ผู้ว่าฯสั่งลดระดับน้ำคลองสายหลัก รองรับฝนถล่มกรุงเย็นนี้ 100 มม.

7 ต.ค. 63

ผู้ว่าฯ อัศวิน ขวัญเมือง ตรวจความพร้อมของศูนย์ป้องกันน้ำท่วม หลังกรมอุตุฯ คาด 7-9 ต.ค.นี้ ฝนตกหนักมาก โดยเฉพาะเย็นนี้คาดว่าพื้นที่ กทม.จะมีฝนตกหนักถึง 100 มม. สั่งลดระดับน้ำในคลองสายหลัก รอรับการระบาย

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 63 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมของศูนย์ป้องกันน้ำท่วม และเปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนว่า ช่วงวันที่ 7-9 ต.ค. 63 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในวันนี้จะมีฝนตกปริมาณร้อยละ 80 ซึ่งขณะนี้พบกลุ่มฝนที่ จ.สระบุรี คาดว่าพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีฝนตกด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- นครบาลเตือนคนกรุงเลี่ยง 14 ถนนเสี่ยงน้ำท่วมขัง หากฝนตกหนัก
ฉ่ำยาวๆ อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง 4-6 ต.ค.นี้
ชัชชาติ โชว์วิธีแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ 
กทม.แจงเหตุบ่อสูบไฟดับ-ที่ดินของเอกชน ปมน้ำท่วมพระราม 9 หลังฝนถล่มกรุง

ทั้งนี้ คาดว่าในพื้นที่ กทม.จะมีฝนตกประมาณ 100 มิลลิเมตร (มม.) จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา สำนักเทศกิจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง และสำนักงานเขต 50 เขต บูรณาการความร่วมมือในทำงานให้เกิดประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยสำนักการระบายน้ำจะจัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำจุดเสี่ยงน้ำท่วม สำรวจและติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม ลดระดับน้ำในคลอง แก้มลิง บ่อสูบน้ำ เพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำฝน รวมถึงจะรายงานสถานการณ์ฝน สภาพอากาศจากศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.ต้องขออภัยในความไม่สะดวกต่อผู้ใช้เรือโดยสาร เนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ มีความจำเป็นต้องทำการลดระดับน้ำในคลองสายหลัก ให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ดังกล่าว ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ จึงอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการเดินเรือโดยสาร เช่น คลองแสนแสบ เป็นต้น

ทั้งนี้ เดือน ส.ค. 63 ที่ผ่านมา มีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ มากถึง 150 มม. โดยเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 63 มีฝนตกมากกว่า 100  มม. ซึ่งหากมีฝนตกมากกว่า 100 มม. จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำเพิ่มขึ้น ขณะนี้มี 2 จุดที่ใช้เวลาในการระบายน้ำนานสุดประมาณ 3 ชั่วโมง คือ บริเวณสุขุมวิท 71 ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับ อ.สำโรง จ.สมุทรปราการ และบริเวณหน้าวัดศรีเอี่ยม ซึ่งเป็นพื้นที่แอ่งกระทะและอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ทางรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ