“หมอโทน” โต้ปล้ำสาวอ้างสมยอม ยันทำเพราะรัก เหยื่อโชว์รอยช้ำแฉดูดวงแม่นเพราะนกต่อ (คลิป)

10 ธ.ค. 63

กรณีน.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี พร้อมด้วยครอบครัวเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี หลังจากถูกชายที่อ้างตัวว่าเป็นหมอดูล่อลวงให้ไปทำพิธีตัดกรรม ก่อนจะลงมือข่มขืนกระทำชำเรา พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอแบล็กเมลเรียกเงิน 2 แสนบาทแลกกับการลบคลิปดังกล่าว

โดยน.ส.เอ ผู้เสียหาย ท้องได้ 1 เดือน แต่เลิกกับแฟนหนุ่ม จึงกินยาขับเลือดเพื่อทำให้แท้งลูกในเดือน พ.ย.63 และนำซากทารกไปหาอาจารย์โทน หมอดูชื่อดังใน จ.กาญจนบุรี เพื่อทำพิธีสะกดวิญญาณเป็นกุมาร และเพื่อไม่ให้วิญญาณติดตามแม่

610192

ในช่วงเดือนเดียวกัน น.ส.เอ มีปัญหาเรื่องเงิน จึงได้หยิบยืมเงินจากอาจารยโทน โดยอาจารย์โทนออกอุบายว่า ให้เข้าไปทำสัญญาเงินกู้ที่ตำหนักใน ต.ท่ามะขาม จ.กาญจนบุรี ซึ่งในวันนั้นอาจารย์โทน ได้ใช้กำลังบังคับขืนใจ ข่มขืนจนสำเร็จความใคร่เป็นครั้งแรก โดยได้ถ่ายรูปภาพนิ่งเอาไว้แบล็กเมล

การข่มขืนต่อเนื่องครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้นในเดือน พ.ย.63 ที่ตำหนักใน ต.ท่ามะขาม จ.กาญจนบุรี ซึ่งครั้งนี้ได้ถ่ายคลิปแบล็กเมลเอาไว้

530627

การข่มขืนครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.63 เวลา 12.00 น. อาจารย์โทนขับรถพา น.ส.เอ ไปข่มขืนในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในอ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โดยจับใส่กุญแจมือ ตบตี ข่มขืน โดยใช้เวลาอยู่ในโรงแรม 1 ชั่วโมง 30 นาที จึงได้ขับรถกลับออกไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

สาวแท้งหอบศพลูกทำพิธีโดนฉุดขืนใจถ่ายคลิปขู่ หมอดูโต้สร้างเรื่องป้ายสีหวังเบี้ยวหนี้

270543

ล่าสุดวันที่ 10 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยัง ต.ท่ามะขาม ซึ่งเป็นบ้านของอาจารย์โทน หมอดูที่ถูกแจ้งความว่า เกี่ยวข้องกับคดีข่มขืน พบว่าอาจารย์โทน ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ด้านหน้ามีแม่กุญแจปิดล็อกเอาไว้ที่ประตูไม้ ด้านในมีรถบรรทุกขนาดเล็กและรถกะบะจอดอยู่ แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ทีมข่าวสังเกตว่าบริเวณกำแพงด้านใน เขียนข้อความด้วยสเปย์สีแดงว่า “ใครแม้นึก ทำร้าย__มันตายใน 2 วัน”

ในวันเดียวกัน อาจารย์โทน ได้แจ้งกับทีมข่าว และนัดหมายกับตำรวจว่า เวลา 13.00 น. จะเดินทางไปแจ้งความเอาผิดน.ส.เอ ในข้อหาให้การเท็จ และนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จนเกิดความเสียหาย อับอาย แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย อาจารย์โทน กลับไม่เดินทางมาที่โรงพัก

908067

จากนั้นเวลา 14.00 น. อาจารย์โทน ได้ใช้สถานที่แห่งหนึ่ง ลักษณะคล้ายวัด เพราะมีพระพุทธรูปอยู่ด้านหลัง ไลฟ์สดชี้แจง ประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัย พร้อมตั้งหัวข้อว่า “ชี้แจงเบื้องต้น ทุกคนที่ดูได้อานิสงส์และความรู้ อันนี้เป็นหมอโทนเอง อย่ามโนเป็นใครมาสิง” โดยมีเนื้อหาตอบข้อสงสัย และยืนยันว่า การให้เงิน น.ส.เอ เกิดจากสิ่งที่เรียกว่าความรัก และฝ่ายหญิงก็ทำแท้งมา 2 ครั้ง ครั้งแรกฝังไว้หลังร้านที่ทำงาน ครั้งที่สองเอามาทำกุมารทอง

328027749739568405

กระทั่งในเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา ได้มีการไลฟ์สดอีกครั้ง โดยอาจารย์โทน ยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากการคบหากัน ไม่ได้เกิดจากการข่มขืน และภาพที่อ้างว่าเป็นการถูกแบล็กเมล ก็เป็นการตั้งใจถ่ายและฝ่ายหญิงยินยอมอีกด้วย 

941103571973

อาจารย์โทน บอกว่า ข้าพเจ้ารักน้องเขา ถึงแม้ว่าเขาจะทำแบบนี้กับข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ก็ไม่เป็นอะไร ทุกอย่างล้านเป็นความจริง หากวันหนึ่งถ้าเราได้มานั่งคุยกันต่อหน้า ยันด้วยเหตุและผล ข้าพเจ้าคิดว่าทุกคนจะรับรู้เอง 

269710

ทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ชี้แจงว่า หากนายโทนอ้างว่า การให้เงิน หรือแม้แต่การที่ถูกกระทำชำเรา เกิดจากความรัก ส่วนตัวขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาตนตกลงและพูดคุยกับนายโทนมาตลอด การช่วยเหลือทั้งหมดคือในฐานะพี่น้องกัน เว้นแต่ว่าช่วงไหนที่ตนสังเกตได้ว่านายโทน คิดเกินกว่าความเป็นพี่น้อง หรือใช้คำพูดที่มีลักษณะคล้ายจีบ ตนก็จะเงียบและไม่สนใจ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะอ้างว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะเรื่องของความรัก

cg1

ส่วนกรณีที่นายโทน ออกมาแฉว่า ตนเคยทำแท้งมาแล้ว 2 ครั้ง ตนยอมรับว่าเคยทำมาแล้วก่อนหน้า 1 ครั้ง ซึ่งตอนนั้นอยู่ในช่วงสมัย ปวส. เพราะเกิดจากความผิดพลาด โดยตนได้ปรึกษาและขอเอาลูกออก เนื่องจากอยากให้พ่อแม่ไม่เสียใจ ที่เกิดจากความผิดพลาดของตัวเอง จึงได้ตัดสินใจกระทำลงไป ส่วนอีกครั้งก็คือครั้งล่าสุดที่นายโทน ได้โอนเงินเพื่อมาช่วยในเรื่องของการทำแท้ง แล้วนำลูกไปประกอบพิธีทำเป็นกุมาร

703934

ทั้งนี้กรณีที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ในวันที่เข้าไปภายในโรงแรม (6 พ.ย.63) พร้อมกับนายโทน ทำไมตนไม่ส่งเสียงร้อง หรือขอความช่วยเหลือ ส่วนตัวขอชี้แจงว่า ในวันดังกล่าวหากตนขอความช่วยเหลือ หรือส่งเสียงร้อง ก็กลัวจะได้รับอันตราย ประกอบกับกลัวว่าจะมีการทำร้ายพ่อแม่ เพราะนายโทนเคยข่มขู่มาโดยตลอด จึงไม่อยากให้ใครไปแตะต้องพวกท่านทั้ง 2 คน ขณะเดียวกัน นายโทน เตรียมที่จะมีการแจ้งความดำเนินคดี ตนไม่ได้มีความกังวล เพราะเรื่องทุกอย่างคือเรื่องจริง แล้วตนก็ถูกกระทำชำเราจริง ดังนั้นจึงไม่กลัว แต่คนที่ต้องกลัวคือนายโทนมากกว่า

447305

อย่างไรก็ตาม หลังจากให้สัมภาษณ์ น.ส.เอ ผู้เสียหาย ได้ส่งข้อความให้ทีมข่าวดู โดยเป็นข้อความที่นายโทน ส่งมาหาเวลา 15.37 น. ก่อนที่จะมีการไลฟ์สดครั้งที่ 2 โดยข้อความระบุว่า “พี่รักเอนะ ถึงหนูจะพยายามทำร้าย ทำลายพี่ พี่ก็ยังรัก พี่ไม่กลัวคดี พี่กลัวหนูอยู่ในสังคมไม่ได้ พี่พร้อมดูแลหนูไม่เคยเปลี่ยน”

น.ส.เอ ยังส่งข้อความที่นายโทน ส่งมาหาเมื่อวานนี้ มีลักษณะข่มขู่ ระบุว่า “มึงระวังพี่มึงเองด้วย ขอคลิปมึงที่กูไป” และ “เรามาสู้กันด้วยความจริงนะเอ ใครผิดอะไร รับความจริง อย่าบิดเบือน” 

cg2_1

น.ส.เอ ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ในวันที่ 6 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ขณะที่นายโทยพาไปที่โรงแรม เพื่อบังคับขืนใจ ในระหว่างที่นายโทน กำลังจะเทน้ำใส่แก้วให้ตนดื่ม ได้ยินนายโทนคุยกับใครบางคน ทำนองว่า “กูจะทำของใส่มัน ให้มันรักกู หลงกู” โดยหลังจากที่ได้แอบฟัง ตนจึงพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะดื่มน้ำในแก้ว เพราะนายโทน ได้ท่องบทสวดบางอย่าง ก่อนที่จะยื่นแก้วน้ำมาให้ หลังจากนั้นตนพยายามที่จะตีเนียนว่า กำลังดื่ม แต่ความจริงแล้วแอบไปเททิ้งในชักโครกห้องน้ำ และนำแก้วเปล่าไปคืนนายโทน

896741

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้คุยกับ นายเบิร์ด (นามสมมติ) ลุงของน.ส.เอ เปิดเผยว่า หลังทราบว่าอาจารย์โทน เตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดี ยืนยันว่าฝั่งของตนในฐานะผู้เสียหาย มีหลักฐานครบถ้วน และเหตุการณ์ทั้งหมดก็เกิดจากการถูกกระทำชำเรา บังคับขืนใจ โดยมีน.ส.จูน (นามสมมติ) ซึ่งเป็นนางนกต่อให้กับอาจารย์โทน

492838

โดยก่อนหน้านี้ หลานสาวตนไปรู้จักกับน.ส.จูน กระทั่งน.ส.จูน ได้นำเรื่องราวทั้งหมดไปเล่าให้อาจารย์โทนฟัง และอาจารย์โทน ก็ได้ติดต่อกลับมาหาหลานสาว พูดลักษณะเหมือนเป็นคนดูดวงแม่น แต่ความจริงแล้วรับข้อมูลจากนางนกต่อทั้งหมด ซึ่งหลังจากที่หลานสาวหลงเชื่อ ก็ได้ติดต่อพูดคุยกับอาจารย์โทน ว่าสามารถที่จะแก้กรรมได้จริง

958224

นายเบิร์ด ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า วันที่ 6 ธ.ค.63 ตนเป็นคนแรกที่หลานสาวมาเล่าให้ฟัง พร้อมกับเห็นอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะรอยช้ำเขียวที่เกิดจากการถูกใส่โซ่กุญแจมือ อีกทั้งยังมีลักษณะรอยช้ำเขียวที่แขน คล้ายกลับถูกซ้อม ซึ่งตนได้บันทึกภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด และจะเป็นหลักฐานที่มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ได้คิดหรือมโนขึ้นเอง แต่อาจารย์โทนใช้โซ่กุญแจมือจริง

อีกทั้งกรณีนักข่าวบางช่อง ที่ใช้ถามจี้หลานสาวในประเด็นที่ว่า “ทำไมโดนข่มขืน หรือถูกกระทำชำเรา ไม่ร้องตะโกนให้ทางโรงแรมช่วยเหลือ” ส่วนตัวในฐานะญาติ เข้าใจความรู้สึกของหลานสาว เพราะเชื่อว่าอยู่ในอาการตกใจ หรือมีความกังวลว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต จึงไม่กล้าที่จะส่งสัญญาณ หรือแม้แต่ขอความช่วยเหลือ ดังนั้นตนจึงขอชี้แจงแทนหลานสาว ให้เข้าใจในประเด็นตรงนี้

อย่างไรก็ตาม นายเบิร์ด ยังบอกอีกว่า เหตุการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับหลานสาว การที่หลานสาวไปพึ่งหมอดู เป็นเพราะหาทางออกและหาที่พึ่ง ไม่ใช่ไปพึ่งแล้วทำให้เกิดความเดือดร้อน หรือถูกกระทำ ดังนั้นคนประเภทนี้ก็อยากมีที่อยู่ในสังคม ควรที่จะไปใช้กรรมในเรือนจำเท่านั้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส