เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าม่วง นำหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าควบคุมตัวนายศิวาลาธ์ญา เจริญวงศ์บุตร หรือหมอโทน หมอดูชื่อดังที่ก่อเหตุล่อลวงหญิงสาววัย 23 ปี ไปทำพิธีตัดกรรม พร้อมทำสัญญาเงินกู้ที่ตำหนักใน ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ก่อนลงมือปลุกปล้ำข่มขืนกระทำชำเรา พร้อมถ่ายคลิปแบล็กเมล รวม 3 ครั้ง พร้อมเรียกเงิน 2 แสนบาท แลกกับการลบคลิป
ล่าสุดหลังศาลจังหวัดกาญจนบุรี อนุมัติหมายจับในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังไปควบคุมตัวหมอดูหื่นได้ถึงตำหนักในพื้นที่ ต.ท่ามะขาม ก่อนควบคุมตัวมาที่ สภ.ท่าม่วง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม
โดยทันทีที่หมอโทนถูกควบคุมตัวมาถึงห้องสอบสวนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนจะเข้าไปในห้องสอบสวนว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเชิญตัวตนที่ตำหนัก ตนก็ไม่ได้ขัดขืนและหลบหนี โดยเดินทางมาทำตามหน้าที่ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งตนยังคงยืนยันว่าไม่ได้ลงมือข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวผู้เสียหายแต่อย่างใด การเดินทางมาในวันนี้ ตนก็มาทำตามหน้าที่ และยืนยันว่าตนไม่ได้มีอภิสิทธิ์พิเศษเหนือคนอื่นแต่อย่างใด
ขณะที่พ.ต.อ.สมชาย เทศัชบุตร ผกก.สภ.ท่าม่วง กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ผลการตรวจร่างกายของหญิงสาวผู้เสียหาย ยังไม่ได้ถูกส่งกลับมาจากทาง รพ.ตำรวจ แต่เนื่องจากศาลพิจารณาพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเสนอไป และเห็นว่ามีน้ำหนักเพียงพอ จึงได้อนุมัติออกหมายจับนายโทน ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายศาลไปควบคุมตัวนายโทนมาดำเนินคดีได้ในที่สุด
พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้เดินทางเข้าไปเก็บวัตถุพยานต่าง ๆ ภายในตำหนัก ซึ่งหญิงสาวผู้เสียหายให้การว่า เป็นสถานที่ที่ถูกในโทนลงมือข่มขืนกระทำชำเราถึง 2 ครั้ง เพื่อนำเอาพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุมาใช้เป็นวัตถุพยานในการดำเนินคดีเอาผิดกับนายโทนตามกฎหมาย
น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจที่ตำรวจจับนายโทนได้ เพราะก่อนหน้านี้จะไปไหนมาไหนก็รู้สึกระแวง ไม่ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา อยากขอบคุณตำรวจที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องการประกันตัว อยากให้ตำรวจคัดค้าน เพราะว่าเป็นบุคคลอันตราย ทั้งนี้หลังจากไปแจ้งความ นายโทนก็ยังส่งข้อความติดต่อเข้ามาเรื่อย ๆ ในส่วนของคดีมั่นใจว่า สามารถเอาผิดได้ แม้ผู้ก่อเหตุจะปฏิเสธก็ตาม
นายเบิร์ด (นามสมมติ) ลุงของ น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนต้องกราบขอบพระคุณตำรวจ สภ.ท่าม่วง ทุกนาย โดยเฉพาะ พ.ต.อ.สมชาย ซึ่งมาคุมคดีนี้ด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องการที่จะสู้ในชั้นศาล ยืนยันว่าตนมีหลักฐานทุกอย่างที่มัดตัวคนร้าย ในใจลึก ๆ ไม่อยากให้ได้ประกันตัว
เพราะเป็นบุคคลอันตรายของสังคม และห่วงหลานกลัวว่าจะมาทำอันตรายหลานตนซ้ำอีก เพราะพฤติกรรมของคนร้ายส่อไปในทางอันตรายกับสังคม เรื่องหลักฐานที่มีนั้น ตนมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าสามารถเอาผิดคนร้ายได้อย่างแน่นอน
