มท.แจง ประจวบฯ มีจนท.-สถานที่กักตัวแรงงานต่างด้าวพร้อม

25 ธ.ค. 63

มท.แจงกรณีเจอปัญหาขาดผู้รับผิดชอบในการควบคุมตัวแรงงานต่างด้าว ระหว่างรอผลตรวจโควิดใน จ.ประจวบฯ ยืนยันทางจังหวัดมีสถานที่กักตัว และมี จนท.พร้อมดูแลรับผิดชอบ

จากกรณีมีสื่อรายงานปัญหาการปฏิบัติงานและการจับกุมแรงงานต่างด้าว ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยอ้างอิงแหล่งข่าวระดับปฏิบัติงาน ซึ่งระบุว่าภายหลังจับบุคคลต่างด้าวได้แล้ว กลับไม่มีสถานที่กักตัวเพื่อรอดูอาการ และระยะเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาถึงในพื้นที่ ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทำให้เจ้าหน้าที่หน้างานเฝ้าที่จุดเกิดเหตุข้ามวันข้ามคืนเพื่อรอจนกว่าจะทราบผลตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจจึงต้องใช้เงินส่วนตัวดูแลแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุมตัว โดยไม่มีงบประมาณจากทางจังหวัดมาสนับสนุน ทั้งนี้ มีรายงานว่าพบปัญหานี้ในพื้นที่อื่นๆ เช่นกัน ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขอาจส่งผลต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จนท.ด่านศุลกากร ประจวบคีรีขันธ์ ติดโควิดจากผู้ป่วยรายแรกที่สมุทรสาคร

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 63 สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีดังกล่าว ได้รับรายงานการชี้แจงข้อเท็จจริงจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดังนี้

1. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 63 เวลา ประมาณ 21.30 น. ณ หมู่ที่ 5 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอำเภอได้รับแจ้งจากชุดตรวจ/จุดสกัดบ้านหนองเสือ ว่ามีชาวบ้านพบแรงงานต่างด้าวหลบอยู่หลังหมู่บ้านบริเวณสวนยาง ปลัดอำเภอพร้อม สมาชิก อส. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ. ได้เดินทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อพิสูจน์ทราบ โดยพบแรงงานต่างด้าวเพศหญิง อายุประมาณ 30 ปี จำนวน 1 คน และเด็กชาย อายุประมาณ 10 ขวบ จำนวน 1 คน เด็กหญิง อายุประมาณ 4 ขวบ จำนวน 2 คน เป็นผู้ติดตาม จึงได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคล พบว่าหญิงวัย 30 ปี เป็นแรงงานต่างด้าวถูกต้องตามกฎหมายมีเอกสารเดินทาง (Passport และ Visa) ที่ไม่หมดอายุประกอบกับมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง ซึ่งระบุว่าทำงานที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร

จากการสอบถามเบื้องต้นอ้างว่า ตนและผู้ติดตามมีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศเมียนมาในช่วงปีใหม่ผ่านช่องทางธรรมชาติ ได้ว่าจ้างให้คนมาส่งที่เกิดเหตุเพื่อจะเดินทางเข้าไปฝั่งเมียนมาในวันรุ่งขึ้น แต่ถูกควบคุมตัวเสียก่อน ชุดเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อตรวจหาเชื้อ โควิด-19 แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่สามารถเดินทางเพื่อมาเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อฯ ได้ ต้องรอเช้าวันรุ่งขึ้น ประกอบกับผู้ถูกควบคุมตัวไม่ได้เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยมีเอกสารถูกต้อง มีนายจ้างถูกต้อง ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทราบผลตรวจหาเชื้อฯ พบว่าผลออกมาเป็นลบ จึงได้ประสานนายจ้างที่ จ.ชุมพร ให้มารับตัวกลับไปตามภูมิลำเนาที่ทำงาน พร้อมทั้งได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ณ สภ.อ่าวน้อย เรียบร้อยแล้ว

2. ตามที่มีการอ้างว่าภายหลังจับบุคคลต่างด้าวได้แล้ว กลับไม่มีสถานที่กักกันตัวเพื่อดูอาการนั้น ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ชี้แจงว่า ได้มีการเตรียมจัดหาสถานที่สำรองเพื่อเป็นสถานกักกันตัว สำหรับบุคคลที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไว้ในพื้นที่ของจังหวัด จำนวน 8 อำเภอ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ที่ผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมีจำนวนน้อย และไม่บ่อยครั้งที่หน่วยงานจับกุมจะเป็นผู้ควบคุมและกักกันตัวเพื่อรอผลตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งหากผลเป็นลบก็จะส่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่เพื่อดำเนินคดีต่อไป ประกอบกับสถานีตำรวจในพื้นที่มีสถานที่เพื่อกักกันตัวเพียงพอ ซึ่งไม่ขัดข้องที่จะควบคุมตัวไว้ก่อนส่งดำเนินคดี

3. กรณีที่อ้างว่ากว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาถึงในพื้นที่ ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทำให้เจ้าหน้าที่หน้างานต้องอดหลับอดนอน เฝ้าที่จุดเกิดเหตุข้ามวันข้ามคืนเพื่อรอจนกว่าจะทราบผล และหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สถานีตำรวจ และค่ายตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งต้องดำเนินการตามแผนของจังหวัดต่างปฏิเสธ อ้างว่าเป็นเพียงแผนเท่านั้น จังหวัดขอเรียนชี้แจงว่าในกรณีที่ได้รับแจ้งว่ามีการควบคุมตัวบุคคลต่างด้าว เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายปกครองอำเภอ ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต. จะเข้าไปตรวจสอบและควบคุมและคัดกรองเบื้องต้นโดยทันที ซึ่งปกติจะมีการพบและควบคุมตัวในพื้นที่ตามแนวชายแดน ในช่วงเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลา 20.00 น. จนถึงช่วงเช้า ทำให้หน่วยงานสาธารณสุขที่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีอุปสรรคในการเข้าพื้นที่ชายแดนในช่วงระยะเวลากลางคืน ชุดเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องควบคุมตัวไว้ ณ จุดที่เกิดเหตุเพื่อเป็นป้องกันเชื้อฯ ไปเบื้องต้นไว้ก่อน แล้วรอจนกว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่มีเครื่องมือสำหรับตรวจสารคัดหลั่ง เข้าตรวจสอบคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 จนกว่าจะทราบผลตรวจ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ควบคุมกักกันตัวหรือส่งดำเนินคดีต่อไป

สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มีหน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 นั้น ในแต่ละวันจะมีหน้าที่ตรวจหาเชื้อผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นจำนวนมาก บางครั้งต้องตรวจหลายที่ และห้อง LAB ในแต่ละวันมีข้อจำกัดจำนวนรอบที่จะรับตรวจหาเชื้อโควิด โดยแบ่งเป็นรอบๆ ดังนี้ 1) เวลา 10.00 น. ผลตรวจจะออก 18.00 น. 2) เวลา 14.00 น. ผลตรวจจะออก 20.00 น. 3) เวลา 20.00 น. ผลตรวจจะออก ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งสถานีตำรวจในพื้นที่ และค่าย ตชด. ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องการรับมากักกันตัวในระหว่างที่รอผลตรวจหรือรอส่งดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยจะควบคุมตัวและดูแลเป็นอย่างดีจนกว่าจะทราบผลตรวจที่ชัดเจน สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่จะเข้าตรวจหาเชื้อฯ จะเข้าพื้นที่เกิดเหตุโดยทันทีถ้าได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่ควบคุมตัว แต่ถ้าหลังเวลา 20.00 น. จะเข้าตรวจหาเชื้อฯ ในวันรุ่งขึ้น

4. กรณีเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจต้องใช้เงินส่วนตัวดูแลแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุมตัว โดยไม่มีงบประมาณจากทางจังหวัดมาสนับสนุน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้มีการสั่งการให้มีการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด โดยใช้งบประมาณจากจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรในการตั้งด่านในเขตอำเภอแต่ละอำเภอ โดยอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีจำนวน 11 จุด ค่าอาหาร 3 มื้อ ๆ 50 บาท จำนวน 10 คน/จุด/วัน ซึ่งเพียงพอ ทั้งนี้ อำเภอได้มีการประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านชายแดนทุกหมู่บ้านที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดซึ่งแจ้งว่ามีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อสกัดกั้นการหลบหนีเข้าเมืองบุคคลต่างด้าว สำหรับกรณีจับกุมแรงงานต่างด้าวแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้จัดหาอาหารและน้ำดื่มไว้ให้ เพื่อเป็นไปตามหลักมนุษย์ธรรมที่ดีพร้อมทั้งดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งโดยปกติไม่ได้มีผู้หลบหนีจำนวนมากประกอบกับ ณ จุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ได้มีการจัดประกอบเลี้ยงชุดจุดตรวจ/จุดสกัดอยู่แล้ว ซึ่งสามารถที่จะแบ่งปันให้กับแรงงานต่างด้าวที่ควบคุมตัวไว้ได้

5. กรณีมีการรายงานว่าพบปัญหานี้ในพื้นที่อื่น ๆ เช่นกัน ขอเรียนชี้แจงว่าในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั้น ตามช่องทางธรรมชาติจะมีความลำบากในการเดินทางข้ามผ่านแดน ยกเว้นในพื้นที่อำเภอเมืองฯ ซึ่งด้านฝั่งตรงข้ามจะเป็น ตำบลมูด่อง ซึ่งมีเส้นทางคมนาคมที่สามารถจะเดินทางไปจังหวัดมะริดหรือพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปสะดวก จึงมีผู้เข้าเมืองเป็นปกติ ตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทยได้มีการสั่งการให้ปิดจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ไม่ให้เดินทางเข้า-ออกประเทศ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จึงได้มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดตลอดพื้นที่แนวชายแดน หมู่บ้านตำบลชายแดน และพื้นที่ตอนใน จึงทำให้มีผู้หลบหนีเข้าเมืองเป็นจำนวนน้อยโดยเดือนละประมาณไม่เกิน 15 รายเท่านั้น

จังหวัดมีมาตรการในการแก้ปัญหา ดังนี้ 1) กรณีที่มีผู้หลบหนี้เข้าเมืองเป็นจำนวนมาก จังหวัดได้จัดเตรียมสถานที่กักกันไว้รองรับทุกอำเภอแล้ว เพื่อรอผลตรวจหาเชื้อและดำเนินคดีต่อไป แต่หากกรณีมีจำนวนน้อยจะใช้มาตรการตาม พ.ร.บ. ควบคุมโรคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้มาตรการกักกันตัว ณ จุดเกิดเหตุจนกว่าจะทราบผลตรวจที่ถูกต้อง 2) สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในสถานกักกันตัวฯ จังหวัดได้มีการเตรียมพร้อมเพื่อสนับสนุน จากงบประมาณในการป้องกันและยับยั้งสาธารณภัย (งป.ฉุกเฉิน) ในกรณีหากมีผู้หลบหนีเข้าเมืองจำนวนมากในคราวเดียวกัน 3) เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะมีชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อออกตรวจสารคัดหลั่งเชื้อโควิด-19 ทันที ถ้ามีการร้องขอ อีกทั้งจังหวัดจะดำเนินการจัดอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกตำบลให้สามารถตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ได้ พร้อมทั้งสนับสนุนชุดตรวจหาเชื้อประจำใน รพ.สต. ในพื้นที่ใกล้ชายแดนทุกตำบล เพื่อส่งไปตรวจในห้อง LAB โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ได้ทันที 4) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดตามมาตรการในการป้องกันและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ในประเด็นที่เกี่ยวข้องในการควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวระหว่างรอผลตรวจไวรัสโควิด-19

 

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ