พบประวัติคนขับรถทัวร์ 18 ศพ เคยต้องคดียาเสพติด 5 ครั้ง ตร.ชี้ เบรกไม่ได้แตก

23 มี.ค. 61
วันนี้ (23 มี.ค.) พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ภ. จ.นครราชสีมา, พ.ต.อ.ศาสตรา นันชนะ ผู้กำกับการ สภ.อุดมทรัพย์, นายจักรกฤษณ์ บุญเรืองศรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 3, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 3 และเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่ง จ.นครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ราชสีมา ทางลงเขาวังน้ำเขียว ตำบลอุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นจุดเกิดอุบัติเหตุ รถทัวร์ 2 ชั้น พลิกคว่ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บอีก 32 คน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับ แถลงข่าวการจับกุมตัว นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี คนขับรถทัวร์คันดังกล่าว และแนวทางการดำเนินคดีต่อบริษัทรถทัวร์ ที่ห้องประชุม สภ.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
รถทัวร์ที่ประสบอุบัติเหตุ
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่สำนักงานขนส่ง จ.นครราชสีมา ได้ทำการตรวจสอบสภาพของรถยนต์ ปรากฏว่า สภาพเบรกไม่มีร่องรอยการไหลรั่วของน้ำมัน จึงยืนยันว่า รถไม่ได้เบรกแตก แต่อาจจะเกิดจากลมเบรกหมด เพราะทางลงเขา มีระยะทางไกลประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งคนขับรถอาจจะไม่ชำนาญ จึงไม่ได้ใช้เกียร์ต่ำ แต่กลับไปใช้ลมเบรกจนหมด
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3
นอกจากนี้ กรณีขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด เนื่องจากช่วงเกิดเหตุ จับจีพีเอสได้ว่า รถวิ่งเร็วประมาณ 83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่บริเวณดังกล่าว กรมทางหลวงได้มีการติดป้ายกำหนด ให้รถวิ่งใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากเป็นทางลงเขา และมีเส้นทางคดเคี้ยวมาก จึงเชื่อได้ว่า เป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่ในครั้งนี้
นายกฤษณะ จุฑาชื่น คนขับรถทัวร์
ส่วน นายกฤษณะ คนขับรถทัวร์คันดังกล่าว หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุดมทรัพย์ จับกุมตัวได้เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (22 มี.ค.) ก็ได้นำตัวไปสอบปากคำเบื้องต้น และสารภาพว่า ได้เสพยาบ้า โดยการตรวจปัสสาวะ ก็พบว่าเป็นสีม่วง นอกจากนี้ จากการสอบประวัติอาชญากร พบว่า คนขับรถรายนี้ เคยต้องคดีเสพยาบ้ามาทั้งหมด 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2545 ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2556 ส่วนจะเป็นคนขับรถหลัก หรือเป็นแค่ผู้ช่วยคนขับรถนั้น ก็ต้องไปสอบสวนเชิงลึกอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ บริษัทกันเองทัวร์ จ.กาฬสินธุ์ นั้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานและหลักฐาน เนื่องจากการตรวจสอบรถทัวร์คันนี้ เบื้องต้นพบว่า ไม่ได้มีการนำรถยนต์มาตรวจสภาพรถนานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งทางกฎหมายได้กำหนด ให้มาตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง รวมทั้งการปล่อยให้คนขับรถเสพสารเสพติดขณะขับรถ ก็จะต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย โดยภายหลังจากนี้ ก็จะได้ประสานให้สำนักงานขนส่ง จ.กาฬสินธุ์ ทำการแจ้งให้บริษัทกันเองทัวร์ นำรถทัวร์มาตรวจสภาพรถใหม่ทุกคัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ