"เอกราช สุวรรณภูมิ" เจ้าพ่อเพลงดังล้านตลับ หลงระเริงชื่อเสียงเงินทอง จนต้องกลับไปทำนา!

17 ธ.ค. 63

นักร้องลูกทุ่งล้านตลับ "เอกราช สุวรรณภูมิ" เจ้าของเพลงฮิต "กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง" ล่าสุดมาเล่าเรื่องราวชีวิตในรายการ ต้มยำอมรินทร์ แบบหมดเปลือก หลังโด่งดังมีเงินทองมากมาย แต่กลับเดินผิดทาง หลงระเริงกับชื่อเสียงและเงินทอง ใช้ฟุ่มเฟือย ซื้อรถหรูกว่า 30 คัน ทำธุรกิจก็ขาดทุนเกือบหมดตัว งานหดหายจนต้องกลับไปทำนา แต่ล่าสุดกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในวงการเพลง เชื่อยังไม่หมดยุค เพราะยังมีแฟนคลับติดตามผลงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "โย ทัศน์วรรณ" ขึ้นแท่นเน็ตไอดอลสูงวัย รวมเพื่อนนักแสดง "แก๊งนางพญา" ทำคอนเทนต์ออนไลน์!!
- เปิดปมในใจ "หยวน ดราก้อนไฟว์" ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว
- "พรฟ้า ปุณิกา" ปิดเส้นทางประกวดนางงาม 8 ปี อยากผลิตนางงามคุณภาพสู่เวทีโลก!
- "แจง วราพรรณ" ใช้ธรรมะเยียวยาใจ ต่อสู้มะเร็งเต้านมกว่า 5 ปี
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่     

s__66076718

ถาม เพลงกระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ทำให้ดังระเบิดเลยใช่ไหม

เอกราช สุวรรณภูมิ : เพลงนี้ทำให้เทปขายได้ล้านหกแสนตลับ เพลงนี้เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ


ถาม ถ้าให้พูดถึงความโด่งดังตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

เอกราช สุวรรณภูมิ : ตอนนั้นไปที่ไหนคือดังไปถึงหมดเลยครับ ทุกที่เปิดหมดเลย มีงาน 2-3 งานต่อคืน เป็นแบบนี้ต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปี ตอนที่กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ดังเปรี้ยงออกมาประมาณปี 43 แล้วก็มีเพลงดังต่อเนื่อง สัญญาห้าบาท ขอแค่รู้ข่าว 3 เพลงนี้เป็นเพลงของครูสลาแต่งให้ทั้งหมดเลย เป็นครูเพลงที่เปลี่ยนชีวิตให้กับผม


ถาม แล้วตกใจไหม จากนักร้องโนเนมดังภายในข้ามคืน

เอกราช สุวรรณภูมิ : รู้สึกดีใจมากที่สุดครับ เพราะผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ เลย ชอบไม่ชอบ หนีโรงเรียนมาร้องเพลงเลย เข้ามาในกรุงเทพฯ ก็เพื่อมาเป็นนักร้อง แต่เราก็ยังไม่ได้เป็นนะครับ นักร้องลูกทุ่งก็ต้องมาสู้ชีวิตครับ เข้ามาก็มาขายขนมปังสังขยา ขายลูกชิ้น แบกหามน้ำแข็ง ทำอยู่หลายปีครับ กว่าจะได้มาเป็นนักร้อง รอและหาประสบการณ์ รู้จักคนเยอะๆ ไว้ก่อน เพื่อไปสมัครร้องเพลงตามร้านอาหารต่างๆ ไปสมัครที่ร้านอาหาร เราก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟก่อน


ถาม สิ่งที่มาพร้อมกับความสำเร็จคือชื่อเสียงและเงินทองมากมาย

เอกราช สุวรรณภูมิ : สมัยที่เรามีชื่อเสียง เราเงินทองเยอะ แต่เพราะเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง พอเห็นเงินแสน เงินล้าน ได้เงิน ได้ทองก็อยากลงทุนนั่นนี่ อยากเปิดร้านอาหาร อยากไปทำธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพราะพรสวรรค์ของเราไม่ได้ให้มา


ถาม แปลว่าช่วงนั้นที่เงินผ่านมือเราเยอะ เราเอาเงินไปลงทุน แต่มันก็ไม่ใช่ความผิด เพราะเรามีความสนใจ แต่เพราะความไม่รอบคอบในการใช้เงิน เพราะเอาเงินไปเปลี่ยนรถถึง 30 คัน

เอกราช สุวรรณภูมิ : (หัวเราะ) คือชอบครับ พอเราเห็นรถรุ่นไหนดี เราขับมาหมดแล้ว สมมติว่าเราขับคันนี้มา 2-3 ปี พอเริ่มซ่อมเราก็เปลี่ยน เพราะเราต้องใช้รถในการทำงาน ก็ทำแบบนี้มาตลอด ขายซื้อใหม่ เพราะมันมีรุ่นใหม่ออกมาเรื่อยๆ เราใช้ไม่กี่ปี เราก็ขายซื้อใหม่ มันก็เลยกลายเป็นเงินทุกบาทที่เราหามา ไปอยู่กับรถหมดเลย

s__66076717

ถาม ตอนนั้นไม่รู้สึกเสียดายเลยเหรอ เงินที่เราหามาไปอยู่กับรถหมดเลย

เอกราช สุวรรณภูมิ : มันเป็นความชอบของผมด้วย ผมเป็นคนขับรถเร็วด้วย 160 - 170 แต่ไม่แนะนำให้ขับเร็วแบบนี้นะครับ ที่เราขับเร็ว เราต้องไปต่ออีกงานสองงาน แต่ถ้าเราขับรถเก่า ถ้าเกิดเสียกลางทางเวลาที่เราไปงาน ก็จะเสียงานไปด้วยและด้วยความที่ชอบ ถ้าย้อนกลับไปได้เราคงไม่เอาแล้วครับ


ถาม เราหลงระเริงกับชื่อเสียงและเงินทองไหม

เอกราช สุวรรณภูมิ : หลงแน่นอน ไม่ผิดครับ ถูกต้อง เพราะอย่างที่ผมว่า เราเป็นเด็กบ้านนอก ไม่เคยเห็นเงินหมื่น เงินล้าน อย่างวันนี้เราได้เงินมาสองแสน เราก็ใช้หมดเลยวันนี้ เพราะเราคิดว่าพรุ่งนี้เราก็หาได้อีก ซื้อของแบรนด์เนม เลี้ยงเพื่อน


ถาม เราเพลินกับการมีชื่อเสียงเงินทองแบบนี้ แล้วจุดไหนที่เกิดสะดุด แล้วตื่นขึ้นมา

เอกราช สุวรรณภูมิ : มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเบื่อกับการใช้ชีวิต เบื่อท้องถนนที่ต้องตะลอนไปหาเงินหาทอง แล้วก็ด้วยความที่เราเป็นนักร้องมา 20 ปี เรามีทุนอยู่ก้อนหนึ่ง เราก็ไปลงทุนปลูกมันสำปะหลัง ก็ปลูกได้มา 2 ปี บางทีก็มีแมลงกินบ้าง เงินที่เราลงทุนไปก็สูญเสียไป ผมก็ไปทำนาอยู่บ้าน แล้วก็เป็นช่วงที่งานเริ่มซาด้วย มันหดหายหมดทุกอย่างด้วย เราเลยไปทำนาอยู่บ้าน ผิวเราก็ดำเพราะเราตากแดด


ถาม แล้วมีคนทักไหมว่าดังก็ดังแล้วทำไมมาทำนา

เอกราช สุวรรณภูมิ : มีทักเยอะครับ แต่ทำยังไงได้ เพราะอยู่กรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายเราก็เยอะ เงินทองเราก็ไม่ค่อยมีแล้วช่วงนั้น เงินเก็บเราก็เอาไปลงทุน ก็เหมือนละลายน้ำไป ส่วนเงินเก็บก็มีบ้างครับ แต่มันก็ไม่ได้มีขนาดนั้น ขนาดที่ว่าอยากจะเปิดร้าน อยากจะซื้อรถแพงๆ แบบนั้นไม่ได้แล้ว แต่ถ้าอยู่กินแบบสบายๆ เราก็พอได้อยู่ครับ

s__66076720

ถาม เรานึกเสียใจไหมกับสิ่งที่เราทำลงไป

เอกราช สุวรรณภูมิ : ผมก็นึกย้อนว่าไม่เป็นไร เราเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง เราหาด้วยหน้าแข้งของเรา หมดไปก็ไม่เป็นไร เรากลับไปอยู่บ้าน ชีวิตของเราก็ยังมีวาสนา ผมก็กลับขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ อีกครั้งกับบริษัทโฟร์เอสไทยแลนด์ได้ 5 ปี ก็ทำอัลบั้มเจียลออ ออกมาร้อยกว่าเพลง ทุกวันนี้ผมอยู่ได้เพราะอัลบั้มเจียละออ เป็นภาษาเขมรแปลว่าเป็นเพลงที่มีคุณภาพของอาจารย์ อย่างเพลง น้ำท่วม และต่างๆ ผมก็นำมาขับร้อง โฟร์เอสเขาก็ขายได้ ผมก็มีงานรำวงคอมโบ ทำให้เรากลับมาเดินสายทำงานอีกครั้ง แต่ไม่ได้หวือหวาแบบเมื่อก่อน เพราะว่าทุกวันนี้ ศิลปินเยอะแยะมากมายเหมือนดอกเห็ดเลย เป็นลูกทุ่งอินดี้ ลูกทุ่งอีสาน แต่ก็มีคนถามว่าของเราจะหายไปไหม จริงๆ ไม่หายครับ เพราะรุ่นอายุ 50 - 60 ยังฟังเราอยู่


ถาม ผู้ชายคนนี้มีความเชื่อ เขาเป็นคนที่ขับรถเร็วมาก เชื่อว่าตัวเองรอดพ้นจากการที่ประสบอุบัติเหตุแรงๆ มาได้หลายครั้งเพราะแขวนพระพิฆเนศที่ได้มาจากกัมพูชา

เอกราช สุวรรณภูมิ : ใช่ครับ อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ พ่อผมเป็นศรีสะเกษ ได้มอบพระพิฆเนศให้ผม ตอนที่ผมเข้ามากรุงเทพฯ แล้วก็มาสร้างชื่อเสียงด้วยพระพิฆเนศ ผมก็ให้คำสาบานว่าผมจะไม่ทานเนื้อวัว ไม่ทานมา 10 กว่าปีแล้ว ในช่วงที่ผมไปวิ่งงานสามงาน ช่วงกระเป๋าแบนแฟนทิ้งฮอตๆ ตอนนั้นเป็นหน้าฝนด้วย วันนั้นผมมีงานที่ปากน้ำ แล้วมารังสิต และงานสุดท้ายที่กาญจนบุรี คืนเดียวกัน แล้วเราขับเอง ซึ่งการเดินทางไปที่กาญฯ คือ สามชั่วโมงกว่าๆ แต่ผมขับแค่ชั่วโมงครึ่ง แต่ห้ามทำตามนะครับ ไม่ปลอดภัยเลย แล้วเจ้าภาพเขาโทรตามเราว่าพี่อีก 10 นาทีนะ แฟนคลับเริ่มรอไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นเราก็กำลังเข้าเส้นกำแพงแสนแล้ว แต่มีกระบะคันหนึ่งขับมา อยู่ๆ ก็เบรคกะทันหัน เราไม่มีที่ไป แล้วฝั่งที่สวนมาเป็นสิบล้อ อีกฝั่งคือข้างทาง แต่เป็นหญ้า ยิ่งทำให้ความเร็วของเรายิ่งพุ่ง เบรคอะไรไม่อยู่แล้ว ผมชนกับเสาไฟฟ้าขาดเลย เครื่องบีเอ็มคือหลุดออกจากตัวรถ พระพิฆเนศที่ผมใส่อยู่กระเด็นไปอยู่ตรงกระจกหน้า ซึ่งกระจกหน้าร้าวหมดเลย เหมือนท่านไปรับไว้ เนื้อตัวผมไม่มีรอยแผล ไม่มีรอยช้ำอะไรเลย อีกครั้งผมไปร้องที่อุบลราชธานี ผมไปพักโรงแรมหนึ่ง มันเหลือห้องสุดท้าย เป็นห้องโถงใหญ่มาก เราไปงานกลับมาตีสอง แล้วเราเหนื่อยมากก็เลยนอน พอเปิดประตูเข้าไป เราได้กลิ่นอับมาก เหม็นแบบคาวๆ เลย เราก็บอกผู้จัดการเรา แต่เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรนอนๆ ไปเดี๋ยวพรุ่งนี้เราต้องไปงานกันต่ออีก เราก็อาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งพิงที่เตียง อยู่ๆ ไฟก็ดับทั้งห้องเลย ก็ติดๆ ดับๆ แบบนี้ จนเราต้องเปิดประตูไปดูว่าใครมาสับสวิตช์ไฟไหม ก็ไม่มีอะไร เราก็เริ่มกลัวแล้วตอนนั้น เราก็ปลุกผู้จัดการ พอเขาตื่นขึ้นมาเขาบอกเราว่าถ้าไม่ปลุกพี่ พี่ตาย เขาพูดแบบนี้เลยเพราะผีผู้หญิงใส่ผ้าเช็ดตัวนั่งทับเขาอยู่ เขาขยับไม่ได้เลย เขาเห็นทุกอย่างที่เราทำ เขาบอกว่าจิตของเขาออกมาไปกับเราด้วย ก็เป็นเรื่องราวของความเชื่อนะครับ ปัจจุบันนี้ก็ไม่ขับรถเร็วและไม่เปลี่ยนรถแล้วครับผม

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส