จากกรณีภรรยาซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์สามี เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำลงข้างทาง แล้วสามีเดินกลับบ้านทิ้งภรรยาไว้ให้ตายกลายเป็นศพ 5 วัน ซึ่งทราบว่าเป็นของนางกิริยา แสงสวัสดิ์ อายุ 45 ปี เหตุเกิดวันที่ 15 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันที่ 20 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ริมถนนสิงห์บุรี-อ่างทอง ต.หัวป่า อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พบร่องรอยของรถมอเตอร์ไซค์และร่องรอยการเก็บกู้รถจักรยานยนต์และศพ ข้างถนนคือคูน้ำที่ยามระนาบข้างถนน มองจากสายตา คูน้ำมีความลึงลงไปจากพื้นผิวถนน สูงถึง 2 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นป่าหญ้ารก
นางอภิญญา สุวรรณศรี อายุ 48 ปี ร้านขายของใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า ตนขายกาแฟโบราณและกล้วยปิ้งอยู่บริเวณนี้มา 4 ปีแล้ว เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 63 ตนได้กลิ่นเหม็นจากจุดเกิดเหตุมาตามลม ตอนแรกก็คิดว่าหมาโดนรถชนตายหรือมีคนเอาอะไรมาทิ้งบริเวณนี้
กระทั่งวันที่ 19 พ.ย. 63 ตนก็มาขายของตามปกติ กลิ่นเหม็นค่อนข้างรุนแรงมากจนขมคอเวียนหัวจะอ้วก กลิ่นก็มาเรื่อย ๆ ตามกระแสลม จากนั้นพบศพเวลาประมาณ 19.00 น. ตนปิดร้านไปแล้ว จึงมาทราบในภายหลังว่าบริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุ แล้วก็รู้สึกตกใจว่ากลิ่นที่ตนนั่งสูดดมมา 2-3 วัน คือกลิ่นศพ
ทั้งนี้ บริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง เคยมีรถยนต์ขับตกข้างทางบริเวณใกล้กันปี 2560 แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนจะมีเรื่องตัวตายตัวแทนหรือไม่นั้น ตนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
นายชาติ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี สามีผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนและนางกิริยา แสงสวัสดิ์ ผู้เสียชีวิต คบหาดูใจกันมานานกว่า 2 ปี โดยตนทำงานรับจ้างทั่วไปอยู่แถวตัวเมือง ซึ่งจะเช่าห้องไว้ที่อำเภอเมือง 1 ห้อง เพื่อเป็นที่พักอาศัย และนางกิริยาจะหาเวลาว่างขึ้นมาหาตนเดือนละ 1-2 ครั้ง ครั้งนี้นางกิริยาเดินทางมาวันที่ 14 พ.ย.63 ตั้งใจว่าจะกลับกรุงเทพฯ วันที่ 16 พ.ย. 63 ซึ่งตนมักมีพฤติกรรมไปเที่ยวกินข้าวสังสรรค์กับเพื่อนฝูงประมาณ 5-6 คน และภรรยาไปด้วยกัน จากนั้นแยกย้ายกันกลับบ้าน
ขณะนั้นตนและนางกิริยามีอาการเมาทั้งคู่ ตั้งใจจะไปห้องเช่าในตัวเมือง แต่ปรากฎว่าทำกุญแจหาย ต้องกลับไปเอากุญแจสำรองที่บ้าน จึงเปลี่ยนใจกลับไปนอนที่บ้านแทน จากนั้น ขับมาสักพักจนถึงจุดเกิดเหตุ ตนก็รู้สึกวูบหลับไป ทำให้รถหล่นข้างทางลงคูน้ำ เมื่อตนรู้สึกตัวตนก็พยายามมองหานางกิริยา แต่ไม่เจอ ดวงตาตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ลืมตาไม่ขึ้น ตนคลำทางเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร
จากนั้นตื่นมาก็รีบไปขอความช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน ช่วยตามหานางกิริยา ตนก็รู้สึกแย่ที่ไม่สามารถจำเหตุการณ์ได้ จำไม่ได้ว่าอุบัติเหตุพิกัดไหน พยายามโทรหาแต่ไม่มีคนรับสาย จนกระทั่งวันที่ 19 พ.ย. 63 ตนได้รับข่าวจากลูกสาวของนางกิริยาว่าพบศพ เสียชีวิตมาแล้ว 5 วัน ทำให้ตนล้มทั้งยืน ร้องไห้ด้วยความเสียใจ ขณะนั้นทำอะไรไม่ถูก
สภาพจิตใจในตอนนี้ ตนรู้สึกเสียใจ รู้สึกโทษตัวเอง และอยากจะขอโทษที่ตนเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต ถ้าหากว่าวันนั้นตนตัดสินใจเปิดอีกห้อง และไม่กลับมาเอากุญแจสำรองที่บ้านเรื่องราวทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุตนนอนอยู่บ้าน รู้สึกเหมือนมีคนมาห่มผ้าให้ ซึ่งตนก็เชื่อว่าคือภรรยาของตน
นางสาวพัชรี ผู่สุวรรณ อายุ 58 ปี ผู้พบศพคนแรก เปิดเผยว่า ปกติตนเป็นพนักงานรับจ้างขายก๋วยเตี๋ยว จะปั่นรถจักรยานเดินทางไปกลับ และจะผ่านจุดเกิดเหตุทุกวัน ในระหว่างทางหากวันไหนพบเจอขวดพลาสติกตามทางก็จะจอดเก็บไปขายบ้าง 2-3 ขวด
จนพบศพวันที่ 19 พ.ย. 63 เวลาประมาณ 19.00 น. พอมาถึงใกล้ๆจุดเกิดเหตุ ประมาณ 5 เมตร ได้กลิ่นเหม็นอย่างแรง มองลงไปยังข้างทาง เห็นสภาพรถมอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำอยู่ ในลักษณะล้อชี้ฟ้า วินาทีนั้นตนจึงจอดจักรยาน เพราะนึกในใจอยู่แล้วว่าต้องเกิดอุบัติเหตุ คาดว่าจะต้องมีคนตายแน่ ๆ ก่อนจะพบศพของนางกริยา ลักษณะคว่ำหน้าลง ตนจึงรีบไปบอกชาวบ้านในพื้นที่แถวนั้นให้ช่วยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังจุดเกิดเหตุ
โดยสภาพศพขึ้นอืดบวม บริเวณตามร่างกายตนพบหนอนเต็มไปหมด คาดว่าจะตายมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ตนขับจักรยานผ่านจุดนี้ก็ไม่ได้กลิ่น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้เห็นรถมอเตอร์ไซค์แล้วทำให้ตนจอดรถลงมาดู เพราะตอนแรกตนกะจะขับเลยผ่านไปแล้ว เนื่องจากบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างมืด
