัน แต่คนละกลุ่ม ก่อนเกิดเหตุเมื่อวานช่วงเช้า ทั้ง 2 คนมาทำงานปกติ ไม่ได้หยุดงาน
ผู้ก่อเหตุได้ส่งรูปอาวุธปืน .38 มาในไลน์ส่วนตัวของผู้ตาย ผู้ตายจึงส่งรูปสติกเกอร์หัวเราะไปให้ผู้ก่อเหตุดู หลังจากนั้น ได้มีการท้าทายกัน และนัดเคลียร์กันที่บริเวณลานจอดรถทางเข้าจุดส่งสินค้าใกล้ที่ทำงาน และเกิดเหตุสลดขึ้น
นางอำภา ทองช่วย แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ลูกชายไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต 4 ปี ไม่เคยมีเรื่องหรือผิดใจกับใคร ตนเคยเป็นห่วงและถามเรื่องความปลอดภัยขณะที่ทำงานอยู่ที่ภูเก็ต แต่ลูกชายบอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัว เพื่อนที่ทำงานก็ดีทุกคน ตามปกติลูกชายจะกลับบ้านบ่อยครั้ง และทุกครั้งจะมีเพื่อนมาเที่ยวด้วย เพราะลูกชายมีเพื่อนเยอะ
ล่าสุดกลับมาบ้านเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 63 พาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วย ลูกชายเป็นคนชอบช่วยเหลือเพื่อนฝูง ใจใหญ่ มีแต่ให้ เมื่อวานนี้ ลูกชายโทรมาบอกพ่อว่าให้ไปหาซื้อมะพร้าวเอาไปให้งานศพญาติของเพื่อนที่อยู่ในละแวกเดียวกัน โทรมา 2 ครั้ง และพูดถึงเรื่องซื้อมะพร้าวเรื่องเดียว แต่ไม่มีลางสังหรณ์ การพูดคุยเป็นไปตามปกติ ลูกชายยังบอกด้วยว่าให้ตนเข้าไปร่วมงานศพญาติของเพื่อนด้วยส่วนเงินทำบุญจะโอนมาให้
ทั้งนี้ เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชาย ตนรู้สึกเสียใจมาก พูดอะไรไม่ออก เพราะลูกชายไม่เคยเล่าให้ฟังเรื่องการขัดแย้งกับใครและตนจะไม่ให้ผู้ก่อเหตุมาขอขมาศพลูกชาย เพราะไม่มีประโยชน์ ตนก็ทำใจไม่ได้ที่ผู้ก่อเหตุทำกับลูกชายอย่างเหี้ยมโหด เพราะลูกชายเป็นคนดูแลครอบครัวมาตลอด โดยเฉพาะในเรื่องค่าใช้จ่ายของครอบครัว ส่วนเรื่องคดีก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย