กรณีนายไพสันต์ ผุดผ่อง ร้องเรียนมายังแฟนเพจรายการทุบโต๊ะข่าว ระบุว่า ชาย 5 คนบุกเข้ามาในที่พัก พร้อมกับขู่ให้โอนเงิน และเซ็นสัญญาเงินกู้ และถูกฉีดสารบางอย่างเข้าร่างกาย ตนจึงอยากให้ทางทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ช่วยเหลือ
ล่าสุดวันที่ 4 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นอาคารเพื่ออยู่อาศัยในโครงการเอื้ออาทรเทพารักษ์ 3 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
จากนั้นทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับ นายไพสันต์ ผุดผ่อง วัย 53 ปี เป็นพนักงานขายข้าวสาร ของบริษัทขายข้าวสารแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่เก็บเงินค่าข้าวสารกับลูกค้าในรอบทุก ๆ 15 วัน เพื่อส่งเงินที่เก็บได้ให้กับบริษัท กระทั่งวันที่ 20 ต.ค.63 ตนอ้างว่ารถยนต์ที่นำไปส่งข้าว ไปชนกับรถยนต์คู่กรณี ทำให้รถต้องเข้าศูนย์ หลังจากนั้นก็ไม่ได้นำเงินเข้าไปให้บริษัทนาน 2 สัปดาห์ และก็ไม่ได้มีการติดต่อไปอธิบายอะไรกับบริษัท
นายไพสันต์ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.63 เวลาประมาณ 07.15 น. มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คน ซึ่งทราบว่า 2 คน คือ นายจ้างอีก 2 คน และแรงงานพม่าอีก 3 คน บุกเข้ามาที่ห้องพักของตน โดยถูกจับมัดด้วยเชือก แล้วเจรจาเรื่องเงิน บอกว่าตนติดหนี้เป็นแสน
จากนั้นก็บังคับให้ปลดล็อกโทรศัพท์ เพื่อโอนเงินในบัญชี จำนวน 14,000 บาท และเงินสดอีก 11,000 บาท รวม 25,000 บาท จากนั้นถามตนว่าจะเอาอะไร ระหว่างมะเร็ง กับ เอดส์ ตนจึงตอบไปว่าแล้วแต่ จากนั้นคนหนึ่งที่เป็นหมอใช้เข็มฉีดยา เลี้ยงยาจากขวดแก้วสีน้ำตาล ซึ่งอ้างว่าเป็นเชื้อมะเร็ง ฉีดเข้าไปที่บริเวณท้อง ซึ่งระบุว่า ภายใน 1 เดือน หากไม่สามารถเคลียร์ปัญหาเรื่องเงินได้ ก็น่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากเคลียร์สำเร็จ ก็จะเอายาแก้สารมะเร็งตามคำอ้างฉีดกลับไปให้ หลังจากนั้นมีการบังคับให้ตนเซ็นสัญญาเงินกู้ และยังขู่อีกว่า ถ้าแน่จริงก็ไปแจ้งตำรวจ และเมื่อทำการเสร็จแล้ว ก็ได้ให้ลูกน้องชาวพม่า 3 คน แก้มัดให้ตน และหลบหนีออกไป
ส่วนตัวรู้สึกกังวลเรื่องสารมะเร็งตามคำอ้างของหมอคนดังกล่าว ซึ่งก็ได้มีการไปตรวจเพื่อหาเชื้อที่ รพ.บางพลี แต่ทางโรงพยาบาลไม่สามารถตรวจหาเชื้อได้ และแนะนำให้ตนไปตรวจกับโรงพยาบาลเฉพาะทาง ซึ่งก็ยังไม่ได้ไปตรวจอีกรอบ เนื่องจากยังไม่มีเวลา หลังจากเกิดเหตุตนก็ยังไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร
ทั้งนี้นายไพสันต์ ได้เข้าแจ้งความกับ สภ.บางพลีแล้ว ซึ่งเบื้องต้นได้มีการบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งมีการสอบปากคำนายไพสันต์ฝ่ายเดียว และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการสอบสวนอีกฝ่าย แต่บุคคลทั้ง 5 ล้วนมีความผิดบุกรุกสถานที่
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับ นายเฮง (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชายผู้ปรากฏในคลิป ซึ่งเป็นนายจ้างของนายไพสันต์ ผุดผ่อง วัย 53 ปี เปิดเผยว่า นายไพสันต์ เพิ่งมาทำงานในช่วงหลังโควิด-19 ช่วงเดือนก.ย.63 ตอนนั้นนายไพสันต์ไม่ได้มีหลักฐานบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านมายื่นสมัคร โดยอ้างว่าเอกสารอยู่ต่างจังหวัด ตนจึงเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวคนกำลังตกงาน ถ้ามีใจก็ให้เริ่มงานเลย
ในช่วงแรก ๆ นายไพสันต์ ทำงานดีมาก กระทั่งผ่านไป 1 เดือน เริ่มมีจ่ายเงินที่เก็บได้ไม่ครบบ้าง ซึ่งตนก็เข้าใจ เพราะบริษัทของตนมีการซื้อขายข้าวแบบใช้เครดิต จนกระทั่งวันที่ 17 ต.ค.63 นายไพสันต์หายไป ไม่มีการติดต่อกลับมา และไม่มีการโอนเงินที่เก็บได้ให้กับบริษัท ตนจึงตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายไพสันต์ โดยให้แรงงานพม่าพาไป
ในวันที่ 1 พ.ย.63 ตนยืนยันว่าไม่ได้บุกรุกแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นการเชิญชวนปกติ สังเกตได้จากภาพกล้องวงจรปิดของนายไพสันต์ มีการถอดรองเท้าบริเวณด้านหน้าห้องตามปกติ ไม่ได้มีการบุกเข้าไปทำร้ายตามคำกล่าวอ้างของนายไพสันต์ ไม่เป็นความจริง ตนมีจุดประสงค์เพียงแค่จะไปถามว่า ทำไมถึงลาออก
ทั้งนี้ตนยืนยันว่า พี่ชายตนที่เป็นหมอ มาเป็นเพื่อน ไม่ได้มีการฉีดสารอะไรใด ๆ ทั้งนั้น ส่วนเรื่องการโอนเงิน 14,000 บาท นายไพสันต์เป็นคนกดโอนให้เอง ส่วนเงินสด 11,000 บาท นายไพสันต์ก็เป็นผู้หยิบมาให้ตน สิ่งที่จะอธิบายความจริงได้ดีที่สุดก็คือหลักฐานว่านายไพสันต์ มีการเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เป็นจำนวนทั้งสิ้น 150,000 บาท
หลังจากนี้ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมถึงการกล่าวพาดพิง โดยสร้างหลักฐานเท็จและหมิ่นประมาท ตนก็จะแจ้งข้อหานี้ด้วย ล่าสุดตนได้เข้าแจ้งความกับ สน.สุทธิสาร แล้ว ขณะนี้กำลังรอหมายเรียกนายไพสันต์ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์
