จากกรณีเจ้าหน้าที่จำรวจ สภ.เชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิต ริมถนนลูกรัง ทางเข้าสวนปาล์ม ในพื้นที่ ม.5 ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพถูกยิงที่ศีรษะ หู และคอ จากซ้ายทะลุขวา จำนวน 3 นัด นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนยาวสีเหลือง สวมกางเกงยีนส์ขาสั้นสีน้ำเงิน สวมรองเท้าแตะสีฟ้า สวมแว่นกันแดดสีดำ ผมทรงรองทรง มีหนวดเครา
ผู้เสียชีวิต คือนายเจษฏา ดาราไก อายุ 25 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตอาจจะแวะริมทางและได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืน บุกเข้ามายิงแล้วหลบหนีไป ซึ่งก่อนหน้านี้ วันที่ 10 ธ.ค. 63 พบว่าผู้เสียชีวิตเดินทางไปที่สำนักงานขนส่ง และไลฟ์เฟซบุ๊กเพื่อจะโอนชื่อครอบครองรถจักรยานยนต์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หนุ่มโพสต์จวกตำรวจตกเย็นกลายเป็นศพ พยานยัน 2 ชายคล้ายชุดสืบบุกอุ้มถึงบ้าน (คลิป)
วันที่ 12 ธ.ค. 63 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังสำนักงานขนส่ง จ.นครศรีธรรมราช สถานที่ที่นายเจษฎา ดาราไก เดินทางมาและมีการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กก่อนที่จะเสียชีวิต ในช่วงเวลา 09.35 น. ของวันที่ 10 ธ.ค. 63 ซึ่งมีระยะห่างจากบ้านมาสำนักงานขนส่งประมาณ 13 กิโลเมตร
นางปุ๋ย (นามสมมติ) อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่ขนส่ง เปิดเผยว่า นายเจษฎ เข้ามาในสำนักงาน และตนเองได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุยกับนายเจษฎา จึงเดินจากชั้น 2 เพื่อลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจษฎาจึงบอกกับตนเองว่าช่วยทำเอกสารโอนรถให้หน่อย ตนเองจึงบอกว่าทำไม่ได้เพราะเป็นวันหยุดราชการ จนพูดให้กลับบ้านไปหลายรอบ แต่นายเจษฎาก็ไม่ยอมกลับ โดยนายเจษฎามีอาการคล้ายคนมีสารเสพติด ตนเองตามจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ขนส่ง 3 นาย ให้มาพาตัวนายเจษฎาออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถกระบะเข้ามาในสำนักงานขนส่ง และพูดคุยให้กลับบ้านไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพานายเจษฎาขึ้นรถและนำรถจักรยานยนต์ไว้ท้ายกระบะ พานายเจษฎาไปที่ป้อมตำรวจของ สภ.พระพรหม ที่บริเวณแยกชุมชนศูนย์ราชการ และนำตัวไว้ที่ป้อมตำรวจเกือบ 6 ชั่วโมงเนื่องจากติดขบวนเสด็จ จากนั้นในเวลา 15.30 น. นายเจษฎากลับมาขนส่งอีกครั้ง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกคนหนึ่งก็มาเข้าเวรต่อ เมื่อตนเองทราบจึงออกมาล็อกประตู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเกลี้ยกล่อมให้นายเจษฎากลับบ้านในเวลา 16.00 น. โดยขี่รถจักรยานยนต์ขี่กลับออกไป
โดยวันที่ 10 ธ.ค. 63 นายเจษฎามีการโพสตืเฟวบุ๊กหลายครั้ง มีการพิมพ์ข้อความด่าทอบางเรื่อง รวมถึงมีการพูดถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด จากบ้านของชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงในชุมชนไสเจริญที่จับภาพได้ จับภาพรถที่คาดว่าเป็นรถของชาย 2 คน ที่รับนายเจษฎาออกไปจากบ้านไปยังที่เกิดเหตุเป็นรถกระบะ สีดำ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ ไฮเลนเดอร์ ขับผ่านไปในช่วงเวลา ประมาณ 16.55 น. มุ่งหน้าออกไปทางแยกเบญจมฯ ซึ่งจากข้อมูลชาย 2 คนขับรกระบะไปรับผู้เสียชีวิตออกมาจากบ้านเวลา 16.45 น. และพบศพในเวลา 18.00 น.
นายไตร (นามสมมติ) เพื่อนผู้ตาย เล่าว่า ตนและนายเจษฎาเป็นเพื่อนสนิทกัน ก่อนหน้านั้นทราบข่าวว่าเพื่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ตอนนั้นกำลังกินข้าว เพื่อนอีกคนโทรบอกว่าเพื่อนเสียแล้วนะ โดนยิงตาย ตนก็เสียใจมาก ส่วนที่ตนคุยกันล่าสุดคือก่อนหน้าที่เพื่อนจะเสียชีวิต พิมพ์ถามมาในแชตเฟซบุ๊กว่า "อยู่ไหน ทำอะไร คิดถึง มานครศรีธรรมราชไหม" เพราะตอนนั้นตนอยู่ที่ จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ วันเกิดเหตุ ผู้ตายโทรมาหาตนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนตายไม่นาน พูดแปลก ๆ บอกคิดถึง อยากมาหา ไม่รู้จะมีใครจ่ายค่ารถให้ ทั้งที่ก็ไม่เคยคุยทำนองนี้มาก่อน อีกทั้งส่งรูปคู่กับตนมาให้ ซึ่งมองว่าอาจจะเป็นลางบอกเหตุก่อนเสียชีวิต และที่ผ่านมาผู้ตายไม่เคยบ่นอะไรหรือเล่าปัญหาให้ฟัง จึงทำให้ตนไม่ทราบสาเหตุการยิงในครั้งนี้
โดยทีมข่าวยังได้เดินทางย้อนรอยสำรวจเส้นทางระหว่างทางจากบ้านของนายเจษฎาไปยังที่เกิดเหตุ ที่พบศพนายเจษฎา โดยเมื่อออกจากชุมชนไสเจริญแล้ว จะมุ่งหน้าผ่านแยกเบญจมฯ และต่อมายังแยกนาพรุ แยกจังหูน อำเภอเชียรใหญ่ แยกไสหมาก และจะถึงซอยที่เกิดเหตุ พบว่าสองข้างทางมีบ้านเรือนประชาชนค่อนข้างน้อย และอยู่กระจัดกระจายกันไป ผู้คนไม่พลุกพล่าน
ส่วนซอยที่เกิดเหตุไม่มีชื่อซอย หากขับรถผ่านโดยไม่สังเกต ก็จะไม่ทราบว่าบริเวณนี้มีซอย ซอยค่อนข้างแคบ ระยะทาง 700 เมตรจากถนนหลักถึงจุดพบศพ เป็นถนนลูกรัง สองข้างทางเป็นป่ารก สามารถสัญจรได้เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น รวมระยะทางจากบ้านมาจุดเกิดเหตุ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 52 นาที ขับที่ความเร็ว 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นางวณี ดาราไก อายุ 52 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด รถคันดังกล่าวในกล้องเป็นรถคันที่มารับลูกชายเข้ามารับจริง ลักษณะรถเป็นรถกระบะสีดำ ป้ายนราธิวาส หลังจากเข้ามารับแล้ว ขับออกไปขับเร็วมาก
ส่วนก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากับผู้มีอิทธิพล หรือคนในเครื่องแบบหรือไม่นั้น ตนเองยอมรับว่าลูกไม่เคยบอกอะไรให้ตนเองรับรู้เลย มักจะเก็บไว้คนเดียว และไม่เคยระบายความในใจให้คนในครอบครัวฟัง รวมถึงลูกก็ไม่เคยมีปัญหากับคนในละแวกนี้มาก่อน และญาติบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่มี จะมีก็แต่ญาติในละแวกใกล้บ้าน ในซอยไสเจริญ
ตนยอมรับว่าตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ และคิดถึงลูกมาก หลังลูกเสียชีวิตไปได้ 2 วัน วันนี้ทางตำรวจได้ติดต่อขอเสื้อผ้าลูก ที่อยู่ในศพ ไปชันสูตรทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมาช่วงเวลาใด
นางวณี ยอมรับว่า ลูกชายเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่บ้าง เพราะทราบจากพฤติกรรมของลูกที่เปลี่ยนไป และมีความก้าวร้าว ตนเองถามแต่ลูกชายไม่ตอบ และลูกชายก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เสพยา จึงไม่ได้มีการตักเตือนอะไร ลูกชายมีปัญหาอะไรกับใคร มักไม่คุยหรือบอกใคร ค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว