ผัวโหดบีบคอเมียดับก่อนผูกคอตายตาม คาดหึงลูกน้องคนสนิท ลูกเผยพูดเป็นลางก่อนตาย (คลิป)

จากรณีเมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 4 พ.ย. 63 ร.ต.อ.ชัยยันต์ แก้วประสิทธิ์ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 4 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ต่อเติม 2 ชั้น

ห้องโถงพบศพนายกวี อายุ 51 ปี สภาพศพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นลายพรางทหาร ใช้สายไฟผูกคอเสียชีวิตกับคานเหล็กที่ต่อเติมชั้น 2

ใกล้กันพบศพนางวาสนา อายุ 46 ปี ภรรยา นอนเสียชีวิตอยู่พื้นห้อง สภาพศพมีร่องรอยถูกบีบจนเขียวช้ำที่ลำคอ ภายในห้องพบร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของกระจายเกลื่อนห้อง พบโทรศัพท์ถูกปาแตกเสียหาย 1 เครื่อง

ล่าสุด วันที่ 5 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านหลังที่เกิดเหตุ เมื่อเวลา 09.45 น. ลูกสาวคนโตของผู้เสียชีวิตพร้อมด้วยญาติ เดินทางมาจาก จ.เพชรบูรณ์ เพื่อประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป เดินทางมาประกอบพิธี พร้อมนำอาหาร ขนมหวาน ผลไม้ และน้ำเปล่ามาเป็นเครื่องไหว้เชิญดวงวิญญาณ

นางสาวสุนันทา อายุ 29 ปี ลูกสาวคนโตผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ตนเป็นพี่สาวคนโต มีน้องสาวคนกลางอายุ 21 ปี มีน้องสาวคนเล็กอีกคน อายุ 11 ปี ตนและน้องสาวคนกลางแต่งงานมีครอบครัวแล้ว พ่อกับแม่จึงอยู่ด้วยกันกับน้องสาวคนเล็กวัย 11 ขวบ และเพิ่งย้ายมาเช่าบ้านหลังนี้ ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยทราบปัญหาของพ่อแม่มาก่อนว่าแท้จริงแล้วมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

วันเกิดเหตุเมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 16.00 น. น้องสาวโทรศัพท์บอกตนว่าไม่สามารถเปิดประตูเข้าบ้านได้ ทั้งที่รถพ่อแม่จอดอยู่หน้าบ้าน รองเท้าก็วางอยู่ที่ประตูบ้าน ตะโกนเรียกแต่กลับไม่มีคนตอบ ตนสังหรณ์ใจจึงรีบขับรถมาจากอ้อมน้อยเพื่อมาดู เพราะกลัวเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เนื่องจากพ่อเคยพูดไว้ก่อนเสียชีวิตว่า "รักกัน จะไปอยู่ด้วยกัน" แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปอยู่ที่ไหน

ทันทีที่ตนมาถึงบ้าน โทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมางัดประตูบ้าน เมื่อเปิดเข้าไปดูพบศพพี่แขวนคอเสียชีวิต และศพแม่นอนเสียชีวิตอยู่พื้นใกล้เคียงกัน ตนรู้สึกตกใจมาก น้องสาวคนเล็กกรีดร้องเสียใจช็อกเป็นลมล้มลงไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียใจมาก แต่ไม่โกรธพ่อ เพราะคิดว่าพ่อคงคิดดีแล้ว ส่วนปัญหาหรือสาเหตุที่ทำให้พ่อฆ่าแม่และผู้คอตายตามนั้น เป็นปัญหาเรื่องความหึงหวง เพราะที่ผ่านมาเวลาพ่อดื่มจนเมามักจะตัดพ้อจนเกิดทะเลาะกัน เพราะพ่อเป็นคนที่รักแม่มาก จึงหึงหวงแรง เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง แล้วก็คืนดีกัน

นางสุไลรัตน์ โนนดี อายุ 45 ปี น้องสาวของนางวาสนา ผู้หญิงเสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ พี่สาวและพี่เขยมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องความหึงหวงรุนแรง ทำให้ทั้งสองคนแยกกันสงบสติอารมณ์ ฝ่ายชายกลับบ้านที่ จ.เพชรบูรณ์ ส่วนพี่สาวของตนกลับบ้านไปอยู่กับตนที่ จ.เพชรบูรณ์

จากนั้นเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 63 เวลาประมาณเที่ยงคืน ตนเดินทางมาส่งพี่สาวที่บ้านเช่าตามคำขอของพี่เขยที่อยากปรับความเข้าใจและกลับมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งภายหลังจากที่ทั้งคู่คุยกันเรียบร้อยแล้ว ตนจึงเดินทางกลับบ้าน กระทั่งเมื่อคืนนี้ทราบข่าวว่าพี่สาวถูกบีบคอเสียชีวิต ก่อนพี่เขยผูกคอตายตาม ตนรู้สึกตกใจและเสียใจมาก

โดยก่อนหน้านี้ ตนพาพี่สาวไปทำบุญที่บ้านเกิด และไปดูดวงกับพระที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งพระท่านทักว่า "พี่สาวและพี่เขย ชะตาขาด" และพระท่านแนะนำให้ทั้งคู่ประคับประคองกันไป จนผ่านเดือนธันวาคม ซึ่งตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้

จากเหตุการณที่เกิดขึ้น พี่สาวไม่ได้มีชายอื่นนั้น กรณีที่มีข่าวว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกน้อง ที่เป็นคนงานก่อสร้าง เพราะพี่เขยเปิดประตูมาเจอว่าทั้งคู่อยู่ในบ้านด้วยกันนั้นไม่เป็นความจริง เพราะคนงานก่อสร้างเป็นเพียงลูกน้องที่มาทำงาน เข้ามาในบ้านเพราะมาคุยงานด้วยเท่านั้น ทั้งหมดเป็นเพราะพี่เขยหึงหวงเกินเหตุ และหึงหวงตลอดเวลาที่พี่สาวไม่อยู่ใกล้ตัว

ด้านนายต้อม ลูกจ้างของผู้ตาย เผยว่า ตนรู้จักกับผู้เสียชีวิตทั้งคู่มาประมาณ 2 เดือนแล้ว เนื่องจากตนเข้าไปทำงานก่อสร้าง เป็นลูกน้องคนงานก่อสร้างของผู้เสียชีวิต จึงได้มีโอกาสรู้จักกับนางวาสนา ผู้เสียชีวิต และมีความถูกใจกัน ตนและนางวาสนาคุยกันและสนิทกัน แต่ไม่เคยร่วมหลับนอนหรือลึกซึ้งกัน

ที่ผ่านมา นางวาสนาเคยมีปัญหาทะเลาะมีปากเสียงกับนายกวี สามี อย่างรุนแรงเพราะหึงหวง แต่ตนไม่ได้เข้าไปไกล่เกลี่ยหรือพูดคุยอะไร จนกระทั่งผู้เสียชีวิตทั้งสองคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ครั้งล่าสุดที่ตนได้เจอกับนางวาสนาคือช่วงกลางวัน ของวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากนางวาสนาพาตนไปซื้อของเพื่อมาเปิดร้านขายของ กระทั่งตนทราบในเวลาต่อมาว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว

"ตนยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่สูญเสียคนรักไป และผิดหวังที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ตนไม่คาดคิดว่านางวาสนาจะถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม อยากบอกทั้งสองคนว่าขออโหสิกรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้"

นางบัวผัน อายุ 72 ปี แม่ฝ่ายชาย กล่าวว่า นายกวีไม่เคยเล่าอะไรให้ตนฟังเลย ได้แต่บอกว่าจะมาพักด้วยสัก 3 เดือน ตนก็ตอบไปว่าจะพักเป็นปีก็ได้ ทั้งนี้ 2 คนรักชอบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว โดยที่บ้านทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กัน ส่วนวันที่เกิดเหตุตนได้โทรศัพท์ไปหาลูกชาย แต่ไม่รับสาย ตนจึงได้โทรไปถามหลานสาว ทราบเรื่องว่าทั่งคู่ได้เสียชีวิตแล้ว

นายจตุพล ทาระการ อายุ 34 ปี เจ้าของบ้านเช่าที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุ ตนปล่อยเช่าหลังจากย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ โดยปล่อยเช่าเดือนละ 3,500 บาท พร้อมทั้งประกาศขายด้วย โดยเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่าน ผู้เสียชีวิตเข้ามาขอเช่าโดยมาอยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อแม่ลูก โดยระบุระยะเวลาการเช่าในสัญญาเช่า 6 เดือน สุดท้ายยังไม่ครบกำหนดตามสัญญา เกิดเหตุตายคาบ้าน 2 ศพ

ตนยอมรับว่ารู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าคนเป็นสามีจะลงมือบีบคอภรรยาจนเสียชีวิต เพราะทั้งคู่พูดจาดี เป็นกันเอง มีอัธยาศัยดี หน้าตาดีทั้งคู่ ภายหลังจากเกิดเหตุลักษณะนี้ ตนมีความกังวลใจ เพราะก่อนหน้านี้ต้องการจะขายบ้านให้เร็วที่สุด เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าบ้านหลังใหม่ จึงประกาศขายและปล่อยเช่า แต่เมื่อเกิดเหตุมีคนตายคาบ้านแบบนี้ กลัวจะไม่มีคนมาซื้อหรือมาเช่าอาศัย และไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไร